หัวข้อ: โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: anonchobpost ที่ เมษายน 07, 2018, 11:39:13 am (https://www.img.in.th/images/700443a20ab14aa66962d4229755bee5.jpg)
โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นอย่างไร ไส้ติ่ง (Vermiform appendix) เป็นส่วนเสริมของลำไส้ที่ยื่นออกมาจากกระพุ้งไส้ใหญ่ (Cecum) ไส้ติ่งมีรูปร่างราวกับถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อย ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ อยู่ตรงรอบๆท้องน้อยข้างขวา โดยมีลักษณะเป็นถุงแคบและก็ยาว มีขนาดกว้างเพียง 5-8 มม. รวมทั้งมีความยาวหรือก้นถุงลึกโดยเฉลี่ย 8-10 ซม. (ในคนแก่) ภายในมีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ผนังด้านในของไส้ติ่งมีเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจัดกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเยื่อมีการอักเสบได้ง่าย โดยเยื่อนี้จะมีการเพิ่มปริมาณมากช่วงวัยรุ่น จึงเจอไส้ติ่งอักเสบเกิดได้บ่อยในวัย รุ่น ไส้ติ่งนับว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ที่ฝ่อตัวลงและไม่ได้ทำหน้าที่สำหรับการย่อยและดูดซับอาหาร เนื่องจากเป็นท่อขนาดเล็กปลายตัน เมื่อมีการอักเสบก็เลยทำให้เนื้อฝาผนังไส้ติ่งเน่าตายและก็เป็นรูทะลุในเวลาอันรวดเร็วได้ ไส้ติ่งอักเสบคือ อาการบวมรวมทั้งติดเชื้อของไส้ติ่งนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็อันตราย ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัดอย่างรีบ ด่วน เพราะถ้าหากว่าทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ช่องท้อง และก็อาจเป็นสา เหตุร้ายแรงจนถึงติดโรคในกระแสโลหิตจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยการตายส่วนมากของโรคไส้ติ่งอักเสบเกิดขึ้นจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้วก็สภาวะช็อค โรคไส้ติ่งอักเสบได้รับการอธิบายเป็นครั้งแรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429 ตอนนี้ได้รับการยินยอมรับว่ายอดเยี่ยมในสาเหตุของลักษณะของการปวดท้องรุนแรงเฉียบพลันที่พบได้บ่อยที่สุดทั่วทั้งโลกและก็ โรคไส้ติ่งอักเสบยังพบเป็นต้นเหตุอันดับต้นๆของโรคปวดท้อง ที่จำต้องรักษาด้วยการใช้วิธีผ่าตัดเร่งด่วน บ่อยมากที่ค้นพบว่าผู้เจ็บป่วยปลดปล่อยให้มีลักษณะปวดท้องนานยาวนานหลายวันแล้วค่อยมาโรงพยาบาล ซึ่งมักจะพบว่าเป็นถึงขนาดไส้ติ่งแตกแล้ว ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่พบมาก เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนถึงผู้สูงวัย และยังรวมไปถึงหญิงท้อง แต่ว่าจะพบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี (เจอได้น้อยในคนสูงอายุ เพราะว่าไส้ติ่งตีบแฟบมีเนื้อเยื่อหลงเหลือน้อย รวมทั้งในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ด้วยเหตุว่าโคนไส้ติ่งยังออกจะกว้าง) ในผู้หญิงรวมทั้งเพศชายมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน รวมทั้งมีการคาดประมาณว่าในตลอดชีพของคนเราจะได้โอกาสเป็นโรคนี้ราวๆ 7% ในปีๆหนึ่งจะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ราว 1 ใน 1,000 คน ต้นเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ เป็นผลมาจากมีภาวการณ์อุดกันของรูไส้ติ่ง ส่วนการอุดกันนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นการเกิดขึ้นเองโดยไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุชัดเจน แม้กระนั้นส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากมีเศษอุจจาระแข็งๆเรียกว่า "นิ่วอุจจาระ" (fecalith) ชิ้นเล็กๆตกลงไปอุดกันอยู่ภายในรูของไส้ติ่ง แล้วทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูไส้ติ่งปริมาณน้อยเกิดการเจริญรุ่งเรืองขยายพันธุ์รวมทั้งรุกล้ำเข้าไปในผนังไส้ติ่ง จนมีการอักเสบตามมา ถ้าหากปล่อยไว้เพียงแต่ไม่กี่วัน ฝาผนังไส้ติ่งก็มีการเน่าตายและแตกทะลุได้ และมูลเหตุที่พบได้รองลงมาคือ เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่ฝาผนังไส้ติ่งที่หนาตัวขึ้นตามการอักเสบต่างๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย นอกเหนือจากนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสิ่งปลอมปน (เป็นต้นว่า เมล็ดผลไม้), หนอนพยาธิ (ที่สำคัญคือ พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิตืดหมู) หรือเนื้องอก