(https://www.img.in.th/images/d5e64b5c2b1f480751d4ddb5859a4a99.jpg)โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)- โรคไวรัสตับอักเสบคืออะไร ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งปกติแล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม อยู่หลังกระบังลมรวมทั้งมีหน้าที่ที่สำคัญต่างๆดังต่อไปนี้ เป็นคลังเก็บของสะสมของกิน อาทิเช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ และปล่อยเมื่อร่างกายอยากได้ สังเคราะห์สารต่างๆยกตัวอย่างเช่น น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดพิษ แล้วก็สิ่งปลอมปน เป็นต้นว่าเชื้อโรค หรือยา แต่ในขณะนี้คนประเทศไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ สภาวะไขมันสะสมในตับ และโรคตับอักเสบ ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยซึ่งเกิดจากโรคตับอักเสบพบได้ทุกวัย ทั้งชายและหญิง โดยมากเป็นโรคตับอักเสบรุนแรง ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังและอาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ
ตับอักเสบ เป็นสภาวะด้านการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับแล้วก็เกิดการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้แนวทางการทำหน้าที่ต่างๆของตับเปลี่ยนไปจากปกติ ร่างกายบางทีอาจออกอาการป่วยไข้บางส่วนหรือเปล่าออกอาการเลยแต่ว่าชอบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการโรคตับเหลือง อาการเบื่ออาหาร และลักษณะของการมีไข้
ต้นเหตุของโรคตับอักเสบ ที่มักพบที่สุดคือ การตำหนิซนเชื้อไวรัส รองลงมามีสาเหตุจาก พิษสุรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางจำพวก สารเคมี โดยส่วนมากจะมีต้นเหตุมาจากการตำหนิดเชื้อไวรัสจำพวกต่างๆซึ่งมีอยู่หลายประเภทร่วมกันหมายถึงไวรัสตับอักเสบประเภท อี ซึ่งแต่ละชนิดมีความต่างกันในเนื้อหาโดยทั่วไปเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถกำจัดเชื้อรวมทั้งจะหายเองได้ แม้กระนั้นมีบางรายร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด กลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง แล้วก็นำไปสู่ภาวการณ์โรคตับแข็งและก็มะเร็งตับต่อไป
นอกเหนือจากนั้นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุ่นแรงสูงและเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง หน่วยงานอนามันโลก หรือ WHO นับว่าโรคนี้คือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อพลเมืองโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกก็เลยประกาศให้วัน ที่ 28 เดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”
- ที่มาของโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคไวรัสตับอักเสบนั้นนับยอดเยี่ยมในกลุ่มโรคตับอักเสบ ที่มีต้นสายปลายเหตุมมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส 5 ประเภทหมายถึงHepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) นอกนั้นอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากปัจจัยอื่นหรือเชื้อไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถตรวจเจอได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรุ๊ป คือ
- กรุ๊ปที่ติดต่อทางการกิน เป็นต้นว่า HAV รวมทั้ง HEV โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรงมากนัก และไม่มีผลข้างๆตามมา คนป่วยที่หายจากการต่อว่าดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะเฉียบพลันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง และก็โรคมะเร็ง
- กลุ่มที่ติดต่อทางเลือด และก็เซ็กซ์ ดังเช่น HBV รวมทั้ง HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีลักษณะเข้าแทรกตามมาได้สูง เพราะว่าผู้เจ็บป่วยเป็นจำนวนมากมีอาการติดโรคเรื้อรัง และก็บางทีอาจเปลี่ยนเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
- ลักษณะของโรคไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แจ้งชัดเป็นอ่อนแรง โรคดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวเหลืองราวกับขมิ้น) โดยมักไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางคนอาจมีอาการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางคนอาจพินิจได้ว่า ก่อนมีลักษณะโรคดีซ่าน จะมีลักษณะอาการดีซ่าน จะมีอาการจับไข้ อ่อนแรง ไม่อยากกินอาหาร เหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอ้วก อาเจียน ถ่าย เหลว หรือท้องเดินร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็สังเกตเห็นฉี่เป็นสีเหลืองเข้ม แล้วมองเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา
