หัวข้อ: โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ เมษายน 02, 2018, 05:55:10 pm (https://www.img.in.th/images/700443a20ab14aa66962d4229755bee5.jpg)
โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นอย่างไร ไส้ติ่ง (Vermiform appendix) เป็นส่วนเพิ่มเติมของลำไส้ที่ยื่นออกมาจากกระพุ้งไส้ใหญ่ (Cecum) ไส้ติ่งมีรูปร่างเสมือนถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อย ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ อยู่ตรงบริเวณท้องน้อยข้างขวา โดยมีลักษณะเป็นถุงแคบและก็ยาว มีขนาดกว้างเพียง 5-8 มิลลิเมตร รวมทั้งมีความยาวหรือก้นถุงลึกโดยเฉลี่ย 8-10 ซม. (ในผู้ใหญ่) ด้านในมีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ฝาผนังภายในของไส้ติ่งมีเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเยื่อมีการอักเสบได้ง่าย โดยเยื่อนี้จะมีการเพิ่มปริมาณมากมายตอนวัยรุ่น จึงเจอไส้ติ่งอักเสบเกิดได้บ่อยมากในวัย รุ่น ไส้ติ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของลำไส้ใหญ่ที่ฝ่อตัวลงและไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการย่อยและก็ซึมซับอาหาร เนื่องจากว่าเป็นท่อขนาดเล็กปลายตัน เมื่อมีการอักเสบจึงทำให้เนื้อฝาผนังไส้ติ่งเน่าตายแล้วก็เป็นรูทะลุในเวลาอันเร็วทันใจได้ ไส้ติ่งอักเสบคือ อาการบวมแล้วก็ติดเชื้อของไส้ติ่งนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันรวมทั้งอันตราย ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดอย่างรีบ ด่วน เพราะว่าหากว่าทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ท้อง รวมทั้งอาจเป็นสา เหตุรุนแรงจนกระทั่งติดเชื้อโรคในกระแสโลหิตจนกระทั่งขั้นเสียชีวิตได้ โดยการเสียชีวิตส่วนมากของโรคไส้ติ่งอักเสบมีเหตุที่เกิดจากภาวการณ์เยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้วก็ภาวการณ์ช็อค โรคไส้ติ่งอักเสบได้รับการชี้แจงเป็นครั้งแรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429 เดี๋ยวนี้ได้รับการยินยอมรับว่าเป็นหนึ่งในต้นเหตุของอาการปวดท้องร้ายแรงกะทันหันที่พบมากที่สุดทั่วทั้งโลกและก็ โรคไส้ติ่งอักเสบยังเจอเป็นต้นเหตุอันดับแรกๆของโรคปวดท้อง ที่จำต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเร่งด่วน บ่อยครั้งที่ศึกษาค้นพบว่าผู้ป่วยปลดปล่อยให้มีลักษณะปวดท้องนานนับเป็นเวลาหลายวันและก็หลังจากนั้นจึงค่อยมาโรงหมอ ซึ่งมักจะพบว่าเป็นถึงขนาดไส้ติ่งแตกแล้ว ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนกระทั่งคนสูงอายุ และยังรวมไปถึงหญิงมีท้อง แต่จะพบบ่อยในช่วงอายุ 10-30 ปี (เจอได้น้อยในคนชรา เหตุเพราะไส้ติ่งตีบยุบมีเนื้อเยื่อหลงเหลือน้อย และก็ในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 3 ปี ด้วยเหตุว่าโคนไส้ติ่งยังออกจะกว้าง) ในเพศหญิงรวมทั้งเพศชายได้โอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน และมีการคาดทำนองว่าในตลอดชาติของคนเราจะได้โอกาสเป็นโรคนี้ราวๆ 7% ในปีๆหนึ่งจะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ประมาณ 1 ใน 1,000 คน ต้นเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ มีสาเหตุจากมีภาวการณ์อุดกั้นของรูไส้ติ่ง ส่วนการอุดกั้นนั้นส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นการเกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ปัจจัยชัดเจน แต่ว่าส่วนหนึ่งมีต้นเหตุจากมีเศษอุจจาระแข็งๆเรียกว่า "นิ่วอุจจาระ" (fecalith) ชิ้นเล็กๆตกลงไปอุดกันอยู่ข้างในรูของไส้ติ่ง แล้วทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูไส้ติ่งปริมาณน้อยเกิดการเจริญรุ่งเรืองขยายพันธุ์รวมทั้งรุกล้ำเข้าไปในฝาผนังไส้ติ่ง จนกระทั่งมีการอักเสบตามมา ถ้าเกิดปลดปล่อยไว้เพียงแต่ไม่กี่วัน ฝาผนังไส้ติ่งก็เกิดการเน่าตายและแตกทะลุได้ รวมทั้งปัจจัยที่เจอได้รองลงมาเป็น มีต้นเหตุจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่ฝาผนังไส้ติ่งที่ดกตัวขึ้นตามการอักเสบต่างๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ยิ่งกว่านั้นอาจเกิดขึ้นจากสิ่งเจือปน (อาทิเช่น เมล็ด), หนอนพยาธิ (ที่สำคัญคือ พยาธิไส้เดือน พยาธิด้าย พยาธิตืดหมู) หรือเนื้องอก หรือบางโอกาสก็อาจเกิดจากการตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเท้าหายใจส่วนบน ที่นำมาซึ่งการทำให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย รวมถึงต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งมีการปฏิกิริยาสนองตอบด้วยการขยายตัวขึ้นจนถึงไปปิดกั้นไส้ติ่ง และทำให้ไส้ติ่งที่อาจมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เกิดอาการอักเสบในที่สุด ในคนไข้บางรายบางทีอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (Cytomegalovirus) ซึ่งมักจะเจอได้ในคนเจ็บโรคภูมิคุมกันบกพร่อง และก็บางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบโดยที่หมอไม่เคยรู้ปัจจัยเลยก็ได้ อาการโรคไส้ติ่งอักเสบ อาการสำคัญของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นเป็น คนไข้จะมีลักษณะปวดท้องที่มีลักษณะต่อเนื่องและปวดแรงขึ้นนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป หากมิได้รับการรักษาก็ชอบปวดอยู่นานยาวนานหลายวัน จนกระทั่งคนเจ็บทนปวดไม่ไหวจะต้องพาส่งโรงหมอ ซึ่งลักษณะของไส้ติ่งอักเสบนั้นอาจแบ่งได้สองประเภท เป็นประเภทตรงไปตรงมารวมทั้งจำพวกไม่ขวานผ่าซากดังนี้ จำพวกขวานผ่าซากแรกอาจปวดแน่นตรงลิ้นปี่เหมือนโรคกระเพาะ บางคนบางทีอาจปวดบิดเป็นตอนๆบริเวณสะดือ คล้ายลักษณะของการปวดแบบท้องร่วง บางทีอาจเข้าส้วมบ่อยมาก แต่ถ่ายไม่ออก (แม้กระนั้นบางคนอาจมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือ ถ่ายเหลวร่วมด้วย)ต่อมาจะมีอาการอาเจียน อาเจียน เบื่ออาหารร่วมด้วย ลักษณะของการปวดท้องชอบไม่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะกินยาแก้ปวดอะไรก็แล้วแต่ ถัดมาอีก 3-4 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา มีลักษณะปวดเสียดตลอดระยะเวลา และก็จะเจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีการขยับเขยื้อนตัว หรือเวลาเดินหรือไอจาม คนเจ็บจะนอนนิ่งๆถ้าเกิดเป็นมากผู้ป่วยจะนอนงอขา เอียงไปข้างหนึ่ง หรือเดินตัวงอ เพื่อรู้สึกสบายขึ้น เมื่อถึงขั้นที่มีอาการอักเสบของไส้ติ่งแจ่มชัด มีแนวทางตรวจอย่างง่ายๆเป็น ให้คนป่วยนอนหงายแล้วก็ใช้มือกดลงลึกๆหรือใช้กำปั้นตีเบาๆตรงบริเวณไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)คนไข้จะรู้สึกเจ็บมากมาย (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) คนเจ็บอาจมีไข้ต่ำๆ(อุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส) ส่วนชนิดไม่ตรงไปตรงมานั้นอาจเริ่มจากมีอาการปวดเริ่มที่หน้าท้องข้างล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องเดิน และมีการดำเนินโรคที่ช้านานค่อยเป็นค่อยไปกว่าชนิดไม่อ้อมค้อม ถ้าเกิดไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจก่อให้มีอาการปัสสาวะหลายครั้ง ถ้าเกิดไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ด้านหลังลำไส้เล็กตอนท้ายอาจมีอาการอ้วกร้ายแรงได้ บางรายอาจรู้สึกเจ็บปวดเบ่ง (https://www.img.in.th/images/4b66a91d90c7f7d37c24ee8660945318.jpg) ส่วนผู้ป่วยในกรุ๊ปที่เป็นเด็ก หรือสตรีตั้งครรภ์ อาจมีอาการบางอย่างที่แตกต่างจากคนโดยปกติทั่วไป ดังนี้
