หัวข้อ: โรคโรคลมชัก (Epilepsy) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 05, 2018, 09:31:15 am (https://www.img.in.th/images/49dc43b7763a2e6ecea9c3503b80b4a9.jpg)
โรคลมชัก (Epilepsy) โรคลมชักเป็นอย่างไร โรคลมชัก หรือ โรคลมเหียน มีรากศัพท์จากภาษากรีกโบราณ: หมายถึง ยึด ครอง หรือ ทำให้เจ็บป่วย โดยเป็นกลุ่มโรคทางประสาทวิทยาซึ่งถูกจำกัดความโดยอาการชักอันมีต้นเหตุที่เกิดจากการทำงานอย่างสอดคล้องต้องกันมากเกินไปของเซลล์ประสาท ด้วยเหตุนั้นโรคลมชัก ก็คือโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจากความแปลกของระบบประสาทศูนย์กลางซึ่งทำหน้าที่ในการควบคุมแนวทางการทำงานของร่างกาย กระทั่งทำให้มีการเกิดอาการชัก โรคลมชักเป็นโรคระบบประสาทที่พบมาก ในรายงานการศึกษาเล่าเรียนโดย World Health Organization (WHO) และก็ World Federal of Neurology ในปี 2547 พบว่าใน 102 ประเทศที่รายงานปัญหาด้านสุขภาพ พบว่าร้อยละ 72.5 ของประเทศกลุ่มนี้กล่าวว่าโรคลมชักพบบ่อยเป็นชั้นสองรองจากโรคปวดหัว ในระหว่างที่โรคหลอดเลือดสมองเป็นชั้นสามคือ จำนวนร้อยละ 62.7 ทำนองว่าทั่วทั้งโลกน่าจะมีบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี เป็นโรคลมชักกว่า 10.5 ล้านคน ซึ่งคงจะเท่ากับจำนวนหนึ่งในสี่ของจำนวนคนที่เป็นโรคลมชักทุกอายุ แล้วก็ในทุกๆปี น่าจะมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่เป็นโรคลมชัก โดยประมาณ 3.5 ล้านคน ซึ่งจำนวนร้อยละ 40 จะเป็นคนไข้เด็กที่อายุน้อยกว่า 15 ปี และก็กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยในประเทศที่กำลังปรับปรุง ช่วงอายุที่เกิดโรคลมชักสูงเป็นตอนทารกแรกเกิดแล้วก็เด็กตัวเล็กๆ ปัจจัยที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคลมชักในช่วงวัยแรกเกิดชอบเป็นพยาธิภาวะที่เกิดในตอนการคลอดได้แก่ผลของการขาดออกสิเจน การต่อว่าดเชื้อที่ระบบประสาท ส่วนแก่เป็นตอนที่มีโอกาสกำเนิดโรคลมชักสูงรองลงมา ในขณะนี้คงจะพบว่าอุบัติการณ์โรคลมชักในวัยแก่เพิ่มขึ้นเวลาที่ในช่วงวัยทารกลดน้อยลงเพราะว่าความสามารถด้านการแพทย์ในการดูแลคนป่วยดีขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพต่างจากเดิม การตำหนิดเชื้อที่ระบบประสาทที่บางครั้งอาจจะเป็นสาเหตุของโรคลมชักในวัยเด็กเริ่มต่ำลงจากการที่มีวัคซีนปกป้องโรคต่างๆอายุคนยืนยาวขึ้นกว่าเดิม โรคหลอดเลือดสมองซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากปัญหาพฤติกรรมสำหรับในการทานอาหารไม่เหมาะสมมากขึ้น ฯลฯ สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาความชุกแล้วก็อุบัติการณ์โรคลมชักยังคงสูงโดยเฉพาะในเด็ก เนื่องมาจากปัญหาสุขลักษณะโรคติดเชื้อ ความรู้ความเข้าใจในการรักษาผู้ป่วยยังจำกัด มีการคาดคะเนว่าคนไทยทั้งประเทศ เป็นโรคลมชักประมาณ 450,000 คน และพลเมืองโดยธรรมดายังมีความรู้ความเข้าใจต่อโรคลมชักไม่มากมาย ดังนี้ คนป่วยโรคลมชัก ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างจริงจังต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ต้นเกิดอาการ คนไข้จะสามารถดำรงชีวิตอาทิเช่นคนธรรมดา เรียนหนังสือ ทำงาน เล่นกีฬา ออกสังคม และก็สามารถแต่งงานได้ แต่ถ้าเกิดไม่ให้ความสนใจมิได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ปลดปล่อยให้ชักอยู่เสมอๆก็อาจจะเป็นผลให้สมองเสื่อม