(https://www.img.in.th/images/fe352ebbc62c7cfddd9d643691df6d9c.jpg)โรคหูน้ำหนวกอักเสบเรื้อรัง/หูน้ำหนวก[/b].( Chronic Otitis media)[/color][/size][/b]
โรคหู[/b]ชั้นกึ่งกลางอักเสบเป็นยังไง ตอนแรกจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ (Otitis media) นั้น เรียกเป็นภาษาราษฎรว่า โรคหูน้ำหนวก มีต้นเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อในหูชั้นกึ่งกลาง
ซึ่งหูชั้นกึ่งกลาง (middle ear) เป็นส่วนของช่องหูที่อยู่ถัดจากเยื่อแก้วหูเข้าไป มีกระดูกค้อน กระดูกทั่ง แล้วก็กระดูกโกลนใส่อยู่ ทำหน้าที่รับคลื่นเสียงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทางหูชั้นนอก และก็ส่งต่อไปยังหูชั้นในซึ่งมีเส้นประสาทหูรับรู้เสียง (การได้ยิน)
ส่วนล่างของหูชั้นกลางมีท่อเล็กๆเชื่อมต่อกับคอหอย เรียกว่า ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) เมื่อมีการติดเชื้อโรคของคอหอย เชื้อโรคสามารถเดินทางผ่านท่อยูสเตเชียนเข้าไปในหูชั้นในได้ ถ้าเกิดท่อยูสเตเชียนมีการอักเสบบวม ก็จะเกิดการอุดตัน ทำให้เชื้อโรคถูกกักไว้ภายในหูชั้นกึ่งกลางกระทั่งมีการติดเชื้อโรคของหูชั้นกึ่งกลาง และบางทีอาจอักเสบเป็นหนองขังอยู่ในหูชั้นกึ่งกลาง มีลักษณะอาการไข้สูง ปวดหู หูอื้อได้ในระยะต้น
โรคนี้ก็เลยพบได้บ่อยร่วมกับโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฝึก คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ฯลฯ โดยเชื้อก่อโรคอาจเป็นเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียก็ได้
โดยโรคหูชั้นกลางอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก เนื่องด้วยในเด็กนั้น ท่อปรับความดันหูชั้นกลางหรือท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกลางแล้วก็หลังโพรงจมูก ยังไม่พัฒนาบริบูรณ์สุดกำลัง ประกอบกับเด็กเกิดภาวะติดเชื้อโรค เช่น หวัดได้บ่อยครั้ง ทำให้ได้โอกาสที่จะเกิดการอักเสบสม่ำเสมอไปยังรูเปิดของท่อปรับความดันหูชั้นกึ่งกลาง ซึ่งอยู่ข้างหลังโพรงจมูก มีผลก่อให้เกิดสภาวะหูชั้นกลางอักเสบกะทันหัน (Acute otitis media) ขึ้น ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา จะมีลักษณะไข้ หูอื้อ แล้วก็ปวดหูมากมาย จวบจนกระทั่งเมื่อแก้วหูทะลุ อาการปวดหูและก็ไข้จะเริ่มทุเลาลง แต่ว่าจะมีน้ำหนอง ซึ่งมีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากหู และถ้าหากยังมิได้รับการดูแลรักษาที่สมควรอีก บางทีอาจเปลี่ยนเป็น “โรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หรือหูน้ำหนวก (Chronic otitis media)” ต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง แทรกซ้อนต่างๆตามมาได้ อาทิเช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หูชั้นในอักเสบ ฝีในสมอง ฝีข้างหลังหู ฝีที่คอ ใบหน้าเป็นอัมพาต อื่นๆอีกมากมาย
โรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ ชอบกำเนิดอาการอักเสบด้านในของบริเวณหูชั้นกลาง โดยมากแล้วมักมีต้นเหตุมาจากการต่อว่าดเชื้อที่เยื่อหู กระทั่งก่อเกิดอาการบวมแดง อักเสบ รวมทั้งกำเนิดของเหลวที่บริเวณหลังแก้วหู
