หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: iAmtoto007 ที่ เมษายน 03, 2018, 08:02:17 pm (https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (Epilepsy) โรคลมชักเป็นยังไง โรคลมชัก หรือ โรคลมเหียน มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ: หมายถึง ยึด ครอง หรือ ทำให้ไม่สบาย โดยเป็นกลุ่มโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันมีเหตุมาจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากจนเกินไปของเซลล์ประสาท ฉะนั้นโรคลมชัก ก็คือโรคจากความแตกต่างจากปกติของระบบประสาทศูนย์กลางซึ่งปฏิบัติภารกิจสำหรับเพื่อการควบคุมแนวทางการทำงานของร่างกาย จนถึงนำไปสู่อาการชัก โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบได้มาก ในรายงานการเรียนโดย World Health Organization (WHO) รวมทั้ง World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ พบว่าร้อยละ 72.5 ของประเทศเหล่านี้บอกว่าโรคลมชักพบได้บ่อยเป็นชั้นสองรองจากโรคปวดหัว ในเวลาที่โรคเส้นเลือดสมองเป็นชั้นสามเป็น จำนวนร้อยละ 62.7 ประมาณว่าทั้งโลกคงจะมีผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งน่าจะเท่ากับหนึ่งในสี่ของจำนวนคนที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ และก็ในทุกๆปี คงจะมีผู้ที่ได้รับการวิเคราะห์ใหม่เป็นโรคลมชัก ราว 3.5 ล้านคน ซึ่งจำนวนร้อยละ 40 จะเป็นคนเจ็บเด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และก็กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังพัฒนา ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงคือช่วงทารกแรกเกิดรวมทั้งเด็กตัวเล็กๆ มูลเหตุที่ก่อให้เกิดโรคลมชักในตอนวัยทารกชอบเป็นพยาธิสภาพที่เกิดในช่วงการคลอดได้แก่ผลของการขาดออกสิเจน การตำหนิดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนเฒ่าเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในตอนนี้คงจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยแก่เพิ่มขึ้นขณะที่ในตอนวัยทารกลดน้อยลงเนื่องมาจากความรู้ความเข้าใจทางด้านการแพทย์สำหรับการดูแลคนป่วยดียิ่งขึ้น ปัญหาด้านสุขภาพต่างจากเดิม การติดเชื้อที่ระบบประสาทที่บางทีก็อาจจะเป็นสาเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มลดน้อยลงจากการที่มีวัคซีนป้องกันโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคเส้นโลหิตสมองซึ่งเกิดจากปัญหาความประพฤติในการทานอาหารไม่เหมาะสมเพิ่มขึ้น อื่นๆอีกมากมาย สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาความชุกและอุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็ก เนื่องจากปัญหาสุขอนามัยโรคติดเชื้อ ความสามารถสำหรับการดูแลรักษาคนป่วยยังจำกัด มีการคาดคะเนว่าคนไทยทั้งประเทศ เป็นโรคลมชักราวๆ 450,000 คน และพลเมืองโดยทั่วไปยังมีความรู้ความเข้าใจต่อโรคลมชักไม่มาก ดังนี้ คนไข้โรคลมชัก ถ้าได้รับการรักษาอย่างเอาจริงเอาจังต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ต้นกำเนิดอาการ คนเจ็บจะสามารถดำรงชีวิตอย่างเช่นคนธรรมดา เรียนหนังสือ ดำเนินการ เล่นกีฬา ออกสังคม รวมทั้งสามารถสมรสได้ แม้กระนั้นถ้าเกิดไม่มีความสนใจมิได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาจริงเอาจัง ปลดปล่อยให้ชักอยู่บ่อยๆก็อาจจะเป็นผลให้สมองเสื่อม บางรายบางทีอาจทุพพลภาพหรือตายด้วยเหตุว่าอุบัติเหตุที่บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างชัก เช่น จมน้ำ ขับรถชน ตกจากที่สูง ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ฯลฯ ที่มาของโรคลมชัก โรคลมชักส่วนมากเกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบมูลเหตุกระจ่าง (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) เชื่อว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางสิ่งบางอย่างในการควบคุมกระแสไฟฟ้าในสมอง (โดยที่โครงสร้างของสมองปกติดี) ทำให้การทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยกระแสไฟอย่างแตกต่างจากปกติของเซลล์สมอง ทำให้เกิดอาการชัก รวมทั้งสลบชั่วครู่ ผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้ชอบมีลักษณะอาการครั้งแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี แล้วก็อาจมีเรื่องราวว่ามีบิดามารดาหรือลูกพี่ลูกน้องเป็นโรคนี้ด้วย รวมทั้งมีส่วนน้อยที่สามารถหามูลเหตุที่ชัดเจนได้ (Symptomatic หรือ Secondary Epilepsy) อาจเป็นเพราะความไม่ดีเหมือนปกติของโครงสร้างสมอง อย่างเช่น สมองพิการแต่กำเนิด สมองได้รับกระทบระหว่างคลอด สมองพิการตอนหลังการติดเชื้อ แผลในสมองข้างหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้พบบ่อยในเด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 2 ปี) ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวการณ์แคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษเหล้า สารเสพติด (ได้แก่ การเสพยาบ้าเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางชนิดที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบมากในคนที่แก่ 25 ปีขึ้นไป) ดังนี้ อาการในคนป่วยโรคลมชักบางทีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นจะต้องมีสิ่งกระตุ้นให้กำเนิดอาการ แต่ว่าก็มีในบางกรณี หรือการใช้สารอะไรบางอย่างที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการชักได้ ตัวอย่างเช่น ความเครียด การพักผ่อนหย่อนใจไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางประเภทหรือกการใช้สิ่งเสพติด ภาวะมีรอบเดือนของหญิง ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคนป่วยจำนวนหนึ่งแต่ว่าเป็นปริมาณน้อยซึ่งสามารถเกิดอาการชักได้หากเห็นแสงแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดขึ้นจากต้นสายปลายเหตุนี้เรียกว่า โรคลมชักที่คนเจ็บไวต่อแสงกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy) ลักษณะของผู้ป่วยลมชัก โรคลมชัก แตกต่างจากการชักจากโรคอื่นๆเป็น อาการชักจากโรคลมชัก จะต้องมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งทั้งนี้ จริงๆแล้ว โรคลมชักเอง มีลักษณะชักได้ 3 แบบอย่าง ยกตัวอย่างเช่น 1.อาการชักที่ส่งผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดสังกัดสมองทั้งยัง 2 ด้าน แบ่งได้ 2 ชนิดย่อยๆเป็น อาการชักแบบเหม่อลอย (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่โดดเด่นเป็นการใจลอย หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ยกตัวอย่างเช่น การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักประเภทนี้อาจเป็นสาเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเสียการรับทราบในระยะสั้นๆได้ อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยมักจะเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อบริเวณหลัง แขนแล้วก็ขา จนกระทั่งทำให้คนป่วยล้มลงได้ อาการชักแบบกล้ามอ่อนล้า (Atonic Seizures) อาการชักที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อยลง ผู้เจ็บป่วยที่มีอาการชักจำพวกนี้จะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อขณะกำเนิดอาการได้ จนกระทั่งทำให้คนป่วยล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างฉับพลัน อาการชักแบบชักกระตุก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ไม่ปกติ โดยอาจจะส่งผลให้เกิดการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามรอบๆคอ ใบหน้า รวมทั้งแขน อาการชักแบบชักและเกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่มีผลต่อกล้ามในร่างกายทุกส่วน กระตุ้นให้เกิดอาการกล้ามเนื้อเกร็งแล้วก็กระตุก มีผลทำให้คนป่วยล้มลง และก็สลบ บางรายบางทีอาจร้องไห้เวลาที่ชักด้วย แล้วก็ภายหลังจากอาการบรรเทาลง คนเจ็บอาจรู้สึกอิดโรยเนื่องมาจากอาการชัก อาการชักแบบชักสะดุ้ง (Myoclonic Seizures) อาการชักชนิดนี้มักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน โดยจะกำเนิดอาการชักของแขนและก็ขาคล้ายกับการโดนไฟฟ้าช็อต ส่วนมากมักจะกำเนิดภายหลังจากตื่น บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน 2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักจำพวกนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงเล็กน้อย ทำให้มีการเกิดอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเพียงแค่นั้น แบ่งได้ 2 ชนิดเป็น อาการชักแบบรู้สึกตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักประเภทนี้ ขณะที่เกิดอาการ คนไข้จะยังคงมีสติครบถ้วนบริบูรณ์ โดยคนป่วยอาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆข้างในท้อง บ้างก็บางทีอาจรู้สึกราวกับมีลักษณะอาการเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกดังว่าเคยประสบพบเห็นหรือเกิดเหตุการณ์ที่เจออยู่มาก่อน ถึงแม้ว่าไม่เคย อาจเกิดความรู้สึกเบิกบานหรือกลัวอย่างกะทันหัน แล้วก็ได้กลิ่นหรือรับรู้รสชาติแปลกไป รู้สึกชาที่แขนและก็ขา หรือมีอาการชักกระตุกที่แขนรวมทั้งมือ ฯลฯ ทั้งนี้ อาการชักดังที่กล่าวถึงแล้วบางทีอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักจำพวกอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้จะช่วยให้คนป่วยและก็คนที่อยู่รอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน อาการชักโดยไม่รู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่คนไข้อาจจะไม่ทราบตัวและไม่สามารถจดจำได้ว่าเกิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะขณะที่เกิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักจำพวกนี้ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้โดยอาจมีอาการตัวอย่างเช่น ขยับริมฝีปาก ถูมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปรอบๆจับเสื้อผ้า เล่นกับสิ่งของในมือ อยู่ในอิริยาบถแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนอะไรบางอย่าง ยิ่งกว่านั้น ในระหว่างที่เกิดอาการ ผู้ป่วยจะไม่อาจจะรับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายได้เลย 3.อาการชักสม่ำเสมอ (Status Epilepticus) อาการชักชนิดนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักต่อเนื่องที่ผู้เจ็บป่วยไม่อาจจะได้สติในระหว่างที่ชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทั้งนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกชนิดเป็น การที่คนป่วยมีลักษณะอาการผิดปกติทางระบบประสาทดังกล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แม้กระนั้นอาการเหล่านั้นจะกำเนิดบ่อยๆรวมทั้งอาการไม่ดีเหมือนปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายกัน ก่อนที่จะชัก บางบุคคลอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน เช่น รำคาญ เครียด ซึมเซา เวียนหัว กล้ามกระตุก ฯลฯ และก็ก่อนจะสลบเพียงไม่กี่วินาที ผู้ป่วยอาจมีอาการเตือน ดังเช่น ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีอาการชะตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระเหม็นตุก เป็นต้น ถ้าไม่ได้รับประทานยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบซ้ำได้ปีละหลายหน โดยเฉพาะเมื่อมีตัวกระตุ้น (มองหัวข้อ “การดูแลและรักษาตัวเอง”) คนป่วยจะไม่มีลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะของการมีอาการดังที่กล่าวถึงแล้วค่อนข้างจะเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของโรคลมชัก ถ้าหากเคยได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะคิดออกตลอดกาล ส่วนอาการชักซึ่งมีสาเหตุจากโรคลมชัก มีต้นสายปลายเหตุมีสาเหตุมาจากการที่กรุ๊ปของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในปริมาณสูงอย่างแตกต่างจากปกติ และก็สอดคล้องต้องกัน ผลลัพธ์นำไปสู่คลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยปกติภายหลังเซลล์ประสาทที่ได้รับการกระตุ้น ดำเนินการหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะแข็งแรงต่อการสร้างศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มูลเหตุส่วนหนึ่งส่วนใดบางทีอาจเป็นผลของแนวทางการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยับยั้ง ความเคลื่อนไหวไฟฟ้าภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับการปลุกเร้า รวมทั้งผลพวงของอะดีโนซีน การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคลมชัก
การปกป้องตัวเองจากโรคลมชัก ถึงแม้ว่าการกำเนิดโรคลมชักในหลายกรณีนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายปัจจัยแล้วก็จะไม่อาจจะป้องกันได้ แต่ว่าความบากบั่นที่จะลดการบาดเจ็บแถวๆหัว การดูแลเด็กแบเบาะที่ดีในช่วงข้างหลังคลอด อาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีมูลเหตุ)ได้ และเมื่อมีลักษณะชักเกิดขึ้นแล้ว ควรจะหาทางคุ้มครองป้องกันไม่ให้อาการกำเริบขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์ชี้แนะ และคนป่วยต้องหลบหลีกปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ ทั้งนี้ตอนนี้ยังไม่มียาที่ใช้คุ้มครองปกป้องการเกิดโรคลมชักได้ผลลัพธ์ที่ดี 100% และก็หมอไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองการชัก แพทย์จะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีลักษณะชักกำเนิด ขึ้นแล้ว เพื่อคุ้มครองป้องกัน/ลดช่องทางเกิดการชักซ้ำ สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคลมชัก ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าสมุนไพรจำพวกไหนซึ่งสามารถคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคลมชักได้แม้กระนั้นมีการนำสมุนไพรของไทยไปทำการค้นคว้าและก็ทดสอบในสัตว์ทดลองรวมทั้งให้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจแม้กระนั้นยังมิได้มีการนำไปทดสอบในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรกลุ่มนี้ เป็นต้นว่า
|