ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: teareborn ที่ เมษายน 04, 2018, 08:15:56 am



หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 04, 2018, 08:15:56 am
(https://www.img.in.th/images/97ce78851419763311a74e5da4ae8275.jpg)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร คืออะไร โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายคือ เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนบางคราวจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่รู้เรื่องว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในสมัยก่อนมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งก็คือ เนื้องอกไม่ปกติในโพรงจมูก พบมากในคนป่วย โรคภูมิแพ้ชนิดเรื้อรัง ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้อแตกหน่อในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากการอักเสบ และก็การบวมของกลุ่มเยื่อเส้นเลือด ที่อยู่ด้านในทวารหนักและก็รอบๆปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยคุ้มครองเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการขับถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดอึ
โดยริดสีดวงทวารจะกำเนิดความไม่ดีเหมือนปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป โดยประมาณ 3-4 เซลเซียสมัธยม ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ด้านในมี เส้นโลหิตและก็กล้าม ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักและอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักกำเนิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อและก็การ โป่งพองของกลุ่มเส้นเลือดและก็เยื่อรอบๆส่วนปลายของไส้ตรง ในคนปกติจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิสภาพเป็น หัวริดสีดวง แล้วบางทีอาจมีการปริแตกของฝาผนังเส้นเลือดในขณะเบ่งอึ ก็เลยทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้ง โดยชอบมีอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือเกิดท้องเดินบ่อยมาก ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะรุนแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่ารำคาญ หรือทำให้ไม่สบายใจได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งออกเป็น 2 จำพวกเป็น

  • ริดสีดวงด้านใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (รอบๆ แถบรอยที่หยักๆ) เป็นกรุ๊ปหลอดโลหิตดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุไส้ข้างในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)หมายถึงริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกลุ่มเส้นเลือดดำที่ อยู่ใต้ไม่ถูกหนังรอบๆปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ที่สามารถเห็นแล้วก็คลำได้เพราะผิวหนังรอบๆทวารจะถูกดันจนโป่งออกมาคนป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวด

โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้บ่อย ในสหรัฐฯพบคนไข้มีลักษณะจากโรคนี้ได้ราวๆ 5% ของประชากรคนแก่ทั้งหมด โดยเจอได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยสตรีและเพศชายมีโอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร  เป็นผลมาจากกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นเลือดดังที่กล่าวมาข้างต้นได้รับบาดเจ็บ หรือมีการเวียนเลือด ไม่ดีจากมูลเหตุต่างๆกระทั่งก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ซึ่งมูลเหตุ ส่วนมากเป็นผลมาจากการเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆนานๆซึ่งสำเร็จของท้องผูก การท้อง พฤติกรรมการดำรงชีวิต รวมทั้งรูปแบบของการขี้ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเป็นประจำนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักไม่สบาย เกิดการยืด ย่นย่อ คด งอ พอง และก็โตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวกับการเป่าเพิ่มลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ดังเช่นว่า อุจจาระแข็งๆหรือเพิ่มระดับแรงกดดันขึ้นอีก ก็จะทำให้มีการปริแตกหรือฉีกให้ขาดของหลอดโลหิตดำ นำมาซึ่งเลือดออกมาเป็นเลือดสดๆได้
     นอกจากการเบ่งถ่ายอุจจาระนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันโลหิตในตับที่สูง (ซึ่งกำเนิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเสียเรื้อรังยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารด้านในหมายถึงผู้ป่วยส่วนใหญ่ชอบมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่ทราบสึกเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมาพร้อมกับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และบางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดเปื้อนบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกคละเคล้า และก็เลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจจะทำให้กำเนิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นโลหิตจะบวมมากมาย ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์เช่นนี้จะทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจจะก่อให้เกิดอาการคันและก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ โดยธรรมดาแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงภายใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ตัวอย่างเช่น

  • ระดับ 1 เส้นโลหิตที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ด้านในทวารหนักและก็ไส้ตรง
  • ระดับ 2 เส้นโลหิต พร้อมเนื้อเยื่อบริเวณเส้นเลือดปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แต่ก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้เองหลังจบอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าภายในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แม้กระนั้นสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปข้างในทวารหนักมิได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก แม้จะใช้นิ้วช่วยดันและตาม ซึ่งเวลานี้คนไข้จะปวดมากมาย ที่มา : Wikipedia

และก็จะต้องรีบพบหมอเป็นการฉุกเฉิน ก่อนที่จะก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงด้านนอก คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะอาการท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะปวด บวม เจ็บ รวมทั้งระคาย และถ้าเกิดมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดที่โป่งพองจะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้น แต่ว่ามักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วชอบหายเจ็บได้ภายใน 2-3 วัน แม้กระนั้น กว่าจะหายบวมบางทีอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีแล้วบางทีอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลืออยู่ รวมทั้งหากหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจจะก่อให้มีการระคายเคืองหรือคันบริเวณรอบปากทวารหนักได้ด้วย
วิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และการส่องกล้องตรวจทวารหนักและก็ไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวินิจฉัยในอาการหลักๆเหล่านี้เป็นพิเศษ ดังเช่น

