หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: หนุ่มน้อยคอยรัก007 ที่ เมษายน 03, 2018, 01:31:28 pm (https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (Epilepsy) โรคลมชักคืออะไร โรคลมชัก หรือ โรคลมบ้าหมู มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ: คือ ยึด ครอบครอง หรือ ทำให้ป่วยไข้ โดยเป็นกรุ๊ปโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันมีต้นเหตุจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากเกินไปของเซลล์ประสาท ด้วยเหตุดังกล่าวโรคลมชัก ก็คือโรคจากความผิดปกติของระบบประสาทศูนย์กลางซึ่งทำหน้าที่สำหรับในการควบคุมลักษณะการทำงานของร่างกาย จนถึงนำไปสู่อาการชัก โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบบ่อย ในรายงานการเรียนรู้โดย World Health Organization (WHO) แล้วก็ World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาด้านสุขภาพ พบว่าร้อยละ 72.5 ของประเทศพวกนี้กล่าวว่าโรคลมชักพบมากเป็นชั้นสองรองจากโรคปวดศีรษะ ขณะที่โรคหลอดเลือดสมองเป็นอันดับสามคือ จำนวนร้อยละ 62.7 ทำนองว่าทั้งโลกคงจะมีบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งน่าจะพอๆกับหนึ่งในสี่ของจำนวนผู้ที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ แล้วก็ในทุกๆปี คงจะมีบุคคลที่ได้รับการวิเคราะห์ใหม่เป็นโรคลมชัก ราวๆ 3.5 ล้านคน ซึ่งร้อยละ 40 จะเป็นคนเจ็บเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และก็กว่าจำนวนร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังปรับปรุง ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงเป็นช่วงทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก สาเหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคลมชักในช่วงวัยแรกเกิดมักจะเป็นพยาธิภาวะที่เกิดในตอนการคลอดตัวอย่างเช่นผลของการขาดออกซิเจน การติดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนเฒ่าเป็นช่วงๆที่ได้โอกาสกำเนิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในขณะนี้น่าจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยแก่มากขึ้นเวลาที่ในช่วงวัยทารกต่ำลงเนื่องจากความสามารถด้านการแพทย์ในการดูแลคนป่วย ปัญหาสุขภาพแตกต่างจากเดิม การตำหนิดเชื้อที่ระบบประสาทที่บางครั้งอาจจะเป็นต้นเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มน้อยลงจากการที่มีวัคซีนปกป้องโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคเส้นโลหิตสมองซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากปัญหาพฤติกรรมสำหรับในการรับประทานอาหารไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น อื่นๆอีกมากมาย สำหรับประเทศที่กำลังปรับปรุงความชุกรวมทั้งอุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยเฉพาะในเด็ก เนื่องจากปัญหาสุขอนามัยโรคติดเชื้อ ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการดูแลผู้ป่วยยังจำกัด มีการประมาณว่าชาวไทยทั่วราชอาณาจักร เป็นโรคลมชักราว 450,000 คน รวมทั้งพลเมืองโดยปกติยังมีความรู้และมีความเข้าใจต่อโรคลมชักไม่มากมาย ดังนี้ คนป่วยโรคลมชัก หากได้รับการดูแลและรักษาอย่างเป็นจริงเป็นจังต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ทีแรกกำเนิดอาการ คนเจ็บจะสามารถดำเนินชีวิตอาทิเช่นคนธรรมดา เรียนหนังสือ ดำเนินการ เล่นกีฬา ออกสังคม และสามารถสมรสได้ แม้กระนั้นหากไม่มีความเอาใจใส่ไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างเอาจริงเอาจัง ปล่อยให้ชักอยู่เสมอๆก็อาจทำให้สมองเสื่อม บางรายอาจทุพพลภาพหรือตายเนื่องจากว่าอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างชัก เป็นต้นว่า จมน้ำ ขับขี่รถชน ตกจากที่สูง ไฟลุก น้ำร้อนลวก ฯลฯ ที่มาของโรคลมชัก โรคลมชักจำนวนมากเกิดขึ้นโดยตรวจไม่เจอสาเหตุกระจ่างแจ้ง (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) เชื่อว่ามีความ พร่องของสารเคมีอะไรบางอย่างในการควบคุมกระแสไฟในสมอง (โดยที่โครงสร้างของสมองปกติดี) ทำให้การทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยไฟฟ้าอย่างแตกต่างจากปกติของเซลล์สมอง ทำให้เกิดอาการชัก แล้วก็หมดสติชั่วขณะ คนเจ็บกลุ่มนี้ชอบมีลักษณะครั้งแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี และก็อาจมีประวัติความเป็นมาว่ามีบิดามารดาหรือญาติเป็นโรคนี้ด้วย และมีส่วนน้อยที่สามารถหามูลเหตุที่กระจ่างได้ (Symptomatic หรือ Secondary Epilepsy) อาจเกิดจากความไม่ดีเหมือนปกติของส่วนประกอบสมอง เป็นต้นว่า สมองทุพพลภาพโดยกำเนิด