หัวข้อ: โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ เมษายน 05, 2018, 09:33:57 am (https://www.img.in.th/images/e4df9f000bd629ebcb2dd3c3dc53c960.jpg)
โรคต้อกระจก โรคต้อกระจก คืออะไร ก่อนที่จะรู้ถึงความหมายของต้อกระจกนั้น เราควรจะทำความรู้จักกับเลนส์ตาหรือที่เราเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า แก้วตา กันก่อน แก้วตาหรือเลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสอยู่ข้างหลังม่านตา (มีลักษณะเหมือนเลนส์นูนทั่วไปทั้งด้าน หน้าและก็ด้านหลัง มีความดกโดยประมาณ 5 มัธยมม. เส้นผ่าศูนย์ กึ่งกลางโดยประมาณ 9 มัธยมม. มีหน้าที่ทำงานร่วมกับกระจกตาในการหักเหแสงจากวัตถุให้ตกจุดโฟกัสที่หน้าจอประสาทตา ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการมองเห็น ยิ่งไปกว่านี้แก้วตายังสามารถเปลี่ยนกำลังการหักเหได้ด้วยตัวเอง เพื่อสามารถจุดโฟกัสภาพในระยะต่างๆได้ชัดขึ้น มันก็คือ ในคนธรรมดาจะมองเห็นชัดอีกทั้งไกลแล้วก็ใกล้ ดังนั้นธรรมชาติจึงสร้างแก้วตาให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยอยู่ในใจกลางของดวงตาเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายใดๆก็ตามแต่ว่าแม้ว่าแก้วตาจะมิได้รับอันตรายอะไรก็แล้วแต่จากด้านนอก แต่ว่าก็ไม่อาจจะหลบหลีกความเสื่อมถอยสภาพจากอายุที่มากขึ้นหรือการถูกต้นเหตุที่จะเร่งส่งผลให้เกิดความเสื่อมของแก้วตาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีการเกิดโรคที่เกี่ยวกับเลนส์แก้วตาต่างๆได้ ยกตัวอย่างเช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม อื่นๆอีกมากมาย สำหรับต้อกระจกนี้ ขั้นตอนแรกต้องขอให้คำนิยาม หรือความหมายของคำว่า “ต้อกระจก” เสียก่อน ต้อกระจกซึ่งก็คือสภาวะที่เลนส์ด้านในลูกตาเกิดภาวะขาวขุ่นขึ้นเนื่องมาจากสาเหตุอะไรก็ได้ ตามธรรมดาแล้วเลนส์ข้างในดวงตามีภาวการณ์ใสโปร่งแสงเหมือนกระจกใส มีหน้าที่ปรับแสงที่ผ่านเข้าตา ทำให้เราสามารถเห็นภาพวัตถุต่างๆได้แน่ชัด รวมทั้งเมื่อเกิด “ต้อกระจก” ก็จะก่อให้ตัวเลนส์ตามีลักษณะขาวขุ่นขึ้น ทึบแสง ไม่ยินยอมให้แสงผ่านเข้าสู่ดวงตาไปตกกระทบที่จอประสาทรับภาพ (retina) ได้แจ่มกระจ่าง ผู้นั้นก็เลยมองอะไรไม่ชัดเจน ตาฝ้า มัว แล้วสุดท้ายถ้าขาวขุ่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะมืดรวมทั้ง มองดูอะไรมองไม่เห็นจากตาข้างนั้น ต้อกระจก เป็นโรคที่พบมากสำหรับคนแก่ ถ้าปล่อยไว้ไม่ผ่าตัดก็จะทำให้ตาบอด ถือได้ว่าเป็นสาเหตุอันดับแรกๆของภาวะสายตาพิการของคนแก่ ที่มาของโรคต้อกระจก โดยส่วนมาก (ประมาณจำนวนร้อยละ 80) เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากภาวการณ์เสื่อมตามวัย คนที่แก่มากยิ่งกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกแทบทุกราย แต่บางทีอาจเป็นมากน้อยแตกต่างกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในคนชรา (senile cataract) ส่วนน้อย (ประมาณจำนวนร้อยละ 20) อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะมูลเหตุอื่นๆเช่น ต้อกระจกแต่กำเนิด (Congenital Cataract) เด็กแรกเกิดสามารถเป็นต้อกระจกได้ตั้งแต่แรกกำเนิด โดยอาจกำเนิดได้จากพันธุกรรม การติดเชื้อ การเป็นอันตรายหรือมีความก้าวหน้าระหว่างอยู่ในครรภ์ไม่ดี เด็กอ่อนที่ศึกษาค้นพบว่าเป็นต้อกระจกแต่กำเนิด อาทิเช่น ภาวะกาแล็กโทซีภรรยา