ยิ่งกว่านั้น หากคนเจ็บได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทรานซามิเนส อาทิเช่น เอสจีโอที (SGOT) รวมทั้งเอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงยิ่งกว่าคนปกติ ทำให้วิเคราะห์ได้แน่นอนว่า อาการโรคตับเหลืองที่เกิดจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายขึ้น หายเหน็ดเหนื่อย หายไม่อยากกินอาหาร คนที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีอาการอ่อนล้า เมื่อยล้าง่าย ครั้งคราวมีอาการตาเหลืองนิดหน่อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนจะเกิดภาวะเข้าแทรกอื่นๆตามมา ส่วนผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการไม่ดีเหมือนปกติอะไรก็ตามให้เห็นจะรู้ต่อเมื่อตรวจเลือดพบเชื้อเท่านั้น ซึ่งถ้าหากจะแยกอาการตามจำพวกของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังต่อไปนี้
เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จะเกิดอาการตับอักเสบกระทันหันเป็น หมดแรง ไม่อยากอาหาร โรคตับเหลือง โดยในคนแก่จะมีลักษณะมากยิ่งกว่าในเด็ก ไวรัสตับอักเสบเอเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นฉับพลัน หายแล้วหายสนิทในมีภูมิคุ้มกันแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
เชื้อไวรัสตับอักเสบบี การติดเชื้อจากไวรัสจำพวกนี้ชอบทำให้มีการแฝงตัวเป็นเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการต่อว่าดเชื้อไวรัสบีนั้นคือ ผู้เจ็บป่วยมีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับแข็ง แล้วก็มะเร็งตับได้ในระยะยาว ถ้าหากมิได้รับการตำหนิดตามรักษาที่เหมาะสม
ไวรัสตับอักเสบ ซี ไวรัสจำพวกนี้มักไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติอะไรก็ตามจากภาวการณ์ตับอักเสบกระทันหัน แม้กระนั้นจะมีผลให้มีการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะเกิดพังผืดสะสมในตับจนถึงเปลี่ยนเป็นตับแข็งสุดท้าย
เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดี อาการของเชื้อไวรัสประเภทนี้จะมีผลให้เกิดตับอักเสบซ้ำซ้อนขึ้นมา เหมือนกับผู้ป่วยเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของเชื้อไวรัสจำพวกนี้จะทำให้เกิดตับอักเสบรุนแรง ตัวเหลืองตาเหลือง คนป่วยหลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นต้นตย์ หรือ สองสามเดือนได้
- กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบจำพวกเอ กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสูงเป็น กลุ่มที่มีสุขลักษณะหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น ทานอาหารสุกๆดิบๆรับประทานอาการหรือน้ำกินที่ไม่สะอาดและก็ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด
ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพราะว่า ไวรัสจำพวกนี้มักพบในสารคัดเลือกหลั่งของคนเรา อย่างเช่น เลือด น้ำนม สเปิร์ม น้ำลาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวกรุ๊ปเสี่ยงในการติดเชื้อโรคไวรัสชนิดนี้ จึงได้แก้ผู้ที่จำต้องสัมผัสกับสารคัดเลือกหลั่งเหล่านี้ นอกจากนั้นยังสามารถติดโรคจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
ไวรัสตับอักเสบชนิดซี กรุ๊ปบุคคลที่มีความเสี่ยงสำหรับในการติดโรค ดังเช่นว่า บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ติดผงขาว กรุ๊ปคนที่ถูกใจสักตามร่างกาย ฯลฯ
ไวรัสตับอักเสบชนิดดี ไวรัสจำพวกนี้เป็นไวรัสที่ชอบพบว่าเกิดขึ้นพร้อมกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยเหตุนี้กลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบดีจึงเป็นกลุ่มที่มีความประพฤติปฏิบัติเสี่ยง เหมือนกับผู้ที่เสี่ยงจะติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบประเภทอี ไวรัสประเภทนี้สามารถเจอได้ในคนแล้วก็สัตว์ อย่างเช่น หมูแล้วก็สัตว์อื่นๆรวมทั้งกลุ่มบุคคลที่เสี่ยงตายดเชื้อไวรัสชนิดนี้ดังเช่นบุคคลที่กินอาหารสุบๆดิบๆหรือผู้ที่สีสุขภาวะไม่สะอาดฯลฯ
- กระบวนการรักษาโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ หมอวินิจฉัยโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการของคนไข้ เรื่องราวสัมผัสโรค (เช่น การกินอาหาร การได้รับเลือด การระบาดของโรคในสถานที่ทำงาน การมีเพศสัมพันธ์สำส่อน หรือการใช้สิ่งเสพติด) การตรวจร่างกาย ถ้ามีลักษณะเด่นชัดหมายถึงมีลักษณะหมดแรง ดีซ่าน โดยมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน ไม่มีเรื่องราวดื่มสุราจัด น้ำหนักลดเล็กน้อย (เพียงแค่ 1-2 กก.) ยังกินอาหารได้ กินน้ำได้ ไม่คลื่นไส้ แพทย์จะวิเคราะห์โดยการตรวจร่างกายเพิ่มเติมอีก ตัวอย่างเช่น ตรวจพบตับโตน้อย ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมากมาย โดยไม่เจอสิ่งผิดปกติอื่นๆรวมทั้งไม่เจอลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ก็บางทีอาจวิเคราะห์ว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส และให้การดูแลช่วงต้นได้ แม้กระนั้นถ้าหากมีอาการไม่แน่ชัด หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีต้นเหตุที่เกิดจากมูลเหตุอื่น แพทย์จะทำตรวจการทำงานของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าธรรมดาน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าค่ามากยิ่งกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ ถ้าเกิดพบว่าไม่ปกติหมอจะขอตรวจเดือนละครั้งต่อเนื่องกันอย่างต่ำ 3 เดือน การตรวจหาตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจค้น Ig M Anti HAV เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจหา HBsAg หากบวกแสดงว่ามีเชื้ออยู่ Anti HBs หากบวกแสดงว่ามีภูเขามิต่อเชื้อ HBeAg ถ้าเกิดบวกหมายความว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาจำนวนเชื้อ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการพูดว่ามีภูเขาไม่ต่อเชื้อ HCV-RNA มองปริมาณของเชื้อ การตรวจดูส่วนประกอบของตับ เป็นต้นว่าการตรวจคลื่นเสียงเพื่อมองว่ามีตับแข็งหรือมะเร็งตับไหม การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวินิจฉัยความร้ายแรงของโรค เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส แพทย์จะชี้แนะการกระทำตัวต่างๆหากว่าไม่มีอาการอะไรล้นหลามก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง รวมทั้งนัดหมายคนป่วยมาตรวจสอบอาการทุก 1-2สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งจะมั่นใจว่าหายดี ผู้เจ็บป่วยโรคตับอักเสบเชื้อไวรัสโดยมากมักมีลักษณะอาการไม่รุนแรง ไม่ได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง คนเจ็บที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเป็นคนที่มีลักษณะอ่อนเพลียมากมาย รับประทานอาหารไม่ได้ อ้วกอาเจียนมาก เจ็บท้องมากมาย ตัวเหลืองจัด ปวดมึนศีรษะรุนแรง พูดไม่เข้าใจ หรือเปล่ารู้สึกตัว และก็หญิงตั้งท้องรวมทั้งผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม บางคราวอาจให้ยาทุเลาตามอาการ ดังเช่น ยาแก้อ้วก วิตามินบำรุง (ถ้าไม่อยากอาหารมาก) ฉีดกลูโคสหรือให้น้ำเกลือ (หากกินได้น้อย หรือคลื่นไส้มากมาย) ฯลฯ หากว่าตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอักเสบนานเกิน 6 เดือน หมออาจจะต้องกระทำการตรวจพิเศษ อย่างเช่น เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อดูสาเหตุของความร้ายแรงรวมทั้งภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการรักษาบางทีอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) สัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัส รวมทั้งลดการอักเสบของตับ ส่วนผู้ที่ตรวจเจอว่าเป็นพาหะ ของไวรัสตับอักเสบบีหรือซี แพทย์จะแนะนำการกระทำตัว รวมทั้งนัดหมายตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยเพื่อเฝ้าอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
- การติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบ
- เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินของกิน ดื่มนมหรือน้ำที่แปดเปื้อนอุจจาระของผู้ที่มีเชื้อโรคนี้ (เหมือนกับโรคบิด อหิวาตกโรค ไข้รากสาดน้อย) ดังนั้นจึงสามารถแพร่ได้ง่าย บางทีบางทีอาจพบการระบาดในค่ายทหาร สถานที่เรียน หรือ หมู่บ้าน
(https://www.img.in.th/images/034c0e3f9f21a351748ca70fa0aa0ebd.jpg)ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)- เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด รวมทั้งยังอาจพบมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา น้ำนม เยี่ยว น้ำกาม น้ำเมือกในช่องคลอด เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยทางเพศสโมสร หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังเด็กทารกขณะคลอด นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ได้แก่ การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย กระบวนการทำฟัน การใช้เครื่องมือหมอที่มัวหมองเลือดของคนที่มีเชื้อโรคประเภทนี้ เป็นต้น
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบชนิดบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)- เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อชนิดเดียวกันกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทุกประการ และก็มีการดำเนินของโรคแบบเดียวกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือคนที่ติดเชื้อบางทีอาจไม่มีอาการเปลี่ยนไปจากปกติ แต่ว่ามีเชื้ออยู่ภายในร่างกายสามารถแพร่โรคให้คนอื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) ในที่สุดบางทีอาจกำเนิดโรคแทรกรุนแรงเป็นตับแข็งกับโรคมะเร็งตับ ลักษณะของการเกิดอาการพวกนี้มักจะไม่เจอในคนที่ติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
- ไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นเชื้อไวรัสที่ซ่อนเร้นมาพร้อมกับไวรัสตับอักเสบ บี พบมากในกลุ่มประเทศยุโรป โดยไวรัสตัวนี้ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบของไวรัสตับอักเสบบี สำหรับในการแบ่งตัว โดยเหตุนั้นการติดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมทั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือกำเนิดในผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซ่อนเร้นอยู่ ภายในร่างกาย ด้วยเหตุนี้การติดต่อก็เลยมีลักษณะดังไวรัสตับอักเสบประเภทบี
- เชื้อไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นคนป่วยหลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือทานอาหารครึ่งดิบครึ่งสุกซึ่งเป็นเหตุของการติดเชื้อได้ ฉะนั้นการติดต่อของเชื้อไวรัสชนิดนี้ก็เลยมีลักษณะเหมือนกับไวรัสตับอักเสบชนิดเอ
- การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
- ประพฤติตามแพทย์แล้วก็พยาบาลที่ดูแลรักษาเสนอแนะ
- พักเต็มกำลัง ควรหยุดงาน หยุดสถานศึกษาตามแพทย์เสนอแนะ
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคจำต้องจำกัดน้ำกิน
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ 5 กลุ่ม แม้กระนั้นควรเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆ
- กินยาบรรเทาอาการต่างๆตามหมอแนะนำ
- ไม่ซื้อยารับประทานเองเพราะอาจจะเป็นผลให้ตับอักเสบมากขึ้น หรืออาจมีผลกระทบจากยามากขึ้น เนื่องจากว่าตับไม่อาจจะกำจัดยาส่วนเกินออกมาจากร่างกายได้ตามปกติ
- งดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพราะจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
- รักษาสุขลักษณะรากฐาน (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อให้มีร่างกายแข็งแรง ลดความร้ายแรงของโรค แล้วก็ลดการกระจายเชื้อสู่คนอื่น
- ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำโดยเฉพาะก่อนกินอาหารแล้วก็ข้างหลังการขับถ่าย
- แยกเครื่องใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยยิ่งไปกว่านั้นแก้วน้ำและก็ช้อน
- เจอหมอตามนัดหมายเสมอ และรีบเจอหมอก่อนนัดหมายเมื่อมีลักษณะแตกต่างจากปกติไปจากเดิม แล้วก็/หรือ เมื่ออาการต่างๆสารเลวลง และ/หรือเมื่อกังวลในอาการ
- ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัดหมายหรือเป็นการฉุกเฉินเมื่อรับประทาน/ดื่มมิได้ หรือเกิดอาการงวยงง รวมทั้ง/หรือซึมลง เพราะบางทีอาจเป็นอาการของตับวาย
- การป้องกันตัวเองจากโรคไวรัสตับอักเสบ
- รักษาสุขลักษณะรากฐาน (สุขข้อกำหนดแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อโรคต่างๆ
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนอาหารและข้างหลังการขับถ่าย
- รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแต่น้ำสะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง รวมทั้งของกินสุกๆดิบๆ
- รักษาความสะอาดแก้วน้ำรวมทั้งช้อนเสมอ
- รอบคอบการสัมผัสเลือดรวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งของบุคคลอื่น โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้งานเครื่องมือบาง อย่างร่วมกันยกตัวอย่างเช่น เข็มฉีดยา เครื่องมือสักตามร่างกาย รวมทั้งกรรไกรตัดเล็บ
- ใช้ถุงยางอนามัยชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ฉีดยาคุ้มครองปกป้องโรคไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
- การฉีดวัคซีนป้องกัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ
o ทารกแรกคลอดทุกราย โดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o เด็กทั่วไป เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน
o เด็กโต วัยรุ่น คนแก่ บางทีอาจเคยติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ แล้ว
o จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อโรค
- การฉีดวัคซีนปกป้อง เชื้อไวรัสตับอักเสบบี
o ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o เด็กทั่วไป เพื่อสร้างเสริมภูมิต้านทาน
o เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ อาจเคยติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนพินิจพิเคราะห์ฉีด วัคซีน
- สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ
ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
เอกสารอ้างอิง
- โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
- ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
- รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
- มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
- รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
- รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/[/b]
- ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
- Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
- สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
- ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
- ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
- ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.