หรือบางโอกาสก็อาจเป็นเพราะการตำหนิดเชื้อที่ระบบฟุตบาทหายใจส่วนบน ที่ทำให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย และก็ต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งเกิดการปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขยายตัวขึ้นกระทั่งไปขัดขวางไส้ติ่ง รวมทั้งทำให้ไส้ติ่งที่อาจมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เกิดอาการอักเสบในที่สุด ในคนเจ็บบางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (Cytomegalovirus) ซึ่งมักจะพบได้ในคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่อง แล้วก็บางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบโดยที่หมอไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเลยก็ได้ ลักษณะโรคไส้ติ่งอักเสบ อาการสำคัญของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นเป็น ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการปวดท้องที่มีลักษณะต่อเนื่องและก็ปวดแรงขึ้นนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าหากมิได้รับการดูแลรักษาก็ชอบปวดอยู่นานยาวนานหลายวัน จนกระทั่งผู้ป่วยทนปวดไม่ไหวต้องพาส่งโรงพยาบาล ซึ่งลักษณะของไส้ติ่งอักเสบนั้นบางทีอาจแบ่งได้สองชนิด เป็นชนิดไม่อ้อมค้อมและชนิดไม่ขวานผ่าซากดังต่อไปนี้ ชนิดตรงไปตรงมาแรกเริ่มบางทีอาจปวดแน่นตรงลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะ บางคนอาจปวดบิดเป็นช่วงรอบๆสะดือ คล้ายลักษณะของการปวดแบบท้องเสีย อาจเข้าส้วมหลายครั้ง แต่ถ่ายไม่ออก (แต่บางคนอาจมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือ ถ่ายเหลวร่วมด้วย)ต่อมาจะมีอาการอาเจียน อาเจียน ไม่อยากอาหารร่วมด้วย ลักษณะของการปวดท้องมักจะไม่ทุเลา แม้ว่าจะรับประทานยาแก้ปวดใดๆ ถัดมาอีก 3-4 ชั่วโมง ลักษณะของการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา มีลักษณะปวดเสียดตลอดระยะเวลา และจะเจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีการขยับตัว หรือเวลาเดินหรือไอจาม คนป่วยจะนอนนิ่งๆถ้าเป็นมากคนไข้จะนอนงอขา ตะแคงไปข้างหนึ่ง หรือเดินตัวงอ เพื่อรู้สึกสบายขึ้น เมื่อถึงขั้นที่มีอาการอักเสบของไส้ติ่งชัดเจน มีวิธีตรวจอย่างง่ายๆคือ ให้คนไข้นอนหงายแล้วใช้มือกดลงลึกๆหรือใช้กำปั้นตีเบาๆตรงรอบๆไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมาก (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) คนป่วยอาจมีไข้ต่ำๆ(อุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส) ส่วนชนิดไม่ขวานผ่าซากนั้นอาจเริ่มจากมีลักษณะอาการปวดเริ่มที่หน้าท้องด้านล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องร่วง รวมทั้งมีการดำเนินโรคที่ช้านานค่อยเป็นค่อยไปกว่าชนิดตรงไปตรงมา หากไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจส่งผลให้มีอาการปัสสาวะบ่อยมาก แม้ไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ข้างหลังลำไส้เล็กตอนปลายอาจมีอาการคลื่นไส้ร้ายแรงได้ บางรายบางทีอาจรู้สึกเจ็บปวดเบ่ง (https://www.img.in.th/images/4b66a91d90c7f7d37c24ee8660945318.jpg) ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มที่เป็นเด็ก หรือสตรีตั้งครรภ์ อาจมีอาการบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างจากคนปกติทั่วไป ดังนี้
คนเจ็บโรคไส้ติ่งอักเสบถ้าหากไม่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหลังมีการอักเสบ ไส้ติ่งจะขาดเลือดแปลงเป็นเนื้อเน่าและตาย ในที่สุดผนังของไส้ติ่งที่เปื่อยจะแตกทะลุ หนองรวมทั้งสิ่งสกปรกด้านในลำไส้จะไหลออกมาในท้อง ทำให้กลายเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) และถ้าเชื้อแบคทีเรียแผ่ขยายเข้าสู่กระแสเลือดก็จะเกิดการติดโรคในกระแสเลือด ทำให้เป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรรมวิธีรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่มีปัญหาในการวิเคราะห์ให้ที่ถูกต้องค่อนข้างจะมากมาย คนเจ็บบางรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แต่เมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ ผู้ป่วยบางรายแม้จะไปพบแพทย์แต่ก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น จวบจนกระทั่งไส้ติ่งแตกแล้วจึงได้รับการดูแลและรักษาวิเคราะห์ที่ถูก เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบเกือบทุกรายมักจะวินิจฉัยโรคนี้ได้ภายหลังการแตกของไส้ติ่งแล้ว