หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ เมษายน 03, 2018, 09:58:52 am (https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (Epilepsy) โรคลมชักเป็นยังไง โรคลมชัก หรือ โรคลมหวน มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ: คือ ยึด ครอง หรือ ทำให้ป่วยหนัก โดยเป็นกลุ่มโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากจนเกินไปของเซลล์ประสาท ด้วยเหตุผลดังกล่าวโรคลมชัก ก็คือโรคที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางซึ่งปฏิบัติภารกิจสำหรับการควบคุมการทำงานของร่างกาย จนกระทั่งกระตุ้นให้เกิดอาการชัก โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบได้ทั่วไป ในรายงานการเรียนรู้โดย World Health Organization (WHO) และก็ World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ พบว่าปริมาณร้อยละ 72.5 ของประเทศเหล่านี้บอกว่าโรคลมชักพบได้มากเป็นชั้นสองรองจากโรคปวดศีรษะ ในเวลาที่โรคเส้นเลือดสมองเป็นชั้นสามเป็น ปริมาณร้อยละ 62.7 ประมาณว่าทั้งโลกน่าจะมีคนที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งน่าจะเท่ากับหนึ่งในสี่ของจำนวนคนที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ และก็ในทุกๆปี คงจะมีคนที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่เป็นโรคลมชัก ราว 3.5 ล้านคน ซึ่งร้อยละ 40 จะเป็นผู้เจ็บป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และกว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังพัฒนา ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงคือตอนทารกแรกเกิดรวมทั้งเด็กตัวเล็กๆ สาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดโรคลมชักในตอนวัยแรกเกิดมักจะเป็นพยาธิสภาพที่เกิดในช่วงการคลอดอาทิเช่นผลการขาดออกซิเจน การต่อว่าดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนชราเป็นตอนๆที่มีโอกาสกำเนิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในตอนนี้คงจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยชราเพิ่มขึ้นขณะที่ในตอนวัยทารกลดน้อยลงเนื่องมาจากความสามารถทางด้านการแพทย์สำหรับเพื่อการดูแลผู้ป่วยดีขึ้น ปัญหาด้านสุขภาพแตกต่างจากเดิม การติดเชื้อที่ระบบประสาทที่บางทีอาจจะเป็นสาเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มลดน้อยลงจากการที่มีวัคซีนคุ้มครองโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคเส้นเลือดสมองซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากปัญหาความประพฤติสำหรับในการทานอาหารไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น อื่นๆอีกมากมาย สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาความชุกรวมทั้งอุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็ก เนื่องมาจากปัญหาสุขอนามัยโรคติดเชื้อ ความสามารถสำหรับการดูแลรักษาคนป่วยยังจำกัด มีการประมาณว่าคนไทยทั้งประเทศ เป็นโรคลมชักโดยประมาณ 450,000 คน แล้วก็ประชากรโดยธรรมดายังมีความรู้ความเข้าใจต่อโรคลมชักไม่มากมาย ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคลมชัก หากได้รับการรักษาอย่างเป็นจริงเป็นจังต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ตอนแรกเกิดอาการ คนไข้จะสามารถดำรงชีพได้แก่คนธรรมดา เรียนหนังสือ ดำเนินการ เล่นกีฬา ออกสังคม รวมถึงสามารถสมรสได้ แต่ว่าถ้าเกิดปล่อยปละละเลยไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างเอาจริงเอาจัง ปลดปล่อยให้ชักอยู่เสมอๆก็อาจจะส่งผลให้โรคสมองเสื่อม บางรายบางทีอาจทุพพลภาพหรือตายเพราะว่าอุบัติเหตุที่บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างชัก ได้แก่ จมน้ำ ขับรถชน ตกจากที่สูง ไฟเผา น้ำร้อนลวก เป็นต้น สาเหตุของโรคลมชัก โรคลมชักส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบต้นสายปลายเหตุชัดแจ้ง (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) เชื่อว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางอย่างสำหรับเพื่อการควบคุมกระแสไฟฟ้าในสมอง (โดยที่ส่วนประกอบของสมองปกติดี) ทำให้แนวทางการทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยไฟฟ้าอย่างไม่ดีเหมือนปกติของเซลล์สมอง ทำให้มีการเกิดอาการชัก รวมทั้งหมดสติชั่วครู่ คนไข้กลุ่มนี้ชอบมีลักษณะอาการคราวแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี และอาจมีประวัติความเป็นมาว่ามีบิดามารดาหรือญาติเป็นโรคนี้ด้วย และมีส่วนน้อยที่สามารถหาต้นเหตุที่แจ่มแจ้งได้ (Symptomatic หรือ Secondary Epilepsy) อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะความเปลี่ยนไปจากปกติของโครงสร้างสมอง เป็นต้นว่า สมองพิการแต่กำเนิด สมองได้รับกระทบระหว่างคลอด