โดยระดับของการอักเสบแบ่งได้ 3 ระดับดังนี้
- หูชั้นกึ่งกลางอักเสบกะทันหัน (Acute otitis media – AOM) โดยปกติแล้วถ้าหากผู้ป่วยไม่มีอาการหูชั้นกึ่งกลางอักเสบมาก่อน จะถือได้ว่าหูชั้นกึ่งกลางอักเสบกระทันหัน เนื่องมาจากอาการดังที่กล่าวผ่านมาแล้วจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีสภาวะ ดังต่อไปนี้ ส่วนมากมักเกิดร่วมกับการต่อว่าดเชื้อในบริเวณทางเท้าหายใจส่วนต้น (คอรวมทั้งจมูก) ดังเช่น ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ รวมทั้งบางรายหูชั้นกึ่งกลางอักเสบรุนแรงอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ โรคไอกรน ฝึกหัด ทำให้เชื้อโรคบริเวณคอผ่านท่อยูสเตเชียน หรือท่อปรับความดันหูชั้นกึ่งกลาง (Eustachain tube) เข้าไปในหูชั้นกลางได้ และมีการอักเสบขึ้นมา ทำให้เยื่อบุผิวข้างในหูชั้นกึ่งกลางรวมทั้งท่อยูสเตเชียนบวม แล้วก็มีหนองขังอยู่ในหูชั้นกลาง เนื่องจากไม่สามารถที่จะระบายผ่านท่อยูสเตเชียนที่บวมและตันได้ สุดท้ายเยื่อแก้วหูซึ่งเป็นเยื่อบางๆที่กั้นอยู่ระหว่างหูชั้นกลางอักเสบกับหูชั้นนอกก็จะมีการทะลุเป็นรู หนองที่ขังอยู่ภายในก็จะไหลออกมาเปลี่ยนเป็นหูน้ำหนวกในเวลาต่อมา
- ภาวการณ์น้ำคั่งในหูชั้นกลาง (Otitis media with effusion-OME) เมื่อมีการอักเสบที่หูชั้นกึ่งกลางจะก่อให้เกิดของเหลวข้างในหู ซึ่งอาจส่งผลต่อการได้ยินในระยะสั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นภาวะที่มีนํ้าขังอยู่ในหูชั้นกึ่งกลางโดยที่ไม่มีอาการแสดงของการอักเสบหรือติดโรค คนเจ็บมักจะมีลักษณะหูอื้อ การได้ยินลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่มีอาการปวดหูและไม่จับไข้ เมื่อตรวจสอบในหูจะไม่เจอการบวมแดงของแก้วหู แต่จะมีการขยับของเยื่อแก้วหูลดน้อยลง (ด้วยเหตุว่ามีน้ำขังอยู่ด้านหลัง) ภาวการณ์นี้พบบ่อยในผู้ที่มีส่วนประกอบบริเวณใบหน้าที่ไม่ดีเหมือนปกติ
- หูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง ถ้าหมอพบว่ามีการฉีกขาดของแก้วหูบ่อยๆและมีร่องรอยของการอักเสบ ก็อาจส่งผลให้หมอวิเคราะห์ได้ว่ามีการอักเสบอย่างเรื้อรังที่หูชั้นกึ่งกลางได้โดยมีสภาวะดังต่อไปนี้ เป็นสภาวะที่มีการทะลุของเยื่อแก้วหูและมีหูน้ำหนวกไหลแบบเรื้อรัง (โดยมากจะเริ่มเป็นมาตั้งแต่เด็ก) โดยบางทีอาจเกิดขึ้นจากหูชั้นกึ่งกลางอักเสบกะทันหันหรือมาจากการได้รับบาดเจ็บจนถึงแก้วหูทะลุก็ได้ แล้วก็บางครั้งบางทีอาจเจอร่วมกับคนที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ผนังกั้นช่องจมูกคด และริดสีดวงจมูก
