ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: กาลครั้งหนึ่ง2560 ที่ เมษายน 04, 2018, 01:30:34 pm



หัวข้อ: โรคไมเกรน - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: กาลครั้งหนึ่ง2560 ที่ เมษายน 04, 2018, 01:30:34 pm
(https://www.img.in.th/images/8d3b7e6f4f31f019edf2cc3c7927f11c.jpg)
โรคไมเกรน (Migraine)
โรคไมเกรนคืออะไร โรคไมเกรนมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เป็นต้นว่า โรคปวดหัวไมเกรน , โรคปวดหัวด้านเดียว , โรคลมตะกัง เป็นต้น  โรคไมเกรนเป็นโรคที่ก่อให้เกิดลักษณะของการปวดหัวเรื้อรัง ที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่สำคัญเป็น ลักษณะของการปวดหัวนั้นชอบปวดข้างเดียว หรือเริ่มปวดข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดทั้งสองข้าง และก็แต่ละครั้งที่ปวดชอบย้ายข้างไปมาหรือย้ายตำแหน่งได้  แต่บางครั้งอาจจะปวดทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมๆกันตั้งแต่ตอนแรก  ลักษณะของการมีอาการปวดมักจะปวดตุ๊บๆเป็นระยะๆแต่ว่าก็มีบางโอกาสที่ปวดแบบตื้อๆส่วนมากจะปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมากมาย  โดยจะค่อยๆปวดเพิ่มมากขึ้นที่ละน้อยตราบจนกระทั่งปวดร้ายแรงสุดกำลังแล้วจึงค่อยๆทุเลาอาการปวดลงกระทั่งหาย  ตอนที่ปวดหัวก็ชอบมีลักษณะอาการอ้วกหรือคลื่นไส้ร่วมด้วย   ระยะเวลาปวดมักจะนานหลายชั่วโมง แม้กระนั้นโดยมากจะนานไม่เกิน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจจะมีอาการเตือนนำมาก่อนหลายนาที  ได้แก่ สายตาเลือน หรือ เห็นแสงกระพริบๆลักษณะของการปวดนั้นไม่เลือกเวลา บางรายบางครั้งก็อาจจะปวดมากยิ่งขึ้นลางมืดค่ำ หรือปวดตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมา บางรายก็ปวดตั้งแต่ก่อนนอนกระทั่งตื่นนอนเช้าก็ยังไม่หายปวดเลยก็ได้
            อาการปวดหัวไมเกรนไม่เหมือนกับลักษณะของการปวดหัวธรรมดาตรงที่ว่า ลักษณะของการปวดหัวปกติชอบปวดทั่วอีกทั้งหัว โดยมากเป็นลักษณะของการปวดตื้อๆที่ไม่รุนแรงนัก และก็ชอบไม่มีอาการอื่น ดังเช่นว่า อ้วกร่วมด้วย  ส่วนใหญ่จะหายได้เองเมื่อได้นอนสนิทไปพักใหญ่ คนไข้โรคนี้ส่วนมากเป็นผู้หญิง โดยเฉลี่ยพบว่า เพศหญิงราวๆ 15% จะเป็นโรคนี้ ใน ตอนที่ผู้ชายเจอเป็นโรคนี้เพียงโดยประมาณ 6% โดยมีอัตราการเป็นโรคไมเกรนสูงสุดในผู้หญิงรวมทั้งในเพศชายอยู่ที่ช่วงอายุ 30 -40 ปี ทั้งนี้เกือบจะไม่เจอผู้ป่วยที่มีลักษณะปวดหัวไมเกรนเป็นครั้งแรกเมื่ออายุเลย 50 ปีไปแล้ว
นอกจากนี้คนไข้โรคปวดศีรษะไมเกรน มักมีประวัติคนภายในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย แต่ว่าปัจจุบันโรคนี้มียาซึ่งสามารถรักษาบรรเทาอาการ และยาที่ป้องกันอาการไม่ดีขึ้นของโรค มีการทำนองว่าใน 1 วัน ทั้งโลกจะมีคนไข้ที่มีลักษณะปวดศีรษะไมเกรนราวๆ 3,000 คนต่อราษฎร 1 ล้านคน โดยพบอัตราเป็นโรคนี้สูงสุดในคนอเมริกาเหนือ รองลงมาเป็นคนอเมริกากลาง อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย แล้วก็แอฟริกา                                                                             
ต้นเหตุของโรคไมเกรน มูลเหตุที่จริงจริงของไมเกรนยังไม่รู้จักแจ่มแจ้ง แต่ว่ามีการคาดคะเนว่ามีความเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวสำหรับการทำงานของระบบประสาทแล้วก็เส้นโลหิตในสมองมีต้นเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่า ซีโรโทนิน หรือ serotonin (ซึ่งพบว่ามีปริมาณลดน้อยลงตอนที่มีอาการกำเริบเสิบสาน) แล้วก็สารเคมีในสมองกลุ่มอื่นๆเป็นต้นว่า โดปามีน  นำไปสู่การอักเสบของเส้นใยประสาทสมองเส้นที่ ๕ ที่ เลี้ยงใบหน้าแล้วก็ศีรษะ และทำให้เส้นโลหิตแดงทั้งยังในและก็นอกกะโหลกศีรษะมีการอักเสบ และก็มีการหดและขยายตัวแตกต่างจากปกติ เส้นเลือดในหัวกะโหลกจะมีการหดตัวทำให้เปลือกสมองมีเลือดไปเลี้ยงลดน้อยลง ส่วนเส้นเลือดนอกกะโหลกศีรษะมีการขยายตัว ทั้งปวงนี้ก่อให้เกิดอาการแสดงต่างๆของโรคไมเกรน
เดี๋ยวนี้พบว่าโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบว่าประมาณปริมาณร้อยละ ๖๐-๗๐ ของคนที่เป็นไมเกรน   มีประวัติว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นโรคนี้ด้วย ส่วนต้นสายปลายเหตุกำเริบเสิบสานของไมเกรนนั้น ผู้เจ็บป่วยมักพูดได้ว่า แต่ละครั้งที่มีอาการปวดหัวจะมีสิ่งกระตุ้นหรือเหตุกำเริบกระจ่างแจ้ง ซึ่งแต่ละคนอาจมีเหตุกำเริบเสิบสานที่ต่างๆนาๆ รวมทั้งมักจะมีได้หลายๆอย่างด้านในการกำเริบครั้งเดียวเหตุกำเริบที่มักพบๆเช่น