สมองได้รับกระเทือนระหว่างคลอด สมองพิการคราวหลังการตำหนิดเชื้อ แผลในสมองข้างหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้พบได้ทั่วไปในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี) ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ สภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษเหล้า ยาเสพติด (ยกตัวอย่างเช่น การเสพยาม้าเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางประเภทที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบมากในผู้ที่แก่ 25 ปีขึ้นไป) ดังนี้ อาการในผู้เจ็บป่วยโรคลมชักอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นควรจะมีสิ่งเร้าให้เกิดอาการ แม้กระนั้นก็มีในบางครั้งบางคราว หรือการใช้สารบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดอาการชักได้ อย่างเช่น ความเครียด การพักผ่อนหย่อนใจไม่พอ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางจำพวกหรือกการใช้สิ่งเสพติด ภาวะมีระดูของเพศหญิง นอกจากนั้นยังมีผู้เจ็บป่วยปริมาณหนึ่งแม้กระนั้นเป็นปริมาณน้อยที่สามารถกำเนิดอาการชักได้หากเห็นแสงแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดขึ้นจากต้นสายปลายเหตุนี้เรียกว่า โรคลมชักที่ผู้ป่วยไวต่อแสงสว่างกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy) อาการของผู้เจ็บป่วยลมชัก โรคลมชัก ต่างจากการชักจากโรคอื่นๆเป็น อาการชักจากโรคลมชัก ต้องมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้ว โรคลมชักเอง มีลักษณะอาการชักได้ 3 แบบ ดังเช่น 1.อาการชักที่มีผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดขึ้นกับสมอง 2 ซีก แบ่งออกเป็น 2 จำพวกย่อยๆคือ อาการชักแบบเหม่อ (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่โดดเด่นคือการเหม่อ หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักชนิดนี้อาจเป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดการเสียการรับรู้ในระยะสั้นๆได้ อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเกร็งของกล้าม โดยชอบเกิดขึ้นกับกล้ามบริเวณหลัง แขนและก็ขา กระทั่งทำให้คนป่วยล้มลงได้ อาการชักแบบกล้ามเหน็ดเหนื่อย (Atonic Seizures) อาการชักที่ทำให้กล้ามเหน็ดเหนื่อยลง ผู้ป่วยที่มีลักษณะชักชนิดนี้จะไม่สามารถควบคุมกล้ามขณะเกิดอาการได้ กระทั่งทำให้คนป่วยล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างเฉียบพลัน อาการชักแบบชักกระตุก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ก่อเกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามที่ไม่ปกติ โดยอาจก่อให้เกิดการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณคอ ใบหน้า แล้วก็แขน อาการชักแบบชักแล้วก็เกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่มีผลต่อกล้ามภายในร่างกายทุกส่วน นำมาซึ่งอาการกล้ามเนื้อเกร็งแล้วก็กระตุก มีผลทำให้ผู้เจ็บป่วยล้มลง และหมดสติ บางรายบางทีอาจร้องไห้ในตอนที่ชักด้วย รวมทั้งภายหลังจากอาการบรรเทาลง ผู้ป่วยบางทีอาจรู้สึกเมื่อยล้าเนื่องด้วยอาการชัก อาการชักแบบชักผวา (Myoclonic Seizures) อาการชักจำพวกนี้มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยจะกำเนิดอาการชักกระตุกของแขนแล้วก็ขาคล้ายกับการโดนไฟฟ้าช็อต โดยมากชอบกำเนิดภายหลังจากตื่น บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกรุ๊ปเดียวกัน 2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักจำพวกนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงแค่เล็กน้อย ทำให้เกิดอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเพียงแค่นั้น แบ่งได้เป็น 2 จำพวกเป็น อาการชักแบบรู้ตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักชนิดนี้ ระหว่างที่เกิดอาการ คนเจ็บจะยังคงมีสติครบ โดยผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆข้างในท้อง บ้างก็อาจรู้สึกเสมือนมีลักษณะอาการเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกดุจว่าเคยพบเห็นหรือเกิดเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่มาก่อน ทั้งที่ไม่เคย บางทีอาจกำเนิดความรู้สึกร่าเริงหรือกลัวอย่างกะทันหัน และได้กลิ่นหรือรับรู้รสแปลกไป รู้สึกชาที่แขนแล้วก็ขา หรือมีอาการชักที่แขนและมือ ฯลฯ ทั้งนี้ อาการชักดังที่กล่าวผ่านมาแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักประเภทอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้สามารถที่จะช่วยให้ผู้ป่วยและก็คนที่อยู่รอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน อาการชักโดยไม่ทันรู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่คนเจ็บอาจจะไม่ทราบตัวและไม่สามารถจำได้ว่าเกิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะตอนที่กำเนิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักประเภทนี้ไม่อาจจะคาดเดาได้โดยอาจมีอาการตัวอย่างเช่น ขยับริมฝีปาก เช็ดมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปรอบๆจับเสื้อผ้า เล่นกับข้าวของในมือ อยู่ในอาการแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนอะไรบางอย่าง นอกจากนี้ เวลาที่เกิดอาการ คนเจ็บจะไม่สามารถที่จะรับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้เลย 3.อาการชักสม่ำเสมอ (Status Epilepticus) อาการชักประเภทนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากยิ่งกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักต่อเนื่องที่ผู้ป่วยไม่สามารถที่จะได้สติในขณะที่ชัก ซึ่งเป็นคราวฉุกเฉินที่จำต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ดังนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกชนิดคือ การที่คนป่วยมีลักษณะอาการไม่ปกติทางระบบประสาทดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แต่อาการเหล่านั้นจะเกิดบ่อยๆและก็อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายกัน ก่อนจะชัก บางบุคคลอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน เช่น หงุดหงิด เครียด กลัดกลุ้ม เวียนศีรษะ กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น รวมทั้งก่อนที่จะสลบเพียงไม่กี่วินาที คนเจ็บอาจมีอาการเตือน ยกตัวอย่างเช่น ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีลักษณะชาตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระตุก ฯลฯ ถ้าหากไม่ได้รับประทานยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบซ้ำได้ปีละหลายครา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีตัวกระตุ้น (มองหัวข้อ “การรักษาตนเอง”) คนไข้จะไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะของการมีอาการดังที่กล่าวถึงมาแล้วค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ของโรคลมชัก ถ้าเคยได้เห็นเพียงแต่ครั้งเดียวก็จะนึกออกตลอดไป ส่วนอาการชักซึ่งเป็นผลมาจากโรคลมชัก มีปัจจัยมีสาเหตุจากการที่กลุ่มของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในจำนวนสูงอย่างไม่ปกติ และก็สอดคล้องกัน คำตอบนำมาซึ่งคลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยธรรมดาหลังจากเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร่งเร้า ดำเนินการหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะคงทนต่อการผลิตศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ต้นเหตุส่วนใดส่วนหนึ่งบางทีอาจเป็นผลของแนวทางการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยับยั้ง ความเคลื่อนไหวกระแสไฟข้างในเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร้า แล้วก็ผลกระทบของอะดีโนซีน การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคลมชัก
การปกป้องคุ้มครองตนเองจากโรคลมชัก แม้ว่าการเกิดโรคลมชักในหลายกรณีนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายมูลเหตุและก็จะไม่สามารถคุ้มครองป้องกันได้ แต่ว่าความเพียรพยายามที่จะลดการบาดเจ็บบริเวณหัว การดูแลเด็กทารกที่ดีในระยะเวลาข้างหลังคลอด อาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีสาเหตุ)ได้ แล้วก็เมื่อมีลักษณะชักเกิดขึ้นแล้ว ควรหาทางคุ้มครองปกป้องไม่ให้อาการเกิดขึ้นอีกขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์เสนอแนะ แล้วก็คนไข้จะต้องหลบหลีกปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ตอนนี้ยังไม่มียาที่ใช้ป้องกันการเกิดโรคลมชักได้ผลดี 100% และก็แพทย์ไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองป้องกันการชัก หมอจะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีลักษณะอาการชักกำเนิด ขึ้นแล้ว เพื่อคุ้มครองปกป้อง/ลดจังหวะมีการชักซ้ำ สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคลมชัก ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าสมุนไพรชนิดไหนซึ่งสามารถคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคลมชักได้แต่มีการนำสมุนไพรของไทยไปทำการศึกษาเรียนรู้รวมทั้งทดสอบในสัตว์ทดลองรวมทั้งให้ผลเป็นที่น่าพอใจแต่ยังไม่ได้มีการนำไปทดลองในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ ได้แก่
|