สมองทุพพลภาพตอนหลังการติดเชื้อ แผลเป็นในสมองข้างหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้มักพบในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 2 ปี) ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ สภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษเหล้า สารเสพติด (เป็นต้นว่า การเสพยาขยันเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางประเภทที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบได้มากในคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป) ทั้งนี้ อาการในผู้ป่วยโรคลมชักบางทีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้กำเนิดอาการ แต่ก็มีในบางครั้งบางคราว หรือการใช้สารบางสิ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการชักได้ เป็นต้นว่า ความเครียด การพักผ่อนน้อยเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางชนิดหรือกการใช้สารเสพติด ภาวการณ์มีประจำเดือนของหญิง ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคนเจ็บจำนวนหนึ่งแต่เป็นจำนวนน้อยที่สามารถเกิดอาการชักได้ถ้าเห็นแสงสว่างแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดขึ้นมาจากต้นเหตุนี้เรียกว่า โรคลมชักที่ผู้ป่วยไวต่อแสงกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy) ลักษณะของคนไข้ลมชัก โรคลมชัก ต่างจากการชักจากโรคอื่นๆเป็น อาการชักจากโรคลมชัก ต้องมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งดังนี้ อันที่จริงแล้ว โรคลมชักเอง มีลักษณะอาการชักได้ 3 แบบ ตัวอย่างเช่น 1.อาการชักที่มีผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดสังกัดสมอง 2 ส่วน แบ่งได้เป็น 2 ประเภทย่อยๆเป็น อาการชักแบบเหม่อ (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่สะดุดตาคือการใจลอย หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงนิดหน่อย ดังเช่นว่า การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักชนิดนี้อาจเป็นสาเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเสียการรับรู้ในระยะสั้นๆได้ อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยชอบเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณหลัง แขนและก็ขา จนกระทั่งทำให้คนป่วยล้มลงได้ อาการชักแบบกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย (Atonic Seizures) อาการชักที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ผู้เจ็บป่วยที่มีอาการชักประเภทนี้จะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อขณะเกิดอาการได้ กระทั่งทำให้คนเจ็บล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างกระทันหัน อาการชักแบบชักกระตุก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ก่อกำเนิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่เปลี่ยนไปจากปกติ โดยอาจจะก่อให้เกิดการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณคอ ใบหน้า รวมทั้งแขน อาการชักแบบชักแล้วก็เกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่มีผลต่อกล้ามในร่างกายทุกส่วน นำมาซึ่งอาการกล้ามเนื้อเกร็งและก็กระตุก มีผลทำให้ผู้เจ็บป่วยล้มลง และหมดสติ บางรายบางทีอาจร้องไห้ในช่วงเวลาที่ชักด้วย และหลังจากอาการบรรเทาลง ผู้เจ็บป่วยบางทีอาจรู้สึกอิดโรยเนื่องจากอาการชัก อาการชักแบบชักตกใจ (Myoclonic Seizures) อาการชักชนิดนี้มักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน โดยจะกำเนิดอาการชักกระตุกของแขนแล้วก็ขาคล้ายกับการโดนกระแสไฟฟ้าช็อต ส่วนมากชอบเกิดภายหลังจากตื่นนอน บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกรุ๊ปเดียวกัน 2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักจำพวกนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงแต่บางส่วน ก่อให้เกิดอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแค่นั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ อาการชักแบบรู้ตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักชนิดนี้ ตอนที่เกิดอาการ คนไข้จะยังคงมีสติครบสมบูรณ์ โดยผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆข้างในท้อง บ้างก็บางทีอาจรู้สึกเหมือนมีลักษณะเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกประหนึ่งว่าเคยพบเจอหรือเกิดเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่มาก่อน แม้ว่าไม่เคย อาจเกิดความรู้สึกร่าเริงหรือกลัวอย่างกะทันหัน แล้วก็ได้กลิ่นหรือรับรู้รสแปลกไป รู้สึกชาที่แขนรวมทั้งขา หรือมีอาการชักที่แขนและก็มือ ฯลฯ ดังนี้ อาการชักดังที่กล่าวถึงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักชนิดอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้สามารถช่วยให้คนป่วยรวมทั้งคนรอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน อาการชักโดยไม่รู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่ผู้ป่วยอาจจะไม่ทราบตัวและไม่สามารถจำได้ว่ากำเนิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะในขณะเกิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักชนิดนี้ไม่สามารถที่จะเดาได้โดยอาจมีอาการอย่างเช่น ขยับริมฝีปาก ถูมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปรอบๆจับเสื้อผ้า เล่นกับสิ่งของในมือ อยู่ในอิริยาบถแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนบางอย่าง นอกจากนั้น เวลาที่เกิดอาการ คนป่วยจะไม่อาจจะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายได้เลย 3.อาการชักสม่ำเสมอ (Status Epilepticus) อาการชักประเภทนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากยิ่งกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักตลอดที่คนป่วยไม่สามารถคืนสติในระหว่างที่ชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำต้องได้รับการดูแลและรักษาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทั้งนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกประเภทคือ การที่คนไข้มีลักษณะไม่ดีเหมือนปกติทางระบบประสาทดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แต่ว่าอาการพวกนั้นจะเกิดบ่อยๆรวมทั้งอาการไม่ปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายๆกัน ก่อนจะชัก บางคนอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ดังเช่นว่า รำคาญ เครียด กลัดกลุ้ม เวียนหัว กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น แล้วก็ก่อนจะหมดสติเพียงไม่กี่วินาที ผู้ป่วยอาจมีอาการเตือน ดังเช่น ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีลักษณะชะตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระตุๆก ฯลฯ ถ้าเกิดมิได้รับประทานยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบเสิบสานซ้ำได้ปีละหลายคราว โดยเฉพาะเมื่อมีสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น (ดูหัวข้อ “การรักษาตนเอง”) ผู้ป่วยจะไม่มีลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะของการเกิดอาการดังกล่าวค่อนข้างเป็นลักษณะเฉพาะของโรคลมชัก ถ้าหากเคยได้เห็นเพียงครั้งเดียวก็จะนึกออกตลอดไป ส่วนอาการชักซึ่งเป็นผลมาจากโรคลมชัก มีมูลเหตุมีเหตุที่เกิดจากการที่กลุ่มของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในปริมาณสูงอย่างผิดปกติ แล้วก็สอดคล้องต้องกัน ผลลัพธ์นำมาซึ่งการก่อให้เกิดคลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยปกติภายหลังเซลล์ประสาทที่ได้รับการปลุกเร้า ปฏิบัติงานหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะทนทานต่อการผลิตศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจัยส่วนใดส่วนหนึ่งบางทีอาจสำเร็จของลักษณะการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยั้ง ความเคลื่อนไหวไฟฟ้าภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับการกระตุ้น แล้วก็ผลพวงของอะดีโนซีน การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคลมชัก
การป้องกันตัวเองจากโรคลมชัก แม้ว่าการกำเนิดโรคลมชักในหลายสาเหตุนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายมูลเหตุรวมทั้งจะไม่สามารถที่จะปกป้องได้ แต่ความพากเพียรที่จะลดการบาดเจ็บแถวๆศีรษะ การดูแลเด็กทารกที่ดีในขณะข้างหลังคลอด บางทีอาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีต้นเหตุ)ได้ และก็เมื่อมีลักษณะอาการชักเกิดขึ้นแล้ว ควรหาทางคุ้มครองป้องกันไม่ให้อาการกำเริบขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่หมอเสนอแนะ และก็ผู้ป่วยจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงต้นเหตุที่กระตุ้นให้อาการเกิดขึ้นอีก ดังนี้ตอนนี้ยังไม่มียาที่ใช้คุ้มครองการเกิดโรคลมชักได้ประสิทธิภาพที่ดี 100% และแพทย์ไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองการชัก แพทย์จะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีลักษณะอาการชักเกิด ขึ้นแล้ว เพื่อปกป้อง/ลดช่องทางมีการชักซ้ำ สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษาโรคลมชัก เวลานี้ยังมิได้รับแถลงการณ์ว่าสมุนไพรชนิดไหนซึ่งสามารถคุ้มครอง/รักษาโรคลมชักได้แต่มีการนำสมุนไพรของไทยไปศึกษาวิจัยและก็ทดสอบในสัตว์ทดลองและได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจแต่ยังมิได้มีการนำไปทดสอบในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น
Tags : โรคลมชัก
|