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังจากถ่ายอุจจาระ ปริมาณแต่ละครั้งไม่มากหนัก ไม่มีลักษณะของการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากด้านในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และก็ยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจะต้องดันจึงจะกลับเข้าไป และขั้นสุดท้ายอาจย้อนอยู่ข้างนอกตลอดระยะเวลา
  • มีก้อนแล้วก็ปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมง และก็เจ็บมากในระยะเวลา 5-7 วันแรก

กรรมวิธีรักษาโรคริดสีดวงทวาร เป็นต้นว่า ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และก็การใช้ยาต่างๆดังเช่น ยาใช้ภายนอกลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาแก้ปวด ฯลฯ แต่ว่าเมื่อการรักษาในลักษณะทะนุถนอมไม่ได้เรื่อง การรักษาขั้นถัดไปหมายถึงการดูแลรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายแบบอย่าง เป็นต้นว่า การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นโลหิต เพื่อให้เส้นเลือดยุบยุบ การผูกเส้นโลหิต หรือการผ่าตัดหลอดเลือด ดังนี้ ขึ้นกับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด แล้วก็ดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

  • การรักษาแบบเกื้อกูลอาการ ได้แก่ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกลุ่มเยื่อหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร และการใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีปัจจัยที่ร้ายแรง เช่น
  • ทำตามข้อเสนอแนะของหมอ ได้แก่ การใส่ยาทาบริเวณศีรษะริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆตามที่แพทย์สั่ง
  • ระวังไม่ให้ท้องผูกหรือท้องเดินบ่อยๆคนเจ็บควรจะทานผักและผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากมายๆและดื่มน้ำให้มากๆอย่างต่ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและก็ขับถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากเกินไป
  • เลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด
  • การดูแลและรักษาทางศัลยกรรม (ถ้าหากใช้แนวทางการรักษาแบบเกื้อกูลมาแล้วแต่ไม่ได้ผล) ทั้งนี้ ขึ้นกับความร้ายแรงของโรค ข้อชี้ชัด แล้วก็ดุลยพินิจของแพทย์ อาทิเช่น
  • การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะทำให้เส้นเลือดดำฝ่อรวมทั้งหัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 แนวทางลักษณะนี้เป็นวิธีที่สบาย ไม่เป็นอันตราย ไม่มีความเจ็บ หมอมักจะนัดหมายมาฉีดอาทิตย์ละครั้งราวๆ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยทำให้หายขาดได้ประมาณ 60-70%
  • การดูแลรักษาโดยวิธีการใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะก่อให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเองภายใน 5-7 วัน แนวทางจะใช้ได้ผลในทางที่ดีในระยะ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ คนเจ็บมักไม่มีลักษณะของการเจ็บปวด แต่ว่าถ้ารัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากจนเกินความจำเป็น จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงโดยทันที
  • การทำลายเนื้อเยื่อด้วยการเผา เป็นขั้นตอนการรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แต่ว่ายังไม่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ปกติแล้วหมอจะใช้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่นไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็มีอยู่ร่วมกันหลายวิธี ตัวอย่างเช่น การเผาเนื้อเยื่อด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าจักจี้, การฉายรังสีรังสีอินฟาเรด, การใช้แสงเลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น เป็นต้น (การทำลายเนื้อเยื่อด้วยแสงอินฟราเรดบางทีอาจเป็นลู่ทางหนึ่งสำหรับในกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้กรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร ข้อเท็จจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด เพราะว่าหมอจะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ หลังการผ่าตัดผู้ป่วยอาจมีลักษณะการเจ็บปวดบ้าง แต่ก็ไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียวแต่อย่างใด และสามารถยับยั้งได้ด้วยการรับประทานยาพารา นอนพักฟื้นในโรงหมอราวๆ 3-4 วันก็กลับไปอยู่บ้านได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อกำเนิดโรคริดสีดวงทวาร ต้นเหตุที่นำไปสู่โรคริดสีดวง