ซึ่งโรคหูชั้นกลางอักเสบนี้มักพบในเด็กมากยิ่งกว่าในคนแก่ โดยยิ่งไปกว่านั้นเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี เนื่องมาจากท่อยูสเตเชียนของเด็กสั้นกว่าและอยู่ในแนวระนาบมากยิ่งกว่าในผู้ใหญ่ โดยในโรคหูชั้นกลางอักเสบนี้ ระยะของการอักเสบที่ทำให้มีน้ำหนองไหลออกมาจากรูหู (ภาษาชาวบ้านเรียกน้ำหนวก) นี้ ชอบเจอในระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรั้ง เป็นส่วนมาก ส่วนระยะอื่นพบมากได้นานๆครั้งมาก รวมทั้งความรุนแรงของโรคก็ไม่มากมายเท่าระยะเรื้อรัง ฉะนั้นในหัวข้อต่อไปคนเขียนก็เลยจะขออธิบายเฉพาะในระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังหรือโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของผู้อ่าน
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง สิ่งที่ทำให้เกิดโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้องรังของ (COM) มักเกิดจาก
- หูชั้นกลางอักเสบรุนแรง (acute otitis media) ที่มิได้รับการรักษาทันท่วงที ทำให้หนองในหูชั้นกลางดันเยื่อแก้วหูทะลุออกมาก รวมทั้งต่อจากนั้นไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีทำให้เยื่อแก้วหูที่ทะลุนั้นไม่สามารถที่จะปิดได้เอง
- เยื่อแก้วหูทะลุจากการบาดเจ็บ (traumatic tympanic membrane perforation) ตัวอย่างเช่น ใช้ไม่พันสำลีปั่นช่องหู แล้วมีอุบัติเหตุชนทำให้ไม้พันสำลีนั้น ชนเยื่อแก้หูกระทั่งทะลุเป็นรูรวมทั้งรูนั้นไม่อาจจะปิดได้เอง หรือมีสาเหตุมาจากการผ่าตัดกรีดเยื่อแก้วหู (myringotomy) เพื่อระบายหนองออกมาจากหูชั้นกลาง ในผู้ป่วยที่มีหูชั้นกลางอักเสบกระทันหันที่มีภาวะแทรกซ้อน หรือผ่าตัดเพื่อใส่ท่อระบายของเหลวหรือหนองในหูชั้นกลาง (ventilation tubes) และติดอยู่ไว้ที่เยื่อแก้วหู แล้วหลุดออกไป แม้กระนั้นรูที่เกิดขึ้นมาจากการผ่าตัดนั้นไม่อาจจะปิดได้เอง ซึ่งมูลเหตุที่ทำให้เยื่อแก้วหูที่ทะลุนั้นไม่สามารถที่จะปิดได้เองดังเช่นว่า
- มีการไหลของของเหลว อย่างเช่น มูกหรือหนองผ่านรูทะลุตลอดเวลา เนื่องจากว่ายังมีการติดเชื้อในหูชั้นกลางอยู่
- เยื่อบุผิวหนังของหูชั้นนอก (squamous epithelium) เข้ามาปกคลุมที่ขอบของรูทะลุ เมื่อเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้กลไกสำหรับเพื่อการ
(https://www.img.in.th/images/7de14273979038a9b99e41678869fb0b.jpg)
Proteus speciesที่มา : Googleป้องกันการต่อว่าดเชื้อของหูชั้น
กึ่งกลางเสียไป เมื่อเยื่อแก้วหูทะลุ ทำให้กลไกสำหรับการคุ้มครองปกป้องการติดเชื้อของหูชั้นกลางเสียไปเชื้อโรงที่เป็นสาเหตุของการตำหนิดเชื้อและก็ทำให้หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น เชื้อแบคทีเรียแล้วก็
พบได้มาก คือเชื้อประเภทมึงรมลบ
(https://www.img.in.th/images/f3f64c57f06d7f350e74ff2864bbec45.jpg)
Pseudomonas aeruginosa ที่มา : Googie (https://www.img.in.th/images/7e6a368385a063be70ea53a613d5c2b1.jpg)
Staphylococcus aureusที่มา Wikipedia และก็Pseudomonas aeruginosa, Proteus species, Klebsiella pneumoniae รวมทั้งเชื้อประเภทเอ็งรมบวก อาทิเช่น Staphylococcus aureus และก็บางทีอาจพบเชื้อ anaerobes เป็นต้นว่า Bacteroides, Peptostrep-tococcus, Peptococcus ได้ ซึ่งสามารถไปสู่ร่างกายได้โดย
- มีต้นเหตุมาจากการที่เชื้อโรคจากคอ หรือ จมูก ผ่านเข้าทาง Eustachian tube ไปสู่หูชั้นกลาง
- เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อโรคเข้าทางรูหู ผ่านแก้วหูที่ทะลุอยู่ก่อนแล้ว เข้าไปสู่หูชั้นกลาง และก็ mastoid air cell
- ผ่านทางกระแสเลือด
นอกจากนี้ยังอาจมีมูลเหตุมาจาก มีการตันของรูเปิดของท่อยุยงสเตเชียนจากพยาธิสภาพในโพรงหลังจมูก อย่างเช่น โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก ต่อมอดีนอยด์โต, การอักเสบของโพรงจมูก ไม่ว่าจากการตำหนิดเชื้อ หรือไม่ใช่การต่อว่าดเชื้อการอักเสบของโพรงข้างหลังจมูก ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากกรดไหลย้อนที่ขึ้นมาที่โพรงหลังจมูก หรือมีเหตุที่เกิดจากกรดไหลย้อนที่ขึ้นมาที่โพรงหลังจมูก หรือมีต้นเหตุจากความไม่ดีเหมือนปกติโดยกำเนิดของท่อยูสเตเชียนทางกายส่วนและสรีรวิทยา ได้แก่ เพดานโหว่ (cleft palate) Down syndrome พยาธิภาวะดังที่กล่าวถึงแล้ว ทำให้มีการคั่งของของเหลวที่ผลิตจากหูชั้นกึ่งกลาง และก็เกิดการอักเสบของเยื่อบุหูชั้นกลาง และทำให้ของเหลวดังที่กล่าวผ่านมาแล้วไหลออกมาจากหูชั้นกลางได้
ลักษณะของโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หูชั้นกลางอักเสบจำพวกเรื้อรัง แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ- ชนิดไม่อันตราย (safe or uncomplicated ear) รูทะลุของเยื่อแก้วหู มักจะอยู่ตรงกลาง (central perforation) โอกาสที่เยื่อบุหูชั้นนอก (stratified squamous epithelium) หรือคราบไคล (cholesteatoma) จะเข้าไปในหูชั้นกลางและโพรงอากาศมาสตอยด์ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย หูน้ำหนวกจำพวกนี้ คือ ชนิดที่ไม่มีไคลนั่นเอง ชนิดนี้ผู้ป่วยจะมีหนอง (mucopurulent discharge) ไหลจากหูเป็นๆหายๆอาจตรวจเจอ granulation หรือ polyp ได้ มักไม่พบว่ามีลักษณะอาการปวดหูร่วมด้วย ถ้ามีอาการปวดหูหมายความว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ยิ่งกว่านั้นคนเจ็บมักเสียการได้ยินแบบการนำเสียงเสีย บางรายอาจมีเส้นประสาทหูเสื่อมร่วมด้วยจาก Bacterial Toxin
- ประเภทอันตราย (unsafe or complicated ear) ชอบมีรูทะลุของเยื่อแก้วหู อยู่ที่ขอบแก้วหู (marginal perforation) ทำให้โอกาสที่เยื่อบุหูชั้นนอก หรือไคลจะเข้าไปในหูชั้นกลางแล้วก็โพรงกระดูกมาสตอยด์ นำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนสูง หูน้ำหนวกชนิดนี้หมายถึงประเภทที่มีไคลนั่นเอง ประเภทนี้ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการคือ ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการหนองไหลออกมาจากหูเป็นๆหายๆแม้ว่ารักษาโดยใช้ยาเต็มกำลังแล้วอาการกำเริบ และก็มีลักษณะหูตึงจากการนำเสียงไม่ปกติ (conductive hearing loss) หรือทำลายอวัยวะที่เกี่ยวกับการได้ยินในหูชั้นใน ทำให้หูตึงจากเส้นประสาทหูดำเนินงานผิดปกติ (sensorineural hearing loss) มีลักษณะเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ทำให้มีการเกิดอัมพาตของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เกิดภาวะสอดแทรกทางสมอง อย่างเช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis), ฝีในสมอง (brain abscess),