โรคหัดเยอรมัน หรือโรคเท้าแสนปมชนิดที่ 2 ก็บางทีอาจนำไปสู่การเกิดต้อกระจกชนิดนี้ เด็กตัวเล็กๆบางบุคคลบางทีอาจออกอาการในตอนหลัง โดยมักเป็นทั้งสองข้าง บางเวลาต้อกระจกนี้เล็กมากจนไม่ส่งผลต่อการมองมองเห็น แต่ว่าเมื่อพบว่ามีผลกระทบต่อการมองมองเห็นก็เลยจะผ่าออก ต้อกระจกทุติยภูมิ (Secondary Cataract) การผ่าตัดรักษาโรคตาจำพวกอื่นอาทิเช่นต้อหิน การป่วยเป็นม่านตาอักเสบ หรือตาอักเสบ บางทีอาจเป็นต้นเหตุให้กำเนิดโรคต้อกระจกตามมาได้ ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคความดันโลหิตสูง การได้รับยาบางชนิด อาทิเช่น สเตียรอยด์ ยาขับเยี่ยวบางตัว ก็นับว่าเป็นกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจกได้ง่ายเช่นกัน เกิดจากภาวะแรงชนที่ดวงตา ก็ทำให้เลนส์ตาขวาขุ่นได้ โดยเขพาเมื่อโดนสิ่งมีคมทิ่มทะลุเข้าตา เข้าไปโดนเลนส์ตา เกิดภาวะต้อกระจกได้โดยทันทีภายใน 1 วัน หรือถ้าโดนวัตถุไม่มีคมชน ก็อาจจะมีการเกิดต้อกระจกตามมาทีหลังได้ ถ้าความแรงนั้นมากพอให้เยื่อเลนส์ตาแตกแยก มีสาเหตุจากโดนรังสีเอกซเรย์ บริเวณลูกตาอยู่เป็นประจำๆตัวอย่างเช่น พวกที่มีโรคมะเร็งบริเวณเบ้าตา รวมทั้งรักษาด้วยรังสี ซึ่งรังสีนี้บางทีอาจลึกลงไปโดนเลนส์ตาทำให้ขุ่นได้ รวมทั้งเกิดต้อกระจกตามมา นอกจากสาเหตุต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วแล้ว อาจจะมีอิทธิพลมาจากอันอื่นได้ ดังเช่นว่า อาหารพวกที่มีสภาพทุโภชนา หรือพวกอาหารผิดสุขอนามัย ขาดโปรตีน และก็วิตามินทำให้เกิดต้อกระจกได้เร็วกว่าปกติ อาการของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกนั้นยากที่จะพิจารณาได้ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม ด้วยเหตุว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าอาการของต้อกระจกจะเพิ่มมากขึ้นกระทั่งกระทบต่อการมองมองเห็น โดยคนไข้มักมีลักษณะดังนี้
กรรมวิธีรักษาโรคต้อกระจก หมอจะวินิจฉัยพื้นฐานด้วยการตรวจเจอแก้วตา (เลนส์ตา) ขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องตาคนป่วยจะรู้สึกตามัว การใช้เครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจตาจะไม่พบปฏิกิริยาย้อนกลับสีแดง (red reflex) หากยังไม่มั่นใจ แพทย์จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจอย่างถี่ถ้วน อาจจึงควรวัดความดันลูกตา (เพื่อแยกออกจากโรคต้อหินที่จะเจอความดันดวงตาสูงยิ่งกว่าธรรมดา) รวมทั้งตรวจพิเศษอื่นๆดังเช่นว่า
เนื่องด้วยโรคต้อกระจกไม่มียาที่ใช้กิน หรือหยอดอะไรก็แล้วแต่ที่ช่วยแก้อาการของต้อกระจกได้ ระยะแรกๆของโรคต้อกระจกสามารถบรรเทาได้ด้วยการตัดแว่นตาใหม่ สวมแว่นดำกันแสงสะท้อน หรือการใช้เลนส์ขยายกระทั่งต้อกระจกจะเริ่มกระทบต่อแนวทางการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ก็เลยจะกระทำการผ่าตัด ในอดีตกาลมักคอยให้ต้อกระจกสุกจึงกระทำการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเลนส์ แต่ว่าตอนนี้มักนิยมรักษาโดยการสลายต้อกระจกแม้กระนั้นเนิ่นๆเป็นเมื่อปัญหาตามัวนั้นทำให้เป็นปัญหากับการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยก็ควรรับการรักษา ด้วยเหตุว่าการรอต้อกระจกสุก จะก่อให้การดูแลและรักษาด้วยการสลายต้อทำได้ยาก และยังอาจจะเป็นผลให้เกิดโรคตาอื่นเข้าแทรก ตัวอย่างเช่น ต้อหิน ซึ่งอาจจะก่อให้เป็นอันตรายเพิ่มมากขึ้นได้ ในขณะนี้การดูแลและรักษาต้อกระจกมีเพียงวิธีเดียว คือ การผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออกและก็ใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ในขณะนี้การผ่าตัดต้อกระจกมีความปลอดภัยสูงใช้เวลาสำหรับในการผ่าตัดไม่นาน และไม่ควรต้องนอนโรงพยาบาลข้างหลังผ่าตัด กรรมวิธีการผ่าตัดที่นิยมในตอนนี้มี 3 แนวทาง