  • มีแสงสว่างจ้าเข้าตา อาทิเช่น ออกกลางแดดจ้าๆแสงแรง แสงกะพริบ แสงสีระยิบในโรงมหรสพหรือสถานเริงรมย์
  • การใช้สายตาเพ่งดูอะไรนานๆได้แก่ หนังสือ หรือกล้องจุลทรรศน์ เย็บปักถักร้อย
  • การอยู่ในที่ที่มีเสียงดังจอแจ เช่น ตลาดนัด หรือเสียงอึกทึก
  • การสูดดมกลิ่นแรงๆยกตัวอย่างเช่น กลิ่นสี กลิ่นน้ำมันรถ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสารเคมี ควันของบุหรี่
  • การดื่มกาแฟมากมายๆก็บางทีอาจกระตุ้นให้ปวดได้
  • ยานอนหลับ สุรา เบียร์ เหล้าไวน์ ถั่วต่างๆกล้วย นมเปรี้ยว เนยแข็ง ช็อกโกแลต ตับไก่ ไส้กรอก อาหารทะเล อาหารทอดน้ำมัน ผงชูรส น้ำตาลเทียม ยากันบูด ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ล้วนกระตุ้นทำให้ปวดได้
  • การอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเหลือเกิน ได้แก่ อากาศร้อน หรือหนาวจัด
  • การงดนอน (นอนน้อยเกินไป) หรือนอนมากเหลือเกิน การนอนตื่นสาย
  • การอดข้าว ทานข้าวผิดเวลา หรือกินอิ่มจัด เชื่อว่าเกี่ยวกับสภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งกระตุ้นให้ปวดหัวได้ บางโอกาสพบว่า ผู้เจ็บป่วยไมเกรนเมื่อเป็นโรคโรคเบาหวาน (มีน้ำตาลในเลือดสูง) อาการปวดจะหายไป
  • การนั่งรถ นั่งเรือ หรือนั่งเครื่องบิน
  • การไม่สบาย ได้แก่ ตัวร้อนจากหวัด ไข้หวัดใหญ่
  • การออกกำลังกายจนเมื่อยล้าเกินความจำเป็น
  • ร่างกายเมื่อยล้า
  • การถูกกระแทกแรงๆที่ศีรษะ (เช่น การใช้หัวโหม่งฟุตบอลหรือตะกร้อ) ก็อาจทำให้ปวดศีรษะโดยทันที
  • อิทธิพลของฮอร์โมนเพศสำหรับคนเจ็บหญิง ส่งผลต่อการเกิดอาการไมเกรนอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น บางรายมีอาการปวดเฉพาะเวลาใกล้จะมีหรือมีระดู แล้วก็มีไม่น้อยที่หายปวดไมเกรนขณะตั้งท้อง ๙ เดือน (มีฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนสูง) บางรายกินยาเม็ดคุมกำเนิด (มีฮอร์โมนเอสโตรเจน) ทำให้ปวดบ่อยขึ้น พอเพียงหยุดรับประทานยาก็ดีขึ้น
  • ความเครียดทางอารมณ์ คิดมาก อารมณ์หม่นหมอง ตื่นเต้น สะดุ้ง
ซึ่งในอดีตกาลมีการศึกษาและทำการค้นพบทฤษฏีที่เกี่ยวกับการเกิดอาการของไมเกรนเป็น