คนไข้โรคไส้ติ่งอักเสบถ้าหากมิได้รับการดูแลรักษาโดยการผ่าตัดภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหลังมีการอักเสบ ไส้ติ่งจะขาดเลือดเปลี่ยนเป็นเนื้อเน่าและตาย ในที่สุดฝาผนังของไส้ติ่งที่เปื่อยจะแตกทะลุ หนองแล้วก็สิ่งสกปรกข้างในลำไส้จะไหลออกมาในท้อง ทำให้เปลี่ยนเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) รวมทั้งถ้าหากเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้าสู่กระแสโลหิตก็จะเกิดการติดเชื้อโรคในกระแสเลือด ก่อให้เกิดอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรรมวิธีการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่มีปัญหาสำหรับการวิเคราะห์ให้ที่ถูกค่อนข้างจะมาก คนป่วยบางรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แม้กระนั้นเมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ คนเจ็บบางรายแม้ว่าจะไปพบแพทย์แม้กระนั้นก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น จนกว่าไส้ติ่งแตกแล้วจึงได้รับการดูแลและรักษาวิเคราะห์ที่ถูก เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบดูเหมือนจะทุกรายชอบวินิจฉัยโรคนี้ได้ภายหลังจากการแตกของไส้ติ่งแล้ว ในเด็กเล็กแล้วก็คนป่วยชราพบว่าอาจกำเนิดปัญหารุนแรง ถ้าหากได้รับการวิเคราะห์รวมทั้งรักษาโรคช้าเพราะเหตุว่ามีภูมิคุ้มกันต่ำ การวิเคราะห์โรคไส้ติ่งอักเสบ การวิเคราะห์โรคในคนเจ็บส่วนมากอาศัยลักษณะทางสถานพยาบาล (clinical menifestation) คืออาการแล้วก็การตรวจเจอเป็นหลัก ส่วนการตรวจทางห้องปฎิบัติการและการค้นหาทางรังสีวิทยา (radiologic investigation) หรือการตรวจเพิ่มเติมอีกอื่นๆมีความสำคัญน้อย เป็นประโยชน์เฉพาะในผู้เจ็บป่วยบางรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่กระจ่างเท่านั้นโดยมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้
- อาเจียน คลื่นไส้ อาการนี้พบได้ในผู้ป่วยแทบทุกราย - ไข้ มักจะกำเนิดภายหลังจากเริ่มลักษณะของการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง - ไม่อยากอาหาร - ท้องเดิน พบอาการในคนไข้บางราย มักจะกำเนิดภายหลังจากไส้ติ่งแตกทะลุ หรือ อธิบาย ได้จากไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum
- Rovsing sign - Obturator sign - Psoas sign
ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพียงแค่นั้น ด้วยเหตุว่าจะช่วยรักษาอาการและช่วยกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไส้ติ่งแตก โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้ในตอนนี้คือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะสมกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่รุนแรงนัก ถ้าหากร้ายแรงถึงขนาดไส้ติ่งแตก ก็จะต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะนอกจากจะต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังต้องชำระล้างด้านในช่องท้อง รวมทั้งใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยหมอจะพิเคราะห์ผ่าตัดรักษาดังต่อไปนี้
กลุ่มอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะอาการปวดท้องที่มีลักษณะไม่ราวกับอาการปวดโรคกระเพาะ ท้องร่วง หรือปวดประจำเดือน ก็ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ควรจะรีบไปพบหมอ ถ้าเกิดมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
การติดต่อของโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง จากสิ่งเจือปนต่างๆทำให้ไส้ติ่งมีการอักเสบติดโรคแล้วก็แตกท้ายที่สุด ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้เจ็บป่วยแต่ละคน และไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่แพร่ให้คนข้างเคียงอะไร การกระทำตนเมื่อเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคเร่งด่วน จะต้องไปพบแพทย์ในทันที ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพื่อกระทำการผ่าตัดและไม่ควรจะรับประทานยาระบายหรือสวนอุจจาระ เมื่อมีอาการท้องผูกร่วมด้วย เนื่องจากอาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น
o เมื่อมีอาการของไส้ติ่งอักเสบ ก่อนไปพบหมอผู้เจ็บป่วยจะต้องงดเว้นอาหารและก็น้ำดื่มไว้ด้วยเพื่อเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดเร่งด่วน o ในกรณีที่มีลักษณะเจ็บท้องแต่คนเจ็บยังไม่เคยรู้มูลเหตุ ห้ามรับประทานยาพารา แต่ควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน เนื่องจากว่ายาพาราจะไปบังลักษณะของการปวดทำให้แพทย์แยกโรคได้ตรากตรำ o งดการใช้ครีมและก็เครื่องแต่งตัวทุกชนิด และก็ทำร่างกายให้สะอาด อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ เพื่อให้หมอดูอาการไม่ปกติจากการขาดออกสิเจนได้
การปกป้องตนเองจากโรคไส้ติ่งอักเสบ ในตอนนี้ยังไม่ครั้งการค้นพบแนวทางคุ้มครองอาการไส้ติ่งอักเสบ ด้วยเหตุว่าไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการกะทันหันที่ไม่อาจจะหาต้นสายปลายเหตุที่ชัดแจ้งได้ แต่ว่ามีข้อสังเกตว่า มวลชนที่นิยมกินอาหารพวกผักผลไม้มากมาย (อย่างเช่น ชาวแอฟริกา) จะมีอัตราการเป็นไส้ติ่งอักเสบน้อยกว่ากรุ๊ปที่รับประทานผักและก็รับประทานผลไม้น้อย (อย่างเช่น ชาวต่างประเทศ) ก็เลยมีการชี้แนะให้พยายามกินผักผลไม้ให้มากมายๆทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งมีผลดีต่อการปกป้องคุ้มครองโรคท้องผูก ริดสีดวงทวาร โรคอ้วน รวมทั้งยังเชื่อว่าบางทีอาจคุ้มครองไส้ติ่งอักเสบ รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นมีการเรียนที่ค้นพบว่า ภาวการณ์ท้องผูกมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดไส้ติ่งอักเสบ โดยพบว่าผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบจะมีจำนวนครั้งสำหรับเพื่อการอุจจาระต่ออาทิตย์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งยังพบว่า คนเจ็บมะเร็งลำไส้ใหญ่และก็โรคมะเร็งไส้ตรงมักจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อน ทั้งยังส่งผลการเรียนหลายงานที่พบว่า การกินอาหารที่มีกากใยต่ำจะมีส่วนในการนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบอีกด้วย สมุนไพรที่ช่วยป้องงกัน/บรรเทาโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะการดูแลและรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพียงแค่นั้นและในปัจจุบันยังไม่มีการรับรองว่าสมุนไพรประเภทไหนที่จะช่วยปกป้องหรือ ทุเลา/รักษา โรคไส้ติ่งอักเสบได้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นไหนที่กล่าวว่าสมุนไพรจำพวกไหนสามารถช่วยคุ้มครองปกป้องหรือ / รักษาโรคไส้ติ่งอักเสบได้ เอกสารอ้างอิง
|