หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 04, 2018, 08:15:56 am (https://www.img.in.th/images/97ce78851419763311a74e5da4ae8275.jpg)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles) โรคริดสีดวงทวาร คืออะไร โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร" คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายคือ เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนบางคราวจะเรียกสั้นๆว่า ริดสีดวง ก็เป็นที่รู้เรื่องว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก ในสมัยก่อนมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งก็คือ เนื้องอกไม่ปกติในโพรงจมูก พบมากในคนป่วย โรคภูมิแพ้ชนิดเรื้อรัง ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้อแตกหน่อในโพรงจมูกแทน โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากการอักเสบ และก็การบวมของกลุ่มเยื่อเส้นเลือด ที่อยู่ด้านในทวารหนักและก็รอบๆปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยคุ้มครองเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการขับถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดอึ โดยริดสีดวงทวารจะกำเนิดความไม่ดีเหมือนปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป โดยประมาณ 3-4 เซลเซียสมัธยม ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ด้านในมี เส้นโลหิตและก็กล้าม ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักและอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักกำเนิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อและก็การ โป่งพองของกลุ่มเส้นเลือดและก็เยื่อรอบๆส่วนปลายของไส้ตรง ในคนปกติจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิสภาพเป็น หัวริดสีดวง แล้วบางทีอาจมีการปริแตกของฝาผนังเส้นเลือดในขณะเบ่งอึ ก็เลยทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้ง โดยชอบมีอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือเกิดท้องเดินบ่อยมาก ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะรุนแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่ารำคาญ หรือทำให้ไม่สบายใจได้ โรคริดสีดวงทวาร แบ่งออกเป็น 2 จำพวกเป็น
โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้บ่อย ในสหรัฐฯพบคนไข้มีลักษณะจากโรคนี้ได้ราวๆ 5% ของประชากรคนแก่ทั้งหมด โดยเจอได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยสตรีและเพศชายมีโอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร เป็นผลมาจากกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นเลือดดังที่กล่าวมาข้างต้นได้รับบาดเจ็บ หรือมีการเวียนเลือด ไม่ดีจากมูลเหตุต่างๆกระทั่งก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ซึ่งมูลเหตุ ส่วนมากเป็นผลมาจากการเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆนานๆซึ่งสำเร็จของท้องผูก การท้อง พฤติกรรมการดำรงชีวิต รวมทั้งรูปแบบของการขี้ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเป็นประจำนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักไม่สบาย เกิดการยืด ย่นย่อ คด งอ พอง และก็โตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวกับการเป่าเพิ่มลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ดังเช่นว่า อุจจาระแข็งๆหรือเพิ่มระดับแรงกดดันขึ้นอีก ก็จะทำให้มีการปริแตกหรือฉีกให้ขาดของหลอดโลหิตดำ นำมาซึ่งเลือดออกมาเป็นเลือดสดๆได้ นอกจากการเบ่งถ่ายอุจจาระนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันโลหิตในตับที่สูง (ซึ่งกำเนิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเสียเรื้อรังยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารด้านในหมายถึงผู้ป่วยส่วนใหญ่ชอบมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่ทราบสึกเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมาพร้อมกับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และบางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดเปื้อนบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกคละเคล้า และก็เลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจจะทำให้กำเนิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นโลหิตจะบวมมากมาย ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์เช่นนี้จะทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจจะก่อให้เกิดอาการคันและก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ โดยธรรมดาแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงภายใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ตัวอย่างเช่น
และก็จะต้องรีบพบหมอเป็นการฉุกเฉิน ก่อนที่จะก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด อาการโรคริดสีดวงด้านนอก คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะอาการท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะปวด บวม เจ็บ รวมทั้งระคาย และถ้าเกิดมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดที่โป่งพองจะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้น แต่ว่ามักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วชอบหายเจ็บได้ภายใน 2-3 วัน แม้กระนั้น กว่าจะหายบวมบางทีอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีแล้วบางทีอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลืออยู่ รวมทั้งหากหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจจะก่อให้มีการระคายเคืองหรือคันบริเวณรอบปากทวารหนักได้ด้วย วิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และการส่องกล้องตรวจทวารหนักและก็ไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวินิจฉัยในอาการหลักๆเหล่านี้เป็นพิเศษ ดังเช่น
กรรมวิธีรักษาโรคริดสีดวงทวาร เป็นต้นว่า ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และก็การใช้ยาต่างๆดังเช่น ยาใช้ภายนอกลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาแก้ปวด ฯลฯ แต่ว่าเมื่อการรักษาในลักษณะทะนุถนอมไม่ได้เรื่อง การรักษาขั้นถัดไปหมายถึงการดูแลรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายแบบอย่าง เป็นต้นว่า การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นโลหิต เพื่อให้เส้นเลือดยุบยุบ การผูกเส้นโลหิต หรือการผ่าตัดหลอดเลือด ดังนี้ ขึ้นกับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด แล้วก็ดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อกำเนิดโรคริดสีดวงทวาร ต้นเหตุที่นำไปสู่โรคริดสีดวง
การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ และก็การบวมของเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงดันในท้องขึ้น จึงกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่ว่าอย่างได การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคริดสีดวงทวาร
การคุ้มครองตัวเองจากโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissus quadrangularis L. วงศ์ : Vitaceae สารเคมี : เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนไม่ใช่น้อยต้นสด 100 กรัม มี carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มิลลิกรัม คุณประโยชน์ : เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้ริดสีดวงทวาร ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆหากเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะว่าในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การกินก็เลยใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป กิน 10-15 วัน จะเห็นผล ครอบฟันสี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abutilon indicum (L.) Sweet ชื่อสามัญ : Country mallow, Indian mallow ตระกูล : Malvaceae ราก มี Asparagin คุณประโยชน์ : ราก - เจ็บท้อง ท้องเดิน ริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ แก้ริดสีดวงทวาร ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดพอเพียงอุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชำระล้างแผลริดสีดวงทวาร ขลู่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (L.) Less. ชื่อสามัญ : Indian Marsh Fleabane ตระกูล : Asteraceae (Compositae) สรรพคุณ : ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มรับประทานขับเยี่ยว แก้โรคนิ่วในไต แก้ปัสสาวะพิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก เปลือก ใบ เม็ด - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก ใบ - มีกลิ่นหอม แก้ริดสีดวงทวาร ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และกิน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 เอามาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำรับประทาน ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก ว่านหางจระเข้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill ชื่อสามัญ : Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados ตระกูล : Asphodelaceae สารเคมี: ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine. คุณประโยชน์ : ยางในใบ - เป็นยาระบาย เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม คลื่นไส้ คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside) รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยทุเลาลักษณะของการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดรวมทั้งแห้ง ควรปฏิบัติภายหลังจากการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมน้อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้แช่เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้สอดได้ง่าย จำต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จวบจนกระทั่งจะหาย อัคคีทวาร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum serratum (L.) Moon. var.wallichii C.B.Clarke สกุล : Limiaceae (Labiatae) คุณประโยชน์ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
|