ในเด็กเล็กรวมทั้งคนเจ็บสูงอายุพบว่าบางทีอาจเกิดปัญหาร้ายแรง ถ้าเกิดได้รับการวินิจฉัยรวมทั้งรักษาโรคชักช้าเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำ การวิเคราะห์โรคไส้ติ่งอักเสบ การวิเคราะห์โรคในคนป่วยส่วนใหญ่อาศัยลักษณะทางสถานพยาบาล (clinical menifestation) เป็นอาการแล้วก็การตรวจเจอเป็นหลัก ส่วนการตรวจทางห้องปฎิบัติการและก็การค้นหาทางรังสีวิทยา (radiologic investigation) หรือการตรวจเพิ่มอีกอื่นๆมีความจำเป็นน้อย เป็นประโยชน์เฉพาะในผู้ป่วยบางรายที่ลักษณะทางคลินิกกำกวมเท่านั้นโดยมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน อาการนี้พบได้ในคนป่วยดูเหมือนจะทุกราย - ไข้ ชอบกำเนิดภายหลังเริ่มลักษณะของการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง - ไม่อยากอาหาร - ท้องร่วง เจออาการในผู้เจ็บป่วยบางราย ชอบกำเนิดภายหลังไส้ติ่งแตกทะลุ หรือ อธิบาย ได้จากไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum
- Rovsing sign - Obturator sign - Psoas sign
ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น เนื่องจากว่าจะช่วยรักษาอาการรวมทั้งช่วยกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไส้ติ่งแตก โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เพราะเหตุว่าเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่รุนแรงนัก แม้ร้ายแรงถึงขนาดไส้ติ่งแตก ก็ต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะว่านอกเหนือจากต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังจำเป็นต้องชำระล้างด้านในท้อง แล้วก็ใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยแพทย์จะตรึกตรองผ่าตัดรักษาดังนี้
กรุ๊ปอาการที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะปวดท้องที่มีลักษณะไม่เสมือนลักษณะของการปวดโรคกระเพาะ ท้องร่วง หรือปวดระดู ก็ให้สงสัยว่าบางทีอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ควรจะรีบไปพบหมอ หากมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
การติดต่อของโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง จากสิ่งปลอมปนต่างๆทำให้ไส้ติ่งมีการอักเสบติดโรคแล้วก็แตกท้ายที่สุด ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับคนเจ็บแต่ละคน และไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่แพร่ให้คนใกล้กันแต่อย่างใด การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ เหตุเพราะโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคเร่งด่วน ต้องไปพบหมอทันที ที่ห้องเร่งด่วนของโรงพยาบาลเพื่อกระทำผ่าตัดและไม่ควรจะรับประทานยาระบายหรือสวนอุจจาระ เมื่อมีลักษณะท้องผูกร่วมด้วย เพราะอาจจะทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น
o เมื่อมีลักษณะอาการของไส้ติ่งอักเสบ ก่อนไปพบแพทย์คนไข้จะต้องงดเว้นของกินรวมทั้งน้ำไว้ด้วยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดรีบด่วน o ในเรื่องที่มีลักษณะอาการปวดท้องแต่คนป่วยยังไม่เคยรู้สาเหตุ ห้ามรับประทานยาพารา แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน ด้วยเหตุว่ายาแก้ปวดจะไปบังลักษณะของการปวดทำให้หมอแยกโรคได้ตรากตรำ o งดการใช้ครีมและเครื่องแต่งหน้าทุกชนิด และก็ทำร่างกายให้สะอาด อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ เพื่อให้หมอพิจารณาอาการไม่ปกติจากการขาดออกสิเจนได้
การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคไส้ติ่งอักเสบ ในทุกวันนี้ยังไม่ครั้งการศึกษาและทำการค้นพบแนวทางคุ้มครองปกป้องอาการไส้ติ่งอักเสบ เนื่องมาจากไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการกระทันหันที่ไม่สามารถที่จะหาต้นเหตุที่แจ่มชัดได้ แต่ว่ามีข้อคิดเห็นว่า สามัญชนที่นิยมกินอาหารพวกผักผลไม้มาก (ดังเช่นว่า ชาวแอฟริกา) จะมีอัตราการเป็นไส้ติ่งอักเสบน้อยกว่ากรุ๊ปที่กินผักและผลไม้น้อย (เป็นต้นว่า คนตะวันตก) ก็เลยมีการชี้แนะให้พยายามทานผักและก็ทานผลไม้ให้มากมายๆทุกวี่วัน ซึ่งเกิดผลดีต่อการคุ้มครองป้องกันโรคท้องผูก ริดสีดวงทวาร โรคอ้วน และก็ยังเชื่อว่าบางทีอาจป้องกันไส้ติ่งอักเสบ แล้วก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้มีการเรียนรู้ที่ค้นพบว่า ภาวะท้องผูกมีส่วนสมาคมกับการเกิดไส้ติ่งอักเสบ โดยพบว่าