หัวข้อ: โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ เมษายน 02, 2018, 04:26:01 pm (https://www.img.in.th/images/700443a20ab14aa66962d4229755bee5.jpg)
โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) โรคไส้ติ่งอักเสบคืออะไร ไส้ติ่ง (Vermiform appendix) เป็นส่วนเพิ่มเติมของไส้ที่ยื่นออกมาจากกระพุ้งไส้ใหญ่ (Cecum) ไส้ติ่งมีรูปร่างเสมือนถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อย ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ อยู่ตรงบริเวณท้องน้อยข้างขวา โดยมีลักษณะเป็นถุงแคบแล้วก็ยาว มีขนาดกว้างเพียงแค่ 5-8 มม. และมีความยาวหรือก้นถุงลึกโดยเฉลี่ย 8-10 เซนติเมตร (ในผู้ใหญ่) ด้านในมีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ฝาผนังข้างในของไส้ติ่งมีเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเยื่อเกิดการอักเสบได้ง่าย โดยเนื้อเยื่อนี้จะมีการเพิ่มปริมาณมากมายช่วงวัยรุ่น จึงเจอไส้ติ่งอักเสบกำเนิดได้บ่อยครั้งในวัย รุ่น ไส้ติ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ที่ฝ่อตัวลงและไม่ได้ทำหน้าที่ในการย่อยรวมทั้งซับอาหาร ด้วยเหตุว่าเป็นท่อขนาดเล็กปลายตัน เมื่อเกิดการอักเสบจึงทำให้เนื้อผนังไส้ติ่งเน่าตายรวมทั้งเป็นรูทะลุในเวลาอันรวดเร็วทันใจได้ ไส้ติ่งอักเสบคือ อาการบวมและติดเชื้อของไส้ติ่งนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันรวมทั้งอันตราย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างรีบ ด่วน เพราะว่าถ้าทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ช่องท้อง และก็บางทีอาจเป็นสา เหตุรุนแรงจนถึงติดโรคในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยการเสียชีวิตโดยมากของโรคไส้ติ่งอักเสบมีสาเหตุมาจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้วก็ภาวการณ์ช็อค โรคไส้ติ่งอักเสบได้รับการอธิบายเป็นครั้งแรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429 ปัจจุบันนี้ได้รับการยินยอมรับว่าเป็นเลิศในสาเหตุของลักษณะของการปวดท้องร้ายแรงรุนแรงที่มักพบที่สุดทั้งโลกรวมทั้ง โรคไส้ติ่งอักเสบยังพบเป็นสาเหตุอันดับแรกๆของโรคปวดท้อง ที่จำเป็นต้องรักษาด้วยแนวทางผ่าตัดเร่งด่วน บ่อยที่ค้นพบว่าคนไข้ปล่อยให้มีอาการปวดท้องนานหลายวันแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยมาโรงหมอ ซึ่งมักจะพบว่าเป็นถึงขั้นไส้ติ่งแตกแล้ว ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนกระทั่งคนชรา และก็ยังรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ แม้กระนั้นจะมักพบในช่วงอายุ 10-30 ปี (พบได้น้อยในคนชรา เนื่องจากไส้ติ่งตีบยุบมีเยื่อหลงเหลือน้อย แล้วก็ในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 3 ปี ด้วยเหตุว่าโคนไส้ติ่งยังค่อนข้างจะกว้าง) ในสตรีรวมทั้งเพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน และมีการคาดทำนองว่าในทั้งชีวิตของผู้คนจะได้โอกาสเป็นโรคนี้ราวๆ 7% ในปีๆหนึ่งจะมีคนป่วยเป็นโรคนี้โดยประมาณ 1 ใน 1,000 คน สิ่งที่ทำให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากมีสภาวะอุดกันของรูไส้ติ่ง ส่วนการอุดกั้นนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นการเกิดขึ้นเองโดยไม่เคยรู้ต้นสายปลายเหตุเด่นชัด แม้กระนั้นส่วนหนึ่งมีเหตุมาจากมีเศษอุจจาระแข็งๆเรียกว่า "นิ่วอุจจาระ" (fecalith) ชิ้นเล็กๆตกลงไปอุดกั้นอยู่ภายในรูของไส้ติ่ง แล้วทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูไส้ติ่งปริมาณน้อยเกิดการเจริญรุ่งเรืองขยายพันธุ์แล้วก็รุกล้ำเข้าไปในฝาผนังไส้ติ่ง จนเกิดการอักเสบตามมา ถ้าหากปลดปล่อยไว้เพียงแต่ไม่กี่วัน ฝาผนังไส้ติ่งก็มีการเน่าตายรวมทั้งแตกทะลุได้ รวมทั้งมูลเหตุที่พบได้รองลงมาคือ มีเหตุที่เกิดจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่ผนังไส้ติ่งที่ดกตัวขึ้นตามการอักเสบต่างๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกนั้นอาจเกิดขึ้นจากสิ่งแปลกปลอม (เป็นต้นว่า เมล็ดผลไม้), หนอนพยาธิ (ที่สำคัญเป็น พยาธิไส้เดือน พยาธิด้าย พยาธิตืดหมู) หรือเนื้องอก หรือบางเวลาก็อาจเกิดขึ้นจากการตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่นำมาซึ่งการทำให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย และก็ต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งมีการปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขยายตัวขึ้นจนไปปิดกั้นไส้ติ่ง และทำให้ไส้ติ่งที่อาจมีเชื้อโรคอาศัยอยู่กำเนิดอาการอักเสบท้ายที่สุด ในคนป่วยบางรายบางทีอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (Cytomegalovirus) ซึ่งมักจะพบได้ในผู้ป่วยเอดส์ รวมทั้งบางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบโดยที่แพทย์ไม่รู้ต้นเหตุเลยก็ได้ อาการโรคไส้ติ่งอักเสบ อาการสำคัญของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นคือ คนป่วยจะมีลักษณะเจ็บท้องที่มีลักษณะต่อเนื่องรวมทั้งปวดแรงขึ้นนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป หากมิได้รับการรักษาก็มักจะปวดอยู่นานหลายวัน กระทั่งผู้ป่วยทนปวดไม่ไหวจะต้องพาส่งโรงหมอ ซึ่งอาการของไส้ติ่งอักเสบนั้นอาจแบ่งออกเป็นสองจำพวก เป็นจำพวกตรงไปตรงมาและก็ประเภทไม่ตรงไปตรงมาดังนี้ จำพวกขวานผ่าซากเดิมอาจปวดแน่นตรงลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะ บางคนบางทีอาจปวดบิดเป็นพักๆรอบๆสะดือ คล้ายลักษณะของการปวดแบบท้องร่วง อาจเข้าส้วมหลายครั้ง แม้กระนั้นถ่ายไม่ออก (แม้กระนั้นบางคนอาจมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือ ถ่ายเหลวร่วมด้วย)ถัดมาจะมีอาการอาเจียน อ้วก ไม่อยากกินอาหารร่วมด้วย ลักษณะของการปวดท้องชอบไม่ดีขึ้น แม้ว่าจะรับประทานยาพาราอะไรก็ตาม ต่อมาอีก 3-4 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา มีลักษณะปวดเสียดตลอดเวลา และก็จะเจ็บมากขึ้นเมื่อมีการขยับตัว หรือเวลาเดินหรือไอจาม ผู้เจ็บป่วยจะนอนนิ่งๆถ้าเกิดเป็นมากคนเจ็บจะนอนงอขา เอียงไปข้างหนึ่ง หรือเดินตัวงอ เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้น เมื่อถึงขั้นที่มีอาการอักเสบของไส้ติ่งแจ้งชัด มีวิธีตรวจอย่างง่ายๆคือ ให้คนเจ็บนอนหงายแล้วใช้มือกดลงลึกๆหรือใช้กำปั้นตีเบาๆตรงรอบๆไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมากมาย (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) ผู้เจ็บป่วยอาจมีไข้ต่ำๆ(อุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส) ส่วนชนิดไม่ไม่อ้อมค้อมนั้นอาจเริ่มต้นจากมีอาการปวดเริ่มที่ท้องข้างล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องเดิน และมีการดำเนินโรคที่ยาวนานค่อยๆเป็น ค่อยๆไปกว่าชนิดขวานผ่าซาก แม้ไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจก่อให้มีอาการเยี่ยวบ่อยครั้ง ถ้าเกิดไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ข้างหลังลำไส้เล็กตอนท้ายอาจมีอาการอ้วกรุนแรงได้ บางรายอาจรู้สึกปวดเบ่ง (https://www.img.in.th/images/4b66a91d90c7f7d37c24ee8660945318.jpg) ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มที่เป็นเด็ก หรือสตรีมีท้อง อาจมีอาการบางสิ่งที่ต่างจากคนโดยปกติทั่วๆไป ดังนี้
ผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาโดยการผ่าตัดข้างใน 24-36 ชั่วโมงหลังมีการอักเสบ ไส้ติ่งจะขาดเลือดกลายเป็นเนื้อเน่าและก็ตาย ท้ายที่สุดฝาผนังของไส้ติ่งที่เปื่อยยุ่ยจะแตกทะลุ หนองและก็สิ่งสกปรกข้างในไส้จะไหลออกมาในท้อง ทำให้กลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) และแม้เชื้อแบคทีเรียแผ่ขยายเข้าสู่กระแสโลหิตก็จะเกิดการติดโรคในกระแสโลหิต ก่อให้เกิดอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรรมวิธีการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่มีปัญหาในการวิเคราะห์ให้ที่ถูกต้องค่อนข้างจะมากมาย คนไข้บางรายได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคนี้ แต่ว่าเมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ ผู้ป่วยบางรายแม้จะไปพบหมอแต่ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น ตราบจนกระทั่งไส้ติ่งแตกแล้วจึงได้รับการดูแลและรักษาวินิจฉัยที่ถูก เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบดูเหมือนจะทุกรายมักจะวินิจฉัยโรคนี้ได้ภายหลังการแตกของไส้ติ่งแล้ว ในเด็กเล็กและผู้เจ็บป่วยสูงอายุพบว่าอาจเกิดปัญหารุนแรง ถ้าหากได้รับการวิเคราะห์รวมทั้งรักษาโรคช้าเพราะว่ามีภูมิต้านทานต่ำ การวิเคราะห์โรคไส้ติ่งอักเสบ การวินิจฉัยโรคในคนไข้จำนวนมากอาศัยลักษณะทางสถานพยาบาล (clinical menifestation) คืออาการและการตรวจเจอเป็นหลัก ส่วนการตรวจทางห้องปฎิบัติการแล้วก็การค้นหาทางรังสีวิทยา (radiologic investigation) หรือการตรวจเพิ่มอื่นๆมีความสำคัญน้อย เป็นประโยชน์เฉพาะในคนไข้บางรายที่ลักษณะทางคลินิกไม่ชัดแจ้งเพียงแค่นั้นโดยมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้
- อาเจียน คลื่นไส้ อาการนี้เจอได้ในคนป่วยแทบทุกราย - ไข้ ชอบกำเนิดภายหลังจากเริ่มลักษณะของการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง - เบื่อข้าว - ท้องเสีย เจออาการในผู้ป่วยบางราย ชอบกำเนิดภายหลังจากไส้ติ่งแตกทะลุ หรือ ชี้แจง ได้จากไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum
- Rovsing sign - Obturator sign - Psoas sign
ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น เพราะเหตุว่าจะช่วยรักษาอาการแล้วก็ช่วยกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไส้ติ่งแตก โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้ในตอนนี้เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่ร้ายแรงนัก ถ้าหากร้ายแรงถึงกับขนาดไส้ติ่งแตก ก็ต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะนอกจากจะต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังจำต้องชำระล้างข้างในท้อง รวมทั้งใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยหมอจะใคร่ครวญผ่าตัดรักษาดังนี้