  • แนวความคิดเกี่ยวกับเส้นเลือด (Vascular theory) แนวคิดนี้ถูกคิดขึ้นมาในช่วงปี พุทธศักราช 2483 โดย Wolff (แพทย์คนอเมริกัน) ซึ่งชี้แจงว่า อาการนำก่อนปวดหัวประเภทออรา (มีลักษณะอาการนำ) มีเหตุที่เกิดจากเส้นเลือดในสมองมีการหดตัว แล้วก็เมื่อเส้นโลหิตที่หดตัวขยายตัวออก จะทำให้มีลักษณะอาการปวดศีรษะตามมา โดยหลักฐานส่งเสริมคือ พบหลอดเลือดนอกกะโหลกศีรษะมีการขยายตัวรวมทั้งเต้นตุ้บๆแล้วก็การให้ยาช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้ลักษณะของการปวดศีรษะ ส่วนการให้ยาที่ขยายหลอดเลือด ทำให้อาการปวดหัวร้ายแรงขึ้น

แม้กระนั้น แนวคิดนี้ไม่อาจจะชี้แจงอาการนำก่อนปวดหัวประเภทไม่มีออรา (ไม่มีอาการนำ) แล้วก็อาการร่วมที่เกิดระหว่างไมเกรนว่ากำเนิดได้เช่นไร นอกเหนือจากนี้ ยาบางตัวซึ่งไม่เป็นผลสำหรับในการหดตัวของหลอดเลือด แต่ก็สามารถทุเลาอาการปวดหัวไมเกรนได้ และก็การตรวจภาพหลอดเลือดสมองก่อนเกิดอาการและระหว่างเกิดอาการ ก็ไม่สนับสนุนแนวคิดนี้ ด้วยเหตุนั้นปัจจุบันทฤษฎีนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่ยอบรับ

  • แนวความคิดเกี่ยวกับเซลล์ประสาท เส้นเลือด และก็สารสื่อประสาทร่วมกัน (Neurovascu lar theory) Leao (แพทย์ชาวบราซิล) เป็นผู้เสนอทฤษฎีนี้ในปี พุทธศักราช 2487 ซึ่งอธิบายว่า เซลล์ประ สาทในสมองบางตัวเกิดการตื่นตัว และก็ปลดปล่อยสารสื่อประสาท (สารเคมีที่มีหน้าที่ส่งต่อสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท) กระตุ้นเซลล์ประสาทใกล้เคียงให้ตื่นตัว รวมทั้งส่งต่อสัญญาณไปเรื่อยๆการที่เซลล์ประสาทถูกกระตุ้นนี้ เอามาอธิบายการเกิดอาการนำก่อนจะมีการปวดศีรษะของคนไข้ได้ ส่วนลักษณะของการปวดศีรษะของผู้เจ็บป่วยชี้แจงได้จาก เมื่อเซลล์ประสาทถูกกระตุ้นไปเรื่อยๆจนถึงไปกระ ตุ้นกลุ่มเซลล์ประสาทเฉพาะ เรียกว่า Trigerminal nucleus ซึ่งจะปลดปล่อยสารเคมีหลายชนิดที่ส่งผลส่งผลให้เกิดอาการปวดไปสู่เส้นเลือด เว้นแต่สารเคมีกลุ่มนี้ก่อให้เกิดอาการปวดแล้ว ยังมีผลทำให้ เส้นเลือดขยายตัวอีกด้วย จากแนวความคิดพวกนี้ มีผู้ค้นพบเพิ่มเติมต่อไปอีกเยอะแยะในขณะนี้