(https://www.img.in.th/images/6a728c53076c7421ecf65b10eb520443.jpg)
การติดเชื้อของหลอดเลือดในกะโหลกศีรษะ (sigmoid sinus thrombophlebitis) มีการอักเสบของกระดูกมาสตอยด์ (mastoiditis) เพราะว่ามีหนองขังอยู่ในส่วนของกระดูก มาสตอยด์ แล้วไม่อาจจะระบายออกไปได้ ทำให้มีการทำลายของกระดูกส่วนที่เป็นโพรงอากาศมาสตอยด์คนป่วยมีลักษณะปวดหูมากขึ้น มีหนองไหลออกจากหูมากเพิ่มขึ้น
และก็มีกลิ่นเหม็น กำเนิดฝีหนองข้างหลังหู (subperiosteal abscess)กรรมวิธีรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากวิธีซักประวัติลักษณะของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย และการใช้เครื่องส่องหู (Otoscope) ส่องดู ซึ่งจะเจอเยื่อแก้วหูมีลักษณะไม่ปกติ ถ้าหากแก้วหูยังไม่ทะลุสามารถยืนยันการมีน้ำในหูชั้นกึ่งกลางได้ด้วยการตรวจ pneumatic otoscope และก็การวัด tympanometry ถ้าหากทะลุแล้วจะเห็นรูทะลุแล้วก็มีน้ำอยู่ในรูหูชั้นนอก สามารถนำน้ำในหูไปย้อมสีรวมทั้งเพาะหาจำพวกของเชื้อได้แล้วก็การตรวจนับเม็ดเลือดจะช่วยยืนยันภาวการณ์ติดเชื้อหากยังไม่มีหนองไหล นอกนั้นยังมีการตรวจพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมอย่างเช่น
- การถ่ายรังสีกระดูกมาสตอยด์ (plan film of mastoid) มักพบว่าโพรงกระดูกมาสตอยด์ทึบ และนิดหน่อยของกระดูกมาสตอยด์อาจถูกทำลายไป
- การตรวจการได้ยิน เพื่อตรวจระดับของการได้ยินหนเสียไป หากการอักเสบของหูชั้นกลางหรือ cholesteatoma ทำลายกระดูกหู (ossicular destruction) จะมีผลให้มีการสูญเสียการได้ยินมาก (conductive hearing loss) หรืออาจมีการสูญเสียของประสาทหู (sensorineural hearing loss) ได้หากมี inner ear involvement
- การเป่าลมเข้าไปในช่องหู เพื่อดูว่าผู้ป่วยมีอาการเวียนหัวมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีลูกตากระเหม็นตุก (nystagmus) หรือ (fistula test) ถ้าหาก cholesteatoma ได้ทำลายกระดูกที่ห่อหุ้มอวัยวะควบคุมการเลี้ยงตัว จนถึงกำเนิดทางเชื่อมต่อระหว่างหูชั้นกึ่งกลาง และก็อวัยวะควบคุมการเลี้ยงตัว การเป่าลมดังที่กล่าวมาแล้วจะทำการกระตุ้นอวัยวะควบคุมการเลี้ยงตัว ทำให้คนเจ็บมีลักษณะอาการเวียนหัวหรือดวงตากระตุกได้ ควรกระทำทดลองดังกล่าวในผู้เจ็บป่วยทุกรายที่มี cholesteatoma โดยยิ่งไปกว่านั้นคนป่วยที่มีลักษณะเวียนหัว
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ของกระดูกเทมโพคอยล (temporal bone) พินิจทำในรายที่ใช้ยารักษาสุดกำลังแล้วไม่ดีขึ้น (สงสัย cholesteatoma เนื้องอก,สิ่งปลอมปน) หรือสงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อน (ossicular or fallopian canal erosion จาก cholesteoma, subperiostea abscess)
- การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ของกระดูกเทมโพรอคอยล พิจารรณาทำในรายที่สงสัยว่าจะมีภาวะแทรกซ้อน (dural inflammation, sigmoid sinus thrombosis, labyrinthitis, extra-craniai and intracranial abscess)
สำหรับวิธีการดูแลรักษาโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรังชนิดไม่อันตรายเป็น ชำระล้าง ดูดหนองในรูหู ให้ยาหนอดหู fluoroquinolone ear drop 14-28 วัน
ถ้าหากว่าอาการยังไม่ดีขึ้นให้ รับประทานยาปฏิชีวนะ ร่วมด้วย หลังจากให้การรักษาโดยใช้ ยาปฏิชีวนะอย่างมากแล้วยังไม่ดีขึ้นจำต้องประเมินหา cholesteatoma แล้วก็ mastoiditis
ในคนป่วยบางรายหลังการดูแลรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะไปแล้ว ยังพบว่าแก้วหูทะลุอยู่ไม่สามารถที่จะปิดเองได้ซึ่งบางทีอาจใคร่ครวญรับการผ่าตัดแก้วหู (tympanoplasty) จุดหมายหลักสำหรับการปะเยื่อแก้วหูเป็น
- เพื่อกำจัดการตำหนิดเชื้อในหูชั้นกลาง
- เพื่อคุ้มครองการติดเชื้อผ่านเยื่อแก้วหูที่ทะลุเข้าสู่หูชั้นกึ่งกลาง
- เพื่อช่วยให้การได้ยิน
รวมทั้งกระบวนการรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังประเภทอันตรายคือ กำจัดการตำหนิดเชื้อภายในหูชั้นกลางป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อโรคด้านในหูชั้นกึ่งกลางอีก รักษาการได้ยินให้อยู่ในสภาพดี
นอกจากจุดหมายปลายทางสำหรับการรักษาดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว 3 ข้อแล้ว ควรทำให้ cholesteatoma มีทางออก เพื่อป้องกันไม่ให้ cholesteatoma มีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนไปทำลายอวัยวะที่สำคัญต่างๆ
- การรักษาทางยา โดยบางทีอาจให้ยาต่อต้านจุลชีวันจำพวกรับประทานแล้วก็ชนิดหยอดหู และก็ให้ยาต้านจุลชีวันประเภทฉีดเข้าเส้นโลหิต ในผู้ป่วย ที่มีภาวะแทรกซ้อน แล้วก็ชำระล้างหู โดยนำหนองของเหลว แล้วก็เนื้อตายในหูชั้นกลางออกให้หมด
- ทำการผ่าตัด mastoidectomy สำหรับผู้ป่วยที่มี cholesteatoma เก็กกักเอาไว้ภายในส่วนของแก้วหูที่เป็นแอ่ง รวมทั้งแพทย์ไม่สามารถที่จะแลเห็นรวมทั้งชำระล้างเอา cholesteatoma โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนในสุดของแอ่งได้ ควรกระทำการผ่าตัด หลักการเป็นเอา cholesteatoma ออกมาให้หมด โดยทำ tympanomastoid surgery แล้วก็เปิดทางให้ choleseatoma ที่อยู่ด้านใน มีทางออกสู่ข้างนอก เพื่อป้องกันไม่ให้ cholesteatoma มีการขยายขนาดจนไปทำลายอวัยวะที่สำคัญต่างๆรวมทั้งเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
(https://www.img.in.th/images/59db43dbbe707d6a87fba2fbf445a24b.jpg)ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง สาเหตุต่างๆที่ทำให้คนป่วยเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อด้านในหูชั้นกึ่งกลางกระทั่งกลายเป็นการอักเสบเรื้อรังได้ ซึ่งดังเช่นว่า- อายุ หูชั้นกึ่งกลางอักเสบมักเกิดขึ้นในเด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี เป็นส่วนมาก เนื่องมาจากท่อยูสเตเชียนของเด็กอยู่ในลักษณะแนวระดับก่อให้เกิดการระบายของเหลวไม่ดีเพียงพอเหมือนผู้ใหญ่
- ปัญหาสุขภาพ เด็กที่มีภาวการณ์ปากแหว่งเพดานแหว่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดติดโรคในหูชั้นกึ่งกลาง เพราะความไม่ปกติดังที่กล่าวถึงแล้วจะนำมาซึ่งการทำให้เชื้อโรคไปสู่ท่อยูสเตเชียนรวมทั้งไปสู่หูชั้นกึ่งกลางได้ง่ายดายกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนั้น ผู้เจ็บป่วยกลุ่มดาวน์ซินโดรม (Down's Syndrome) ที่มีลักษณะทางด้านกายภาพที่ไม่เหมือนกับเด็กคนทั่วๆไปจะมีโอกาสเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดหูชั้นกึ่งกลางอักเสบได้มากขึ้น
- การดื่มนมแม่ เด็กที่ไม่ได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่กำเนิดจะมีผลให้มีภูมิคุ้มกันในตอนแรกกำเนิดน้อยกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ เพราะเหตุว่าในนมแม่มีภูมิคุ้มกันที่ดีรวมทั้งช่วยคุ้มครองปกป้องการติดเชื้อต่างๆได้
- การเปลี่ยนแปลงของฤดู ไข้หวัดมักเป็นกันมากในฤดูฝน แล้วก็หน้าหนาว ซึ่งอาจจะก่อให้คนป่วยติดโรคที่หูได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นไข้หวัด นอกจากนี้ คนเจ็บโรคภูมิแพ้อากาศก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคได้อีกด้วย
- การดูแลเด็ก เด็กที่ต้องได้รับการดูแลในสถานรับเลี้ยงมีการเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัดและมีการติดเชื้อที่หูได้ง่าย เพราะภูมิต้านทานของเด็กยังไม่พัฒนา แล้วก็สถานที่รับเลี้ยงเด็กมักเป็นแหล่งแพร่ระบาดโรคที่ทำให้เด็กเจ็บไข้ได้มากที่สุด
- มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละอองควันกลางอากาศรวมทั้งควันบุหรี่ อาจทำให้มีการเกิดการติดเชื้อในระบบทางเท้าหายใจ และหูได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- การสั่งน้ำมูกแรงๆการดำน้ำ การว่ายน้ำ ในระหว่างที่มีการอักเสบในโพรงหลังจมูกจะก่อให้มีการอักเสบติดเชื้อโรคในหูชั้นกึ่งกลางได้ง่ายขึ้น
การติดต่อของโรงหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง โรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้องรังหรือหูน้ำหนวกนี้ เป็นโรคที่เกิดจากาการตำหนิดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ในบริเวณหูชั้นกลางซึ่งมิได้เป็นโรคติดต่อและไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)- ไม่แคะ ปั่น เขี่ย หรือถูขี้หูออก หรือทำความสะอาดหูโดยใช้ไม้พันสำลี นิ้วมือ หรือวัตถุอะไรก็แล้วแต่ใส่เข้าไปในรูหู โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากหมอแล้วก็พยาบาล
- คุ้มครองไม่ให้น้ำน่าฟัง โดยใช้สำลีหรือวัสดุอุดรูหู (Ear plug) ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านค้ากีฬา (เป็นที่อุดหูในการว่ายน้ำหรือมุดน้ำ) แล้วก็ทุกคราวขณะอาบน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้น้ำเข้าหู
- ในเวลาที่มีหูน้ำหนวกไหลหรือเป็นโรคหูน้ำหนวกเรื้อรัง ควรจะไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกต้องรวมทั้งต่อเนื่อง หลบหลีกการดำน้ำหรือเล่นน้ำในสระหรือแม่น้ำลำคลอง