ต้นเหตุที่นำมาซึ่งโรคต้อกระจก
การติดต่อของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกมีเหตุมาจากเลนส์ตาหรือแก้วตา หมดสภาพจากนานัปการมูลเหตุทำให้มีลักษณะขุ่นขาวทึบแสงสำเร็จให้แสงสว่างผ่านเข้าไปสู่ดวงตาได้น้อย ก็เลยนำมาซึ่งการมองเห็นภาพฝ้ามัวมากเพิ่มขึ้นกระทั่งไม่เห็นสุดท้าย ซึ่งเป็นโรคที่ไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคต้อกระจก
สมุนไพรที่ช่วยปกป้องการเกิดโรคต้อกระจก จากการเล่าเรียนค้นคว้าข้อมูลการวิจัยพบว่า สมุนไพรไทยหลายอย่างสามารถคุ้มครองโรคต้อกระจกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ขมิ้นชัน รวมทั้งฟักข้าว โดยในขมิ้นชัน มีสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ คือ เคอร์คิวไม่นอยด์ (curcuminoid) รวมทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและธาตุหลายประเภท เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่างๆรวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรตรวมทั้งโปรตีน ฯลฯ เพราะฉะนั้น ขมิ้นชันจึงมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมทั้งสามารถรักษาอาการแล้วก็โรคต่างๆได้หลากหลายประเภท ส่วนฟักข้าวนั้น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสำคัญ คือ ไลวัวปีน (lycopene) โดยในเยื่อห่อเม็ดของฟักข้าวมีไลวัวพีนสูงกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า ที่สามารถช่วยสำหรับในการบำรุงและรักษาสายตา ปกป้องโรคเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อกระจก รวมทั้งประสาทตาเสื่อม รวมทั้งตาบอดตอนค่ำได้ ทั้งยัง ยังมีงานศึกษาวิจัยพบว่า ไลวัวตะกายแล้วก็เคอร์คิวมินอยด์ ยังช่วยคุ้มครองป้องกันต้อกระจกที่เกิดขึ้นมาจากโรคเบาหวานได้อีกด้วยนอกเหนือจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลากหลายประเภทที่สามารถคุ้มครองปกป้องโรคต้อกระจกได้ ตัวอย่างเช่น มะขามป้อม มะขามป้อมจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งจากการเรียนพบว่า วิตามินซีมีบทบาทสำหรับการปกป้องการเกิดต้อกระจก โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และก็กรองรังสียูวีให้เลนส์ตา นอกเหนือจากมะขามป้อมแล้ว ยังส่งผลไม้อื่นๆที่มีวิตามินซีสูง เป็นต้นว่า ฝรั่ง มะปราง มะละกอ มะกอก ส้ม มะขาม ลูกหว้า เป็นต้น เว้นเสียแต่สมุนไพรพนาแล้ว สมุนไพรต่างถิ่นที่มีการสรรพคุณบำรุงและคุ้มครองป้องกันโรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับตาได้อย่างดีเยี่ยม เป็นต้นว่า Ginseng หรือโสม คือรากของ Panax ginseng มี สารสำคัญเป็น ginsennosides ซึ่งเป็น steroidal saponin มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายอย่าง อย่างเช่น antiapoptotic, anti-inflammatory, antioxidant จากการทดสอบทางคลินิกในคนเจ็บที่เป็นต้อหิน พบว่า โสมแดงประเทศเกาหลีสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังเรตินา ก็เลยน่าจะเป็นผลดีในลักษณะการคุ้มครองโรคต้อหิน ยิ่งกว่านั้นสาร Rb1 รวมทั้ง Rg3 ยังมีฤทธิ์ยั้ง TNF-alpha จึงน่าจะเป็นคุณประโยชน์ในการคุ้มครองปกป้องโรคหน้าจอประสาทตาเสื่อมด้วย เนื่องด้วยการอักเสบเป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคนี้ การทดลองในหนูแปลว่าโสมสามารถลดการเสื่อมของเรตินาในหนูที่ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวานได้ ลดผลที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำหนูให้เป็นต้อกระจกด้วย selenite ได้ ดังนั้นโสมก็เลยเป็นสมุนไพรที่น่าสนใจสำหรับเพื่อการคุ้มครองโรคตา 4เป็นโรคต้อหิน ต้อกระจก หน้าจอประสาทตาเสื่อม แล้วก็สภาวะเบาหวานขึ้นจอตา Gingko Biloba Extract (GBE) เป็นสารสกัดจากใบของต้นแป๊ะก๊วย (Ginkgo biloba) ในใบมีสารสำคัญสองกรุ๊ปเป็น เฟลโอ้อวดนอยด์และเทอร์พีนอยด์ GBE เป็นอาหารเสริมที่นิยมสูงที่สุดในยุโรปและอเมริกามีฤทธิ์ปกป้องการทำลายจากอนุมูลอิสระ แล้วก็คุ้มครองป้องกัน lipid peroxidation จากการทดสอบพบว่า GBE สามารถคุ้มครองการเสื่อมของ mitochondria ป้องกันการเสื่อมของ optic nerve จึงสามารถปกป้องตาบอดในผู้ป่วยโรคต้อหิน และ คนเจ็บเรตินาเสื่อมได้ แล้วก็สามารถลดการหลุดของจอตา (retinal detachment) ได้ GBE จึงมีประโยชน์ในกรณีคุ้มครองป้องกันและก็รักษาโรคต้อหินแล้วก็โรคที่เกี่ยวกับจอตา Danshen ชื่อสามัญเป็น Asian Red Sage หรือตังเซียม หรือตานเซิน (Salvia miltiorrhiza) ส่วนที่ใช้เป็นราก ในตำราเรียนยาใช้เป็นยากระตุ้นการไหลเวียนเลือด ใช้รักษาฝี สารสำคัญคือ salvianoic acid B เป็นสารพอลีฟีนอลิกละลายน้ำและก็เป็น antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงรวมทั้งยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะกำเนิดอาการอักเสบและครึ้มขึ้นของฝาผนังเส้นเลือดฝอยทำให้ อนุมูลอิสระไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้ก็เลยไปทำลายเซลล์ประสาทตา เมื่อทดสอบฉีดตังเซียมเข้าไปที่เนื้อเยื่อจอตาที่ขาดออกสิเจนในหนูที่เป็นโรคเบาหวานพบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องการสูญเสียการมองมองเห็นได้ การทดสอบทางคลินิกในคนเจ็บโรคต้อหินพบว่า ตังเซียมสามารถทรงสภาพลานสายตา (visual field) ในผู้เจ็บป่วยระยะกึ่งกลางและก็ระยะปลายได้ ด้วยเหตุนี้ ตังเซียมจึงมีคุณประโยชน์กับคนเจ็บโรคตาที่เกี่ยวพันกับ oxidative stress ดังเช่นว่า จอประสาทตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นเรตินา รวมทั้งต้อกระจก และก็มีรายงานการค้นคว้าของ ดร.พอล จาคส์ (Paul Jacques) ผู้ตัดสินเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่า คนอเมริกันที่กินผักรวมทั้งกินผลไม้บ่อยๆได้โอกาสกำเนิดต้อกระจกน้อยกว่าผู้ไม่บริโภคผักและผลไม้ถึง 4 เท่าครึ่ง แล้วก็ผู้ที่ไม่รับประทานผักแล้วก็ผลไม้เลยจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกมากเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าคนที่หรูหราวิตามินซีในเลือดต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกมากยิ่งขึ้นถึง 11 เท่า ส่วนผู้ ที่หรูหราสารแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำจะมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปถึง 7 เท่า เอกสารอ้างอิง
Tags : โรคต้อกระจก
|