หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: Chaiworn998 ที่ เมษายน 04, 2018, 04:06:17 pm (https://www.img.in.th/images/97ce78851419763311a74e5da4ae8275.jpg)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles) โรคริดสีดวงทวาร เป็นยังไง โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร" คำว่า "ริดสีดวง" จะซึ่งก็คือ สิ่งผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งบางครั้งจะเรียกสั้นๆว่า ริดสีดวง ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก ในสมัยก่อนมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเหมือนกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกไม่ปกติในโพรงจมูก พบบ่อยในคนป่วย โรคภูมิแพ้ชนิดเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้องอกในโพรงจมูกแทน โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ และการบวมของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด ที่อยู่ภายในทวารหนักและก็รอบๆปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยคุ้มครองป้องกันเยื่อทวารหนักในช่วงมีการขับถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดขี้ โดยริดสีดวงทวารจะกำเนิดความผิดแปลกขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ประมาณ 3-4 เซลเซียสม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ภายในมี เส้นโลหิตและกล้ามเนื้อ ซึ่งจะต่อกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักและอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักเกิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามและก็การ โป่งพองของกรุ๊ปเส้นเลือดและก็เยื่อบริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วบางทีอาจมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งอึ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว โดยมักจะมีลักษณะของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือกำเนิดท้องร่วงบ่อยครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะอาการร้ายแรงหรืออันตราย โดยบางทีอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่ารำคาญ หรือทำให้กังวลได้ โรคริดสีดวงทวาร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้มาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะอาการจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของประชากรผู้ใหญ่ทั้งสิ้น โดยพบได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยผู้หญิงและเพศชายได้โอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันที่มาของโรคริดสีดวงทวาร มีเหตุที่เกิดจากกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดดังที่กล่าวถึงแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนวนเลือด ไม่ดีจากต้นสายปลายเหตุต่างๆกระทั่งก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นประจำนานๆซึ่งได้ผลของท้องผูก การมีท้อง การกระทำการดำรงอยู่ แล้วก็รูปแบบของการอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงกดดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก มีการยืด ย่นย่อ คด งอ พอง และก็โตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวการเป่าเพิ่มลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความหนาของฝาผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ตัวอย่างเช่น อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงดันขึ้นอีก ก็จะมีผลให้เกิดการปริแตกหรือฉีกขาดของหลอดโลหิตดำ นำมาซึ่งเลือดออกมาเป็นเลือดใหม่ๆได้ นอกจากการเบ่งถ่ายอุจจาระนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันเลือดในตับที่สูง (ซึ่งกำเนิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเดินเรื้อรังยังเป็นอีกมูลเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย ลักษณะโรคริดสีดวงทวารภายใน คือ ผู้ป่วยโดยมากมักจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้สึกปวดอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกคละเคล้ามากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม แล้วก็อาจสังเกตว่ามีเลือดเลอะบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกปน แล้วก็เลือดมักจะหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นโลหิตจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้จะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจก่อให้กำเนิดอาการคันแล้วก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ โดยธรรมดาแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงด้านใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ตัวอย่างเช่น
แล้วก็จำเป็นต้องรีบเจอแพทย์เป็นการรีบด่วน ก่อนที่ก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด ลักษณะของโรคริดสีดวงด้านนอกเป็นมีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีอาการท้องผูกหรือท้องร่วง ทำให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการปวด บวม เจ็บ แล้วก็ระคาย และก็แม้มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะทำให้เกิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกมาจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วมักจะหายเจ็บได้ภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็แล้วแต่ กว่าจะหายบวมอาจจะต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายดีแล้วบางครั้งก็อาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลือ แล้วก็แม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจส่งผลให้มีการเคืองหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย วิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และก็การส่องกล้องตรวจทวารหนักและลำไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อจะต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยหมอจะวินิจฉัยในอาการหลักๆพวกนี้เป็นพิเศษ เป็นต้นว่า
ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ได้แก่ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และก็การใช้ยาต่างๆยกตัวอย่างเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด รวมทั้งยาพารา ฯลฯ แต่เมื่อการดูแลรักษาในลักษณะประคับประคองไม่ได้เรื่อง การดูแลรักษาขั้นต่อไปเป็นการรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายต้นแบบ เช่น การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นเลือด เพื่อให้เส้นโลหิตยุบแฟบ การผูกเส้นโลหิต หรือการผ่าตัดเส้นโลหิต ดังนี้ ขึ้นอยู่กับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด แล้วก็ดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อเกิดโรคริดสีดวงทวาร ต้นสายปลายเหตุที่นำมาซึ่งโรคริดสีดวง
การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ และก็การบวมของเนื้อเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และก็เมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในท้องขึ้น ก็เลยส่งผลให้เกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างได การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cissus quadrangularis L. ตระกูล : Vitaceae สารเคมี : เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มเป็นจำนวนมากต้นสด 100 กรัม มี carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก. สรรพคุณ : เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้ริดสีดวงทวาร ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆหากเคี้ยวจะคันปากคันคอ เนื่องจากในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารแบบเดียวกับที่เจอในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้สอดไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะเห็นผล ครอบฟันสี ชื่อวิทยาศาสตร์ : Abutilon indicum (L.) Sweet ชื่อสามัญ : Country mallow, Indian mallow ตระกูล : Malvaceae ราก มี Asparagin สรรพคุณ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับฉี่ แก้ริดสีดวงทวาร ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราวๆ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ก้นเพียงพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชะล้างแผลริดสีดวงทวาร ขทาง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (L.) Less. ชื่อสามัญ : Indian Marsh Fleabane ตระกูล : Asteraceae (Compositae) สรรพคุณ : ต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มกินขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่พิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก เปลือก ใบ เมล็ด - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก ใบ - มีกลิ่นหอมยวนใจ แก้ริดสีดวงทวาร ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และรับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ ส่วนที่ 2 นำมาต้มน้ำกิน ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก ว่านหางจระเข้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill ชื่อสามัญ : Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados สกุล : Asphodelaceae สารเคมี: ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine. คุณประโยชน์ : ยางในใบ - เป็นยาระบาย เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อ้วก คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside) รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดแล้วก็แห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมนิดหน่อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าเกิดจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะก่อให้สอดได้ง่าย ต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง ตราบจนกระทั่งจะหาย ไฟทวาร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum serratum (L.) Moon. var.wallichii C.B.Clarke สกุล : Limiaceae (Labiatae) สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
|