- ไม่ควรล้างหูด้วยสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นประจำหรือซื้อยาหยอดหูมาใช้เอง
- ไม่ไอแบบปิดปากแน่น หรือสั่งขี้มูก จามรุนแรงแบบปิดจมูกแน่น
- ปกป้องตนเองไม่ให้เป็นหวัด หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบ
- ประพฤติตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานยาดังที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ครบสมบูรณ์ ไม่หยุดยาเอง ถึงแม้ว่าอาการจะทุเลาลงแล้วก็ตาม เนื่องจากว่าอาจจะทำให้การดูแลและรักษาได้ผลไม่เต็มกำลัง หรือเกิดภาวะเข้าแทรกได้
- เมื่อมีลักษณะน่าสงสัย หรือเป็นหวัดนาน หรือ เป็นหูชั้นกลางอักเสบรุนแรง (มีลักษณะอาการไข้ หูอื้อ ปวดหู มีน้ำหนองซึ่งมีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากหู) ควรจะรีบไปพบแพทย์/แพทย์หู คอ จมูก
การปกป้องตนเองจากโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)- การปกป้องคุ้มครองในเด็กบางทีอาจทำได้โดยการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง อย่างเช่น ส่งเสริมให้เด็กแบเบาะกินนมแม่ หลบหลีกการส่งเด็กไปเลี้ยงที่ศูนย์เลี้ยงเด็กที่มีการเขตสุขาภิบาลไม่ดี
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้เป็นไข้หวัด รวมทั้งโรคติดเชื้อทางเท้าหายใจอื่นๆ
- ฉีดวัคซีนคุ้มครองปกป้องเชื้อนิวโมค็อกคัส (pneumococcal vaccine) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบและปอดอักเสบ
- เลี่ยงการอยู่ในที่ๆมีควันที่เกิดจากบุหรี่
- รอบคอบอย่าให้มีอันตรายหรืออุบัติเหตุกับหู หลบหลีกการกระทบสะเทือนบริเวณหูและบริเวณใกล้เคียง เพราะอาจจะเป็นผลให้แก้วหูทะลุและก็ฉีกขาดได้
- ถ้าหากมีอาการป่วยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบฉับพลันควรรีบกระทำการรักษาก่อนที่จะกลายเป็น ระยะหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง
- ทำให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อลดการเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆด้วยการทานอาหารที่มีสาระให้ครบถ้วนบริบูรณ์ 5 กลุ่ม และก็หมั่นออกกำลังกาย
- เมื่อมีลักษณะอาการน่าสงสัย หรือเป็นหวัดนาน หรือ เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบทันควัน ควรจะรีบไปพบแพทย์
สมุนไพรที่ใช้ปกป้อง / รักษาโรคหูชั้นกึ่งกลางอักเสบเรื้อรัง (หูน้ำหนวก)- หูเสือหรือเนียมหูเสือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plectranthus amboinicus คุณประโยชน์ทางยาไทยพบว่า น้ำคั้นจากใบสามารถแก้ปวดหู พิษฝีในหู หูน้ำหนวก ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าสามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งยีสต์ ยับยั้งเชื้อรา ฆ่าแมลง ยับยั้งการงอกของพืชอื่น ยั้งเอนไซม์ protease จากเชื้อ HIV และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สารสำคัญที่เจอในใบ เช่น น้ำมันหอมระเหย thymol, carvacrol, γ-terpinene, cyperene ฯลฯ
- [url=http://www.disthai.com/16484907/%E0%B8%81