ลักษณะของโรคไมเกรน เมื่อเกิดลักษณะของการปวดศีรษะฝ่ายเดียว หลายๆท่านเข้าใจว่าเป็นโรคปวดไมเกรน ด้วยเหตุว่าเราเคยเรียกโรคปวดไมเกรนกันว่า โรคปวดหัวด้านเดียว จึงทำให้หลงผิดมีความรู้สึกว่าถ้าเกิดมีอาการปวดหัวด้านเดียวหมายความว่าเป็นไมเกรน   แท้จริงลักษณะของการปวดไมเกรนนั้นไม่มีความจำเป็นต้องปวดศีรษะเพียงแต่ข้างเดียว บางทีอาจปวดสองข้างก็ได้ ในทางตรงกันข้าม อาการปวดศีรษะฝ่ายเดียวอาจไม่ใช่ไมเกรนก็ได้   โดยอาการโรคไมเกรนได้ผลจากการขยายและหดของเส้นเลือดที่กะโหลกศีรษะ โดยมักมีอาการนำ (aura) ก่อนลักษณะของการปวด แต่ตอนนี้พบว่าบางทีอาจไม่มีอาการนำก็ได้  ซึ่งสามารถแบ่งลักษณะของโรคไมเกรนเป็น 4 ขั้น ดังเช่นว่า ระยะอาการนำ (Premonitory Symptom รวมทั้ง Singn) ระยะอาการเตือน (Aura phase) ระยะปวดศีรษะ (Headache) และระยะหายปวด    (Postdrome) ซึ่งคนเจ็บอาจไม่ออกอาการในทุกขั้นก็ได้
(https://www.img.in.th/images/d2066a15ae9c38137108d6b5b6b711ea.jpg)
อาการรวมทั้งอาการแสดงของ ไมเกรน แบ่งออกเป็นระยะต่างๆดังนี้