  • พันธุกรรม
  • อาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่จำเป็นต้องยืนนานๆ
  • เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากโรคแทรกของโรค ดังเช่นว่า ตับแข็ง ซึ่งจะมีลักษณะโรคท้องมานในระยะในที่สุด แล้วก็เมื่อมีน้ำในช่องท้องมากมายๆจะมีผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง เป็นต้นเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก จะต้องเบ่งอึเสมอๆ
  • หญิงมีท้อง เพราะมีการเพิ่มระดับความดันในท้อง การขยายตัวของเส้นโลหิตที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนแล้วก็น้ำหนักตัวเกิน ทำให้เพิ่มแรงดันในช่องท้องและก็ในอุ้งเชิงกรานสูงขึ้น เลือดจึงคั่งในกลุ่มเยื่อเส้นโลหิตเช่นเดียวกับในหญิงตั้งครรภ์
  • ท้องร่วงเรื้อรัง การอุจจาระเป็นประจำจะเพิ่มระดับความดัน และก็/หรือการเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นเลือด ด้วยเหมือนกัน
  • โรคโดยกำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในเส้นเลือดดำในเยื่อหลอดเลือดซึ่งช่วยสำหรับในการไหลเวียนของโลหิต จึงเกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นโลหิต จึงเกิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆและนั่งถ่ายอุจจาระนานๆจะกดทับกรุ๊ปเยื่อเส้นเลือด จึงเพิ่มความดัน/การบาดเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นเลือด
  • การร่วมเพศทางทวารหนัก ก็เลยเกิดการกดแทรกทับ/บาดเจ็บต่อกรุ๊ปเนื้อเยื่อหลอดเลือดส่วนนี้เรื้อรัง จึงมีเลือดคั่งในเส้นเลือด เกิดโป่งพองได้ง่าย

การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ และก็การบวมของเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงดันในท้องขึ้น จึงกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่ว่าอย่างได
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคริดสีดวงทวาร

  • ทายาทาบริเวณก้น/บริเวณริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามหมอเสนอแนะ
  • รับประทานยาต่างๆรวมทั้งยาพาราตามแพทย์เสนอแนะ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมาบริเวณตูด บางทีอาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/ฉี่ ไม่ควรกระทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรจะชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระชนิดเปียก (มีขายในตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดรอบๆตูดไว้ให้แน่น ถ้าเกิดเลือดไม่หยุด ควรพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน
  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆขั้นต่ำวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคจำเป็นต้องจำกัดน้ำ
  • กินผัก ผลไม้ประเภทมีกากใยสูงมากมายๆอย่างเช่น ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อปกป้องท้องผูก
  • ฝึกฝนอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่ควรนั่ง หรือ ยืนนานๆแล้วก็นั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • เจอหมอตามนัดเสมอ และรีบเจอก่อนนัดเมื่อมีลักษณะอาการไม่ดีเหมือนปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆเลวทรามลง หรือเมื่อกังวลใจในอาการ
(https://www.img.in.th/images/e90d5c64328553c631aeb647af47ffac.jpg)
การคุ้มครองตัวเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • หลีกเลี่ยงท้องผูก เพราะท้องผูกเป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเบ่ง และทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีทางแก้ไขอาการท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตนเอง ดังนี้
  • กินอาหารที่มีเส้นใยสูง ดังเช่น ผัก ผลไม้ และก็เมล็ดธัญพืช เพื่อช่วยทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรจะกินน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และก็คาเฟอีน ดังเช่นว่า เหล้า เบียร์ ไวน์ กาแฟ ชา น้ำวัวล่า ด้วยเหตุว่าจะมีผลให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง แล้วก็ถ่ายทุกข์ยากลำบากขึ้น
  • ควรเลี่ยงกลั้นอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่เคยทราบสึกปวดจะถ่าย
  • ควรเลี่ยงการขัดเช็ดบริเวณทวารหนักอย่างรุนแรง เพราะจะยิ่งระคายเคืองริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรจะออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่าย
  • หลบหลีกการใช้ยาระบายอย่างรุนแรง หรือการสวนทวาร
  • พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
  • หลบหลีกความตึงเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เป็นประจำ
  • เมื่อมีสภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ มีสภาวะอ้วนควรจะลดหุ่นเพื่อลดระดับความดันในท้องแล้วก็อุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
วงศ์ :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนไม่ใช่น้อยต้นสด 100 กรัม มี carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มิลลิกรัม
คุณประโยชน์ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆหากเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะว่าในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การกินก็เลยใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป กิน 10-15 วัน จะเห็นผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - เจ็บท้อง ท้องเดิน ริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดพอเพียงอุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชำระล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
ตระกูล :   Asteraceae (Compositae)
สรรพคุณ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มรับประทานขับเยี่ยว แก้โรคนิ่วในไต แก้ปัสสาวะพิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เม็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอม แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และกิน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 เอามาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำรับประทาน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
ตระกูล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม คลื่นไส้ คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยทุเลาลักษณะของการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดรวมทั้งแห้ง ควรปฏิบัติภายหลังจากการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมน้อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้แช่เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้สอดได้ง่าย จำต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จวบจนกระทั่งจะหาย
อัคคีทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
สกุล :   Limiaceae (Labiatae)
คุณประโยชน์ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยากระจัดกระจายหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา กินทีละ 2-4 เม็ด วันแล้ววันเล่าต่อเนื่องกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผุยผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงงอกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/[/b]
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