กลุ่มอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะอาการเจ็บท้องที่มีลักษณะไม่เสมือนลักษณะของการปวดโรคกระเพาะ ท้องเดิน หรือปวดรอบเดือน ก็ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ควรรีบไปพบหมอ ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
การติดต่อของโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง จากสิ่งเจือปนต่างๆทำให้ไส้ติ่งมีการอักเสบติดเชื้อโรครวมทั้งแตกท้ายที่สุด ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้เจ็บป่วยแต่ละคน และไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่แพร่ให้คนข้างๆอะไร การกระทำตนเมื่อเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ เหตุเพราะโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคเร่งด่วน จะต้องไปพบหมอโดยทันที ที่ห้องรีบด่วนของโรงหมอเพื่อกระทำผ่าตัดและไม่ควรจะกินยาระบายหรือสวนอุจจาระ เมื่อมีอาการท้องผูกร่วมด้วย เพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น
o เมื่อมีลักษณะของไส้ติ่งอักเสบ ก่อนไปพบแพทย์ผู้ป่วยต้องงดเว้นอาหารรวมทั้งน้ำไว้ด้วยเพื่อเตรียมการในการผ่าตัดฉุกเฉิน o ในเรื่องที่มีลักษณะอาการเจ็บท้องแต่ว่าคนไข้ยังไม่เคยรู้ปัจจัย ห้ามกินยาแก้ปวด แต่ควรจะรีบไปพบหมอเพื่อตรวจวิเคราะห์ก่อน ด้วยเหตุว่ายาแก้ปวดจะไปบดบังอาการปวดทำให้แพทย์แยกโรคได้ทุกข์ยากลำบาก o งดเว้นการใช้ครีมรวมทั้งเครื่องแต่งตัวทุกประเภท รวมทั้งทำร่างกายให้สะอาด อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ เพื่อให้แพทย์พินิจอาการไม่ดีเหมือนปกติจากการขาดออกซิเจนได้
การคุ้มครองตัวเองจากโรคไส้ติ่งอักเสบ ในตอนนี้ยังไม่คราวการศึกษาและทำการค้นพบวิธีปกป้องอาการไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการกะทันหันที่ไม่อาจจะหาสาเหตุที่แจ่มชัดได้ แต่ว่ามีข้อคิดเห็นว่า ประชาชนที่นิยมรับประทานอาหารพวกผักผลไม้มาก (ตัวอย่างเช่น ชาวแอฟริกา) จะมีอัตราการเป็นไส้ติ่งอักเสบน้อยกว่ากลุ่มที่ทานผักและผลไม้น้อย (ยกตัวอย่างเช่น ชาวต่างชาติ) จึงมีการเสนอแนะให้มานะกินผักและผลไม้ให้มากมายๆทุกวี่วัน ซึ่งเกิดผลดีต่อการปกป้องโรคท้องผูก ริดสีดวงทวาร โรคอ้วน และก็ยังมั่นใจว่าบางทีอาจป้องกันไส้ติ่งอักเสบ และก็โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย นอกนั้นมีการเรียนรู้ที่ค้นพบว่า ภาวะท้องผูกมีส่วนสโมสรกับการเกิดไส้ติ่งอักเสบ โดยพบว่าคนไข้ไส้ติ่งอักเสบจะมีปริมาณครั้งสำหรับในการอุจจาระต่ออาทิตย์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง รวมทั้งยังพบว่า คนป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่รวมทั้งโรคมะเร็งลำไส้ตรงมักจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อน ทั้งยังส่งผลการศึกษาหลายงานที่ค้นพบว่า การกินอาหารที่มีกากใยต่ำจะมีส่วนสำหรับเพื่อการกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบอีกด้วย สมุนไพรที่ช่วยป้องงกัน/ทุเลาโรคไส้ติ่งอักเสบ เนื่องแต่การรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบจำเป็นต้องรักษาด้วยการใช้การผ่าตัดเพียงแค่นั้นและก็ในตอนนี้ยังไม่มีการรับรองว่าสมุนไพรจำพวกไหนที่จะช่วยปกป้องหรือ ทุเลา/รักษา โรคไส้ติ่งอักเสบได้ รวมถึงยังไม่มีรายงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยชิ้นไหนที่กล่าวว่าสมุนไพรจำพวกไหนสามารถช่วยปกป้องหรือ / รักษาโรคไส้ติ่งอักเสบได้ เอกสารอ้างอิง
Tags : โรคไส้ติ่งอักเสบ
|