  • ระยะอาการนำ (Premonitory symptom รวมทั้ง singn) มีอาการรวมทั้งอาการแสดงทางสมอง ซึ่งแสดงออกในรูปของความผิดแปลกของการทำงานของสมองแบบทั่วๆไป ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เท่ากันของน้ำในร่างกาย รวมทั้งอาการทางกล้าม ซึ่งปรากฎการณ์นี้ พบประมาณ 40% ของคนเจ็บไมเกรน อาการกลุ่มนี้มักนำมาก่อนราว 3 ชั่วโมงก่อนเกิดอาการปวดศีรษะรวมทั้งอาจกำเนิดเร็วใน 1 ชั่วโมง หรือกำเนิดก่อนนานถึง 2 วัน อาการพวกนี้มีทั้งอาการแสดงทางจิต อาการทางระบบประสาทและก็ความเคลื่อนไหวในระบบอื่นๆของร่างกาย อาทิเช่น สมาชิเสีย อารมณ์รำคาญ เก็บตัว ทำอะไรว่องไว ทำอะไรซ้ำซากจำเจ คิดช้าทำช้า หรือทำอะไรงุ่มงาม ครั้งคราวอารมณ์ไม่ดี ผู้เจ็บป่วยอาจมีหาวบ่อยครั้ง อยากนอนมากมายทนต่อแสงเสียงไม่ค่อยได้ ผิวหนังอาจไวต่อความรู้สึกทนต่อการสัมผัสไม่ได้ นอนมาก เหนื่อยง่าย กล่าวไม่ชัด คิดคำกล่าวไม่ออก กล่าวน้องลง กล้ามเนื้อคอบางทีอาจตึง มีลักษณะเมื่อยล้าทั่วไป รู้สึกหนาวจำต้องห่มผ้าสำหรับห่ม หน้าซีด ขอบตาคล้ำ หนังตาหนักๆหรือตาลึก อาการทางเดินอาหารก็มีได้ต้องการอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่มีรสหวาน เบื่ออาหาร อึหลายครั้ง ท้องผูก ท้องเฟ้อ เจ็บท้อง อาการอื่นๆเป็นต้นว่า ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำ บวมจึงทำให้เชื่อว่าไมเกรน น่าจะเป็นปรากฎการณ์ของการเปลื่ยนแปลงทางวิชาชีวเคมีในเซลล์ประสาทรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางหลอดเลือดในระยะปวดหัวเป็นปรากฎการณ์ที่ตามมาคราวหลัง
  • ระยะอาการเตือน (Aura phase) เป็นอาการทางระบบประสาทเฉพาะที่ซึ่งเกิดก่อนลักษณะของการปวดหัวโดยประมาณ 30 นาที แล้วก็โดยมากจะมีอาการอยู่นาน 20-30 นาที โดยปกติจะหายเมื่อกำเนิดอาการปวดหัวขึ้นมาแล้ว ซึ่งอาการที่พบมากคือ อาการเปลี่ยนไปจากปกติทางทางเห็น อย่างเช่น การเห็นแสงสี มองเห็นแสงระยิบ เห็นแสงดาวกระพริบ และก็อาจมีอาการชาบริเวณนิ้วมือ แขนรวมทั้งใบหน้า แล้วก็บางทีอาจเจอสภาวะกล่าวตรากตรำร่วมด้วย
  • ระยะปวดหัว (Headache) มักจะเริ่มเป็นช้าๆในเวลา 30-60 นาที ก่อนที่จะปวดศีรษะมากมายสุด แม้กระนั้นบางรายบางทีอาจสังเกตว่าปวดหัวหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ซึ่งทำให้ไม่รู้จักว่าแท้ที่จริงอาการปวดหัวเริ่มเป็นเมื่อใดและก็รวดเร็วทันใจแค่ไหน บางรายความรุนแรงของลักษณะของการปวดหัวก็ดำเนินไปอย่างช้าๆใช้เวลาครึ่งวันหรือทั้งวัน และชอบเบาๆหายไป แต่ในเด็กอาการกลุ่มนี้จะหายอย่างเร็ว วันหลังคลื่นไส้ ลักษณะปวดศีรษะนี้มีไม่ถึง 50% ที่ปวดแบบตุ๊บๆส่วนที่เหลือมักปวดตื้อๆหรือปวดราวกับมีอะไรมารัด ลักษณะปวดที่สำคัญในไมเกรน คือ ลักษณะของการปวดในตำแหน่งต่างๆจะย้ายที่ได้รวมทั้งย้ายข้างได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นสำหรับการเป็นแต่ละครั้งหรือสำหรับเพื่อการปวดครั้งเดียวกัน รวมทั้งอาการปวดเหล่านี้จะเป็นมากเมื่อมีการเคลื่อนศีรษะ อาการร่วมขณะปวดหัวมักเป็นอาการทางระบบประสาทและก็อาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งในบางรายอาการเหล่านี้จะกำเนิดในระยะอาการนำซึ่งในแต่ละคนอาการจะแตกต่างรวมทั้งอาการในคนๆเดียวกันการปวดหัวแต่ละครั้งก็บางทีอาจต่างกันได้ด้วย อาการพวกนี้เช่น เบื่อข้าว อาเจียน คลื่นไส้ ท้องผูก ท้องเดิน รู้สึกเย็นปลายมือ ปลายตีน กลัวแสงสว่างกลัวเสียง เกลียดให้ผู้ใดกันแน่มาแตะตัว ไม่สามารถที่จะทนต่อการกระตุกสะเทือน บางคนไวต่อกลิ่น อารมณ์เสีย ปวดต้นคอ อ่อนล้า คัดจมูก เดินตุปัดตุเป๋ หรือเหมือนจะเป็นลม อาการปวดหัวจะหายไปวันหลังได้นอน 45 นาที ถึง 3 ชั่วโมง หรือภายหลังดื่มเครื่องดื่มร้อนๆหรือ ภายหลังอาเจียนหรือได้ยาพารา
  • ระยะหายปวด (Postdromes) อาการที่สำคัญหมายถึงหมดแรง ซึ่งบางรายจะมีลักษณะอาการเมื่อยล้าของกล้ามและปวดกล้ามเนื้อ มีลักษณะอาการเคลิบเคลิ้ม หรือมีอารมณ์ไม่แจ่มใส ขาดสมาธิ หงุดหงิด หาวมากมายไม่ปกติทานอาหารได้น้อย ปัสสาวะมากหรือกระหายน้ำ อาการพวกนี้จะเป็นอยู่นาน 1 ชั่วโมง ถึง 4 วัน โดยเฉลี่ยราวๆ 2 วัน