บางรายบางทีอาจพิการหรือตายด้วยเหตุว่าอุบัติเหตุที่บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างชัก ยกตัวอย่างเช่น จมน้ำ ขับขี่รถชน ตกจากที่สูง ไฟลุก น้ำร้อนลวก เป็นต้น สิ่งที่ทำให้เกิดโรคลมชัก โรคลมชักโดยมากเกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบต้นสายปลายเหตุแจ่มกระจ่าง (Idiopathic หรือ Primary Epilepsy) มั่นใจว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางสิ่งสำหรับเพื่อการควบคุมไฟฟ้าในสมอง (โดยที่องค์ประกอบของสมองเป็นปกติดี) ทำให้แนวทางการทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าอย่างแตกต่างจากปกติของเซลล์สมอง กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการชัก และสลบชั่วขณะ คนไข้กลุ่มนี้ชอบมีอาการทีแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี รวมทั้งอาจมีความเป็นมาว่ามีพ่อแม่หรือญาติเป็นโรคนี้ด้วย รวมทั้งมีส่วนน้อยที่สามารถหามูลเหตุที่แจ่มแจ้งได้ (Symptomatic หรือ Secondary Epilepsy) อาจเป็นเพราะความผิดแปลกของส่วนประกอบสมอง ได้แก่ สมองพิการโดยกำเนิด สมองได้รับกระทบกระเทือนระหว่างคลอด สมองทุพพลภาพคราวหลังการตำหนิดเชื้อ รอยแผลในสมองหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง (ซึ่งกลุ่มนี้พบบ่อยในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 2 ปี) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษสุรา สารเสพติด (ดังเช่น การเสพยาม้าเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางจำพวกที่ใช้เกินขนาด (กลุ่มนี้พบได้มากในผู้ที่แก่ 25 ปีขึ้นไป) ทั้งนี้ อาการในผู้เจ็บป่วยโรคลมชักบางทีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นควรมีเครื่องกระตุ้นให้เกิดอาการ แต่ว่าก็มีในบางกรณี หรือการใช้สารบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการชักได้ ได้แก่ ความเครียด การพักผ่อนหย่อนใจน้อยเกินไป การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยารักษาอาการบางจำพวกหรือกการใช้ยาเสพติด สภาวะมีระดูของเพศหญิง นอกนั้นยังมีคนไข้ปริมาณหนึ่งแต่ว่าเป็นปริมาณน้อยซึ่งสามารถเกิดอาการชักได้ถ้าหากมองเห็นแสงแฟลชที่สว่างจ้า โดยอาการชักที่เกิดขึ้นจากปัจจัยนี้เรียกว่า โรคลมชักที่ผู้เจ็บป่วยไวต่อแสงสว่างกระตุ้น (Photosensitive Epilepsy) อาการของคนเจ็บลมชัก โรคลมชัก ต่างจากการชักจากโรคอื่นๆเป็น อาการชักจากโรคลมชัก จะต้องมีอา การ ชัก เกร็ง กระตุก กัดลิ้น น้ำลายฟูมปาก ซึ่งทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้ว โรคลมชักเอง มีอาการชักได้ 3 ต้นแบบ อย่างเช่น 1.อาการชักที่มีผลต่อทุกส่วนของสมอง (Generalized Seizures) เป็นอาการชักที่เกิดขึ้นกับสมอง 2 ด้าน แบ่งได้ 2 จำพวกย่อยๆเป็น อาการชักแบบเหม่อลอย (Absence Seizures) เป็นอาการชักที่มักเกิดขึ้นในเด็ก อาการที่โดดเด่นคือการเหม่อ หรือมีการขยับเขยื้อนร่างกายเพียงนิดหน่อย อย่างเช่น การกระพริบตาหรือขยับริมฝีปาก อาการชักประเภทนี้บางทีอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเสียการรับทราบในระยะสั้นๆได้ อาการชักแบบชักเกร็ง (Tonic Seizures) เป็นอาการชักที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเกร็งของกล้าม โดยชอบเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อรอบๆข้างหลัง แขนและขา จนถึงทำให้คนเจ็บล้มลงได้ อาการชักแบบกล้ามเมื่อยล้า (Atonic Seizures) อาการชักที่ทำให้กล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อยลง คนเจ็บที่มีลักษณะอาการชักประเภทนี้จะไม่สามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อขณะกำเนิดอาการได้ จนถึงทำให้คนป่วยล้มพับ หรือหกล้มลงได้อย่างเฉียบพลัน อาการชักแบบชัก (Clonic Seizures) เป็นอาการชักที่ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ โดยอาจก่อให้เกิดการขยับเขยื้อนในจังหวะซ้ำ มักเกิดขึ้นกับกล้ามรอบๆคอ ใบหน้า แล้วก็แขน อาการชักแบบชักกระตุกและก็เกร็ง (Tonic-clonic Seizures) เป็นอาการชักที่มีผลต่อกล้ามในร่างกายทุกส่วน ทำให้เกิดอาการกล้ามเกร็งและก็กระตุก มีผลทำให้ผู้เจ็บป่วยล้มลง รวมทั้งสลบ บางรายบางทีอาจร้องไห้ในระหว่างที่ชักด้วย และก็ภายหลังจากอาการบรรเทาลง คนไข้อาจรู้สึกอ่อนแรงด้วยเหตุว่าอาการชัก อาการชักแบบชักตกใจ (Myoclonic Seizures) อาการชักจำพวกนี้มักเกิดขึ้นแบบกระทันหัน โดยจะกำเนิดอาการชักกระตุกของแขนและก็ขาคล้ายกับการโดนไฟฟ้าช็อต ส่วนใหญ่ชอบเกิดภายหลังตื่น บ้างก็เกิดขึ้นร่วมกับอาการชักแบบอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน 2.อาการชักเฉพาะส่วน (Partial หรือ Focal Seizures) อาการชักประเภทนี้จะเกิดขึ้นกับสมองเพียงแต่นิดหน่อย นำมาซึ่งอาการชักที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแค่นั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดเป็น อาการชักแบบรู้ตัว (Simple Focal Seizures) สำหรับอาการชักชนิดนี้ ในเวลาที่กำเนิดอาการ ผู้เจ็บป่วยจะยังคงมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ โดยคนเจ็บอาจมีความรู้สึกแปลกๆหรือมีความรู้สึกวูบๆด้านในท้อง บ้างก็บางทีอาจรู้สึกเสมือนมีลักษณะอาการเดจาวู ซึ่งเป็นความรู้สึกเหมือนว่าเคยประสบพบเห็นหรือเกิดเหตุการณ์ที่เจออยู่มาก่อน ถึงแม้ว่าไม่เคย อาจกำเนิดความรู้สึกเบิกบานหรือกลัวทันทีทันใด และก็ได้กลิ่นหรือรับทราบรสแปลกไป รู้สึกชาที่แขนรวมทั้งขา หรือมีลักษณะชักที่แขนแล้วก็มือ เป็นต้น ทั้งนี้ อาการชักดังกล่าวบางทีอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการชักจำพวกอื่นๆที่กำลังตามมา อาการเหล่านี้สามารถที่จะช่วยให้ผู้ป่วยรวมทั้งคนที่อยู่รอบข้างเตรียมรับมือได้ทัน อาการชักโดยไม่ทันรู้ตัว (Complex Partial Seizures) สามารถเกิดขึ้นโดยที่คนไข้อาจจะไม่ทราบตัวและไม่สามารถจดจำได้ว่ากำเนิดอาการขึ้นเมื่อใด ไม่ว่าจะในขณะเกิดอาการหรืออาการสงบแล้ว อาการชักจำพวกนี้ไม่สามารถคาดเดาได้โดยอาจมีอาการตัวอย่างเช่น ขยับริมฝีปาก ถูมือ ทำเสียงแปลกๆหมุนแขนไปบริเวณจับเสื้อผ้า เล่นกับข้าวของในมือ อยู่ในอิริยาบถแปลกๆเคี้ยวหรือกลืนบางสิ่ง ยิ่งไปกว่านี้ ตอนที่กำเนิดอาการ คนเจ็บจะไม่สามารถรับทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างได้เลย 3.