หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ เมษายน 03, 2018, 01:36:16 pm (https://www.img.in.th/images/97ce78851419763311a74e5da4ae8275.jpg)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles) โรคริดสีดวงทวาร เป็นยังไง โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร" คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายคือ เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนกระทั่งบางทีจะเรียกสั้นๆว่า ริดสีดวง ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก ในอดีตมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกแตกต่างจากปกติในโพรงจมูก พบได้มากในผู้ป่วย โรคภูมิแพ้ประเภทเรื้อรัง ซึ่งตอนนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แต่จะเรียกเนื้อผลิออกในโพรงจมูกแทน โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากการอักเสบ แล้วก็การบวมของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด ที่อยู่ข้างในทวารหนักและก็บริเวณปากทวารหนัก โดยเนื้อเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยปกป้องเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดขี้ โดยริดสีดวงทวารจะเกิดความผิดแปลกขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ราวๆ 3-4 เซลเซียสม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ภายในมี เส้นเลือดรวมทั้งกล้าม ซึ่งจะต่อกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักแล้วก็อยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักเกิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อรวมทั้งการ โป่งพองของกลุ่มเส้นโลหิตรวมทั้งเยื่อรอบๆส่วนปลายของลำไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่รอบๆ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กรุ๊ปใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วอาจมีการปริแตกของฝาผนังเส้นโลหิตในขณะเบ่งขี้ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว โดยชอบมีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือเกิดท้องเสียบ่อยครั้ง ปกติแล้วจะไม่ค่อยมีอาการร้ายแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่าเบื่อหน่าย หรือทำให้วิตกกังวลได้ โรคริดสีดวงทวาร แบ่งได้เป็น 2 จำพวกหมายถึง
โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้มาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะอาการจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของประชาชนคนแก่ทั้งผอง โดยพบได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยสตรีและผู้ชายได้โอกาสเกิดโรคได้ใกล้เคียงกันสิ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร มีสาเหตุจากกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดดังที่กล่าวมาแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนเวียนเลือด ไม่ดีจากสาเหตุต่างๆจนนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือกำเนิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมูลเหตุ จำนวนมากมีเหตุมาจากการเบ่งอึบ่อยๆนานๆซึ่งได้ผลสำเร็จของท้องผูก การตั้งท้อง พฤติกรรมการดำรงชีพ และก็ลักษณะของการถ่ายอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเป็นประจำนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในช่องท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดโลหิตดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก มีการยืด ย่น คด งอ พอง รวมทั้งโตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวการเป่าเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความดกของฝาผนังลดน้อยลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ดังเช่นว่า อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงกดดันขึ้นอีก ก็จะมีผลให้มีการปริแตกหรือฉีกจนขาดของหลอดเลือดดำ กระตุ้นให้เกิดเลือดออกมาเป็นเลือดใหม่ๆได้ นอกจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันเลือดในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเดินเรื้อรังยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย อาการโรคริดสีดวงทวารภายในเป็นคนเจ็บส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่เคยรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และก็บางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดเลอะเทอะบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกผสม รวมทั้งเลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการพวกนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้ามีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นเลือดจะบวมมากมาย ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในสภาวะแบบนี้จะมีผลให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจจะก่อให้เกิดอาการคันรวมทั้งอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ โดยทั่วไปแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงข้างใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น
และก็จะต้องรีบเจอหมอเป็นการรีบด่วน ก่อนที่จะก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด อาการโรคริดสีดวงภายนอก คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องร่วง ทำให้คนไข้มีลักษณะอาการปวด บวม เจ็บ แล้วก็ระคาย รวมทั้งหากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกมาจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งปกติแล้วมักจะหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ดี กว่าจะหายบวมอาจจำต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีแล้วอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งหลงเหลืออยู่ และแม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจจะก่อให้เกิดการเคืองหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย แนวทางการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก ความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อรอบๆทวารหนัก รวมทั้งการส่องกล้องตรวจทวารหนักรวมทั้งลำไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวิเคราะห์ในอาการสำคัญๆพวกนี้เป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น
ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร เช่น ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และการใช้ยาต่างๆตัวอย่างเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาพารา ฯลฯ แม้กระนั้นเมื่อการดูแลรักษาในลักษณะประคับประคองไม่ได้ผล การดูแลรักษาขั้นถัดไปหมายถึงการดูแลและรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายรูปแบบ ได้แก่ การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นโลหิต เพื่อให้เส้นเลือดยุบยุบ การผูกหลอดเลือด หรือการผ่าตัดหลอดเลือด ทั้งนี้ ขึ้นกับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด และก็ดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคริดสีดวงทวาร เหตุที่กระตุ้นให้เกิดโรคริดสีดวง
การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของเยื่อหลอดเลือดของทวารหนัก รวมทั้งเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในช่องท้องขึ้น ก็เลยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้มิได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างได การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร
การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissus quadrangularis L. สกุล : Vitaceae สารเคมี : เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนไม่ใช่น้อยต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก. สรรพคุณ : เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้ริดสีดวงทวาร ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆถ้าเกิดเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารลักษณะเดียวกันกับที่เจอในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะได้ผล ครอบฟันสี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abutilon indicum (L.) Sweet ชื่อสามัญ : Country mallow, Indian mallow ตระกูล : Malvaceae ราก มี Asparagin คุณประโยชน์ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ แก้ริดสีดวงทวาร ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มโดยประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดเพียงพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชำระล้างแผลริดสีดวงทวาร ขลู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (L.) Less. ชื่อสามัญ : Indian Marsh Fleabane สกุล : Asteraceae (Compositae) สรรพคุณ : ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มรับประทานขับเยี่ยว แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก เปลือก ใบ เมล็ด - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก ใบ - มีกลิ่นหอมสดชื่น แก้ริดสีดวงทวาร ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก แล้วก็รับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำกิน ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก ว่านหางจระเข้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill ชื่อสามัญ : Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados สกุล : Asphodelaceae สารเคมี: ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine. คุณประโยชน์ : ยางในใบ - เป็นยาระบาย เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อ้วก อ้วก น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside) รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาลักษณะของการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและก็แห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมบางส่วน เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้แช่เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้ใส่ได้ง่าย จำเป็นต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง กระทั่งจะหาย ไฟทวาร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum serratum (L.) Moon. var.wallichii C.B.Clarke สกุล : Limiaceae (Labiatae) สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
|