เว้นแต่โรคไมเกรนแล้ว โรคปวดศีรษะยังมีอีกหลายประเภท เป็นต้นว่า โรคปวดศีรษะที่เกิดจากความตึงเครียด (tension headache) โรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) และ โรคปวดหัวเนื่องมาจากมีแรงกดดันในสมองสูง(increase intracranial pressure) ฯลฯ ซึ่งโรคพวกนี้นำมาซึ่งการปวดศีรษะเพียงแต่ด้านเดียวได้
ซึ่งโรคปวดศีรษะที่อาจจะส่งผลให้หลงผิดรู้สึกว่าเป็นไมเกรน คือ โรคปวดหัวที่เกิดจากความเคร่งเครียด ซึ่งเป็นภาวการณ์ที่พบมากโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน มีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแล้วก็เครียดตลอดเวลา จะต้องปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ติดต่อกันวันละหลายๆชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบ่าและก็แขนมีการเกร็งตึง ก่อให้เกิดอาการปวดตึงรอบๆกำดัน ร้าวขึ้นไปที่ขมับข้างที่มีการตึงของกล้ามเนื้อ หรือเกิดลักษณะของการปวดรอบหัวเหมือนถูกรัด ซึ่งถ้าหากมีอาการไม่มาก เมื่อพัก นวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งและตึง อาการจะหายไปเอง แม้กระนั้นในรายที่มีลักษณะหนักบางทีอาจปวดสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม โรคปวดศีรษะที่เกิดจากความเครียดจะไม่เกิดร่วมกับอาการอาเจียน อ้วก ตาพร่า หรือเห็นแสงสี
โรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ก็มีอาการปวดหัวข้างเดียวได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าจะปวดร้ายแรง ปวดบ่อยครั้ง มักปวดรอบตาและก็ขมับ มีตาแดง น้ำตาไหล และคัดจมูกในด้านเดียวกัน จะไม่มีคลื่นใส้คลื่นไส้ ส่วนโรคปวดหัวที่เกิดด้วยเหตุว่ามีแรงดันในสมองสูงนั้น มีต้นเหตุจากมีเรื่องผิดปกติในสมอง ตัวอย่างเช่น มีเนื้อสับสนอกในสมอง เลือดออกในสมอง น้ำคั่งในสมอง เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องปรับแต่งที่มูลเหตุ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวก่อนที่จะสรุปว่าเป็นโรคปวดหัวไมเกรน ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้แจ้งชัดก่อน ไม่สมควรคิดเอาเองว่ามีลักษณะอาการปวดศีรษะฝ่ายเดียว แสดงว่าเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนแน่นอนแล้วไปหาซื้อยาแก้ไมเกรนมารับประทาน เพราะเหตุว่า การรับประทานยาไมเกรนผิดควรมีอันตรายมาก
วิธีการรักษาโรคไมเกรน แนวทางการวิเคราะห์ไมเกรนใช้หลักเกณฑ์ของ International Headche Society (IHS) ซึ่งแยกเป็นชนิดและประเภทออกเป็น 2 กรุ๊ป อาทิเช่น
ซึ่งปัจจุบันนี้หมอมักจะวินิจฉัยจากอาการชี้แจงของคนไข้ เช่น อาการปวดตุบๆที่ขมับ รวมทั้งคลำได้เส้น (เส้นเลือด) ที่ขมับ เป็นๆหายๆเป็นบางครั้งบางคราว และก็มีเหตุกำเริบแน่ชัด โดยที่ตรวจร่างกายด้านอื่นๆ อย่างรอบคอบแล้วไม่เจอเรื่องผิดปกติที่จะก่อให้เกิดลักษณะของการปวดศีรษะ
เพราะฉะนั้น  การที่จะทราบว่าอาการปวดศีรษะนั้นเกิดจากโรคไมเกรนหมอจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์จากลักษณะเฉพาะของอาการปวดศีรษะ  อาการที่เกิดร่วมด้วย และก็ผลการตรวจร่างกายระบบต่างๆแล้วก็ลักษณะการทำงานของสมองที่ปกติ  แม้กระนั้นอย่างไรก็ตาม โรคไมเกรนบางจำพวกก็อาจส่งผลให้สมองดำเนินการแตกต่างจากปกติไปชั่วครั้งชั่วคราวในระหว่างที่กำเนิดลักษณะของการปวดขึ้นได้ หมอควรต้องกระทำวิเคราะห์แยกโรคให้ได้ โดยมีหลักในการวินิจฉัย จากลักษณะเฉพาะเป็น

  • ลักษณะต่างๆของอาการปวด : ตำแหน่ง ความร้ายแรง ลักษณะการปวด การดำเนินของการปวด
  • อาการที่เกิดร่วมด้วย ดังเช่นว่า อ้วก มึนหัว
  • ความแปลกของลักษณะการทำงานของสมองหรืออวัยวะต่างๆที่อาจจะส่งผลให้เกิดลักษณะของการปวด อาทิเช่น ความคิดเฉื่อยชา แลเห็นภาพซ้อน แขนขาอ่อนเพลีย ต้นเหตุกระตุ้นอาการปวด เป็นต้นว่า ความตึงเครียด แสงสว่างแรงๆของกินบางประเภท
  • ต้นสายปลายเหตุดีขึ้นลักษณะของการปวด ดังเช่น การนอน การนวดหนังศีรษะ ยา