อาการชักต่อเนื่อง (Status Epilepticus) อาการชักประเภทนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือเป็นอาการชักสม่ำเสมอที่ผู้ป่วยไม่สามารถได้สติในระหว่างที่ชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยด่วนที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทั้งนี้ลักษณะสำคัญของการชักในโรคลมชักทุกประเภทเป็น การที่คนเจ็บมีลักษณะไม่ดีเหมือนปกติทางระบบประสาทดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 3 นาที อา การนั้นหายได้เอง แม้กระนั้นอาการพวกนั้นจะเกิดซ้ำๆรวมทั้งอาการไม่ดีเหมือนปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งจะมีลักษณะคล้ายๆกัน ก่อนจะชัก บางบุคคลอาจมีอาการบอกเหตุล่วงหน้ามาก่อนหลายชั่วโมง หรือ 2-3 วัน เป็นต้นว่า อารมณ์เสีย เครียด กลัดกลุ้ม เวียนหัว กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น และก่อนจะหมดสติเพียงแต่ไม่กี่วินาที คนเจ็บอาจมีอาการเตือน อาทิเช่น ได้กลิ่นหรือรสแปลกๆหูแว่วว่ามีเสียงคนพูด ตาเห็นภาพหลอน มีลักษณะชะตามตัว จุกแน่นยอดอก ตากระตุๆก เป็นต้น ถ้าไม่ได้กินยารักษา อาจมีอาการชักกำเริบซ้ำได้ปีละบ่อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น (มองหัวข้อ “การดูแลและรักษาตนเอง”) คนป่วยจะไม่มีอาการไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย ลักษณะของอาการดังที่กล่าวถึงแล้วออกจะเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของโรคลมชัก ถ้าเกิดเคยได้เห็นเพียงแต่ครั้งเดียวก็จะคิดออกตลอดกาล ส่วนอาการชักซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคลมชัก มีมูลเหตุมีเหตุมาจากการที่กลุ่มของเซลล์ประสาทเริ่มศักยะงานในจำนวนสูงอย่างไม่ปกติ และก็สอดคล้องกัน ผลกระตุ้นให้เกิดคลื่นของการลดความต่างศักย์ เรียกว่า ดีโพลาไรซิ่ง ชิฟท์ โดยปกติภายหลังจากเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร้า ดำเนินการหรือสร้างศักยะงาน ตัวของมันจะคงทนต่อการผลิตศักยะงานซ้ำในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ปัจจัยส่วนหนึ่งส่วนใดอาจได้ผลสำเร็จของแนวทางการทำงานของเซลล์ประสาทที่ถูกยั้ง การเปลี่ยนแปลงกระแสไฟภายในเซลล์ประสาทที่ได้รับการเร่งเร้า แล้วก็ผลกระทบของอะดีโนซีน การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคลมชัก
การปกป้องตนเองจากโรคลมชัก ถึงแม้ว่าการกำเนิดโรคลมชักในหลายกรณีนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทรายมูลเหตุและจะไม่สามารถที่จะคุ้มครองได้ แม้กระนั้นความพยายามที่จะลดการบาดเจ็บบริเวณศีรษะ การดูแลทารกที่ดีในช่วงเวลาหลังคลอด อาจช่วยลดอัตราการเกิดโรคลมชัก(ที่มีมูลเหตุ)ได้ แล้วก็เมื่อมีอาการชักเกิดขึ้นแล้ว ควรจะหาทางคุ้มครองปกป้องไม่ให้อาการไม่ดีขึ้นขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์แนะนำ และก็คนเจ็บจำต้องหลีกเลี่ยงต้นเหตุที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ ดังนี้เดี๋ยวนี้ยังไม่มียาที่ใช้คุ้มครองปกป้องการเกิดโรคลมชักได้ประสิทธิภาพที่ดี 100% และก็หมอไม่นิยมที่จะให้ยาคุ้มครองการชัก หมอจะเริ่มให้ยารักษาอาการชักในโรคลมชักต่อเมื่อมีลักษณะชักกำเนิด ขึ้นแล้ว เพื่อป้องกัน/ลดจังหวะเกิดการชักซ้ำ สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคลมชัก ปัจจุบันนี้ยังมิได้รับแถลงการณ์ว่าสมุนไพรประเภทไหนซึ่งสามารถป้องกัน/รักษาโรคลมชักได้แต่ว่ามีการนำสมุนไพรของไทยไปทำการศึกษาและก็ทดลองในสัตว์ทดลองแล้วก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจแม้กระนั้นยังไม่ได้มีการนำไปทดสอบในมนุษย์ซึ่งสมุนไพรพวกนี้ ได้แก่
|