ในบางรายแพทย์อาจเสนอแนะการตรวจอื่นๆเพื่อจำกัดวงของต้นเหตุที่ก่อให้เกิดลักษณะของการปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการมากไม่ปกติ อาการสลับซับซ้อน หรือมีลักษณะที่รุนแรงเฉียบพลัน ได้แก่

  • การพิสูจน์เลือด หมอบางทีอาจให้มีการตรวจเลือดเพราะเหตุว่าอาจมีการติดเชื้อที่เส้นประสาทไขสันหลัง หรือสมอง แล้วก็กำเนิดพิษในระบบร่างกายของคนเจ็บ
  • การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture) แพทย์จะให้มีการตรวจวิธีนี้แม้สงสัยว่าผู้เจ็บป่วยมีการติดโรค มีเลือดออกในสมอง
  • การใช้เครื่อง CT scan (Computerized Tomography) หรือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่ให้ความละเอียดมากขึ้นกว่าการเอกซเรย์แบบปกติ เป็นการใส่ความผิดปกติต่างๆภายในร่างกาย โดยการทำให้เห็นภาพของสมอง ให้แพทย์สามารถวินิจฉัยความแปลกต่างๆได้มากขึ้น
  • การใช้เครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) เป็นครื่องตรวจร่างกายโดยการผลิตภาพเสมือนจริงของอวัยวะส่วนต่างๆภายในร่างกาย โดยอาศัยหลักการของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์เนื้องอก การอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง ดูอาการการเลือดออกในสมอง การต่อว่าดเชื้อ และสภาวะอื่นๆในสมองและก็ระบบประสาท

การรักษาคนป่วยเป็นโรคไมเกรน    วิธีการรักษาคนป่วยที่เป็นโรคไมเกรนที่สำคัญเป็นต้นว่า การบรรเทาอาการปวดหัว   และการปกป้องคุ้มครองไม่ให้เกิดหรือลดความถี่ ความร้ายแรงของอาการปวดศีรษะ  เมื่อตรวจพบว่าเป็นไมเกรน แพทย์จะชี้แนะข้อควรกระทำตัวต่างๆโดยเฉพาะ การหลีกเลี่ยงเหตุกำเริบ และจะให้ยารักษาดังนี้

  • ความเคลื่อนไหววิถีการดำเนินชีวิต ดังเช่น การหลีกเลี่ยงจากตัวกระตุ้นต่างๆดังเช่น การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการนอนมากเกินไป ความเคร่งเครียดการถูกแดดมากเกินความจำเป็น การได้รับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มอะไรบางอย่าง เป็นต้นว่า กาแฟ ชอคโกแลต ฯลฯ อาจจะก่อให้กำเนิดอาการปวดหัวได้ ส่วนมากสาเหตุกระตุ้นพวกนี้มักเกิดร่วมกันหลายๆอย่าง และบางครั้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอเป็นทางออกอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุต่างๆเหล่านี้ได้
  • การใช้ยารักษา การใช้ยารักษาควรที่จะใช้เวลาที่มีความจำเป็นยาหวานใจษาพอสรุปได้ดังต่อไปนี้
ยาสำหรับเพื่อการรักษาอาการปวดไมเกรนแบบกระทันหัน  ได้แก่

  • ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตรอยด์ (Nonsteroid anti-inflammatory drugs; NSAIDs) อาทิเช่น ยาแก้อักเสบจำพวกไม่ใช่สเตรอยด์ (Nonsteroid anti-inflammatory drugs; NSAIDs) ตัวอย่างเช่น Ibuprofen, Naproxen sodium, Paracetamol, Aspirin เป็นต้น
  • กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งเอมไซม์ cyclooxygenase (COX) ทำให้ไม่อาจจะสร้างสาร prostaglandins จึงลดอาการอักเสบได้
  • ข้อบ่งใช้: ทุเลาลักษณะของการปวดระดับน้อยถึงปานกลาง
  • ขนาดยาที่ใช้
  • Ibuprofen รับประทานครั้งละ 200-600 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 3.2 กรัมต่อวัน
  • Naproxen sodium รับประทานครั้งละ 275-550 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 1.65 กรัมต่อวัน
  • Paracetamol กินครั้งละ 500-1000 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน
  • Aspirin รับประทานครั้งละ 650-1300 มก. ทุก 4 ชั่วโมง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 4 กรัมต่อวัน
  • อาการข้างเคียง: แผลในกระเพาะอาหาร
  • Ergot alkaloid อย่างเช่น ergotamine+caffeine tablet (Cafergot?)
  • กลไกการออกฤทธิ์: nonselective 5-HT receptor agonists โดยผลที่อยากได้ คือ ทำให้เส้นเลือดที่สมองหดตัว
  • ข้อบ่งใช้: ทุเลาลักษณะของการปวดรุนแรง โดยเป็นยา first line สำหรับรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนเฉียบพลัน
  • ขนาดยาที่ใช้: Cafergot? (ergotamine 1 มิลลิกรัม และ caffeine 100 มก.) รับประทานครั้งแรก 2 มก. ซ้ำได้ทุก 30 นาที ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 6 เม็ดต่อวันหรือ 10 เม็ดต่อสัปดาห์
  • อาการข้างเคียง: อ้วก อาเจียน
  • Triptans อย่างเช่น Sumatriptan, Naratriptan
  • กลไกการออกฤทธิ์: selective 5-HT receptor agonists โดยการทำให้เส้นโลหิตที่สมองหดตัวแม้กระนั้นเพราะเป็น selective ก็เลยไม่ได้ไปกระตุ้น receptor อื่นที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการอาเจียน อ้วก เสมือนใน ergot alkaloid นำมาซึ่งการทำให้ไม่เกิดอาการอาเจียน อ้วก
  • ข้อบ่งใช้: บรรเทาลักษณะของการปวดรุนแรงและเฉียบพลันรวมถึงอาการที่ซนต่อยาแก้ปวดขนานอื่นๆโดยจัดเป็นยา first line สำหรับรักษาอาการปวดหัว ไมเกรนเฉียบพลัน
  • ปริมาณยาที่ใช้:
  • Sumatriptan กินครั้งละ 25-100 มิลลิกรัม รวมทั้งสามารถกินซ้ำในชั่วโมงที่ 2 ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 200 มก.ต่อวัน
  • Naratriptan รับประทานครั้งละ 2.5 มิลลิกรัมและก็สามารถรับประทานซ้ำในชั่วโมงที่ 4 ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อวัน
  • อาการใกล้กัน: อาการแน่นหน้าอก, บริเวณใบหน้าร้อนแดง, คลื่นไส้อ้วก
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไมเกรน  เป็น

  • กรรมพันธุ์ ราวๆ 70% ของคนเจ็บจะมีประวัติเครือญาติสายตรงเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน และก็ถ้ามีพี่น้องที่เป็นโรคนี้โดยเฉพาะเป็นแบบมีลักษณะอาการนำประเภทออรา (Auraหมายถึงอาการที่เกี่ยวกับความรู้สึก ได้แก่ มองเห็นแสงสว่างวาบ เห็นจุดดำๆหรือรู้สึกซ่าในบริเวณใบหน้าแล้วก็มือ) จังหวะที่จะเป็นโรคนี้มีราว 4 เท่าเมื่อเทียบกับคนทั่วๆไป โดยส่วนใหญ่ยังไม่เคยทราบว่ามีการถ่ายทอดผ่านยีน ตัวไหนแจ่มชัด แต่ว่าพบว่าอาจสามารถถ่าย ทอดผ่านทางจีนจากแม่สู่ลูกได้

แม้กระนั้น บางจำพวกของโรคปวดศีรษะไมเกรน รู้ตำแหน่งยีนที่ไม่ปกติแจ่มแจ้งเป็นโรคไมเกรนจำพวกมีอัมพาตครึ่งส่วนร่วมด้วย (Familial hemiplegic migraine) มีเหตุที่เกิดจากมีความผิด ธรรมดาที่บางตำแหน่งบนหน่วยพันธุกรรม (โครโมโซม/chromosome) คู่ที่ 1 หรือ 19 ซึ่งถ่าย ทอดทางพันธุกรรมได้ โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการปวดหัวแบบมีลักษณะอาการแขนขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงครึ่งซีกเลวทราม คราวร่วมด้วย

  • การเป็นโรคบางประเภท บุคคลที่มีโรคบางอย่างจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย อาทิเช่น โรคลมชักบางจำพวก โรคไขมันในเลือดสูงแบบที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคหืด มีผนังกัน ห้องหัวใจห้องบนรั่ว โรคเหงาหงอย ไม่สบายใจ และโรคกรรมพันธุ์อีกหลากหลายประเภท

การติดต่อของโรคไมเกรน  โรคไมเกรนเป็นโรคที่เกิดจากความเปลี่ยนไปจากปกติของระดับสารเคมีในสมอง รวมถึงการสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานไม่ดีเหมือนปกติของเส้นโลหิตสมอง ซึ่งถึงแม้ว่าโรคไมเกรนสามารถถ่ายทองทางพันธุกรรมได้ แม้กระนั้นโรคไมเกรนก็ไม่ใช่โรคที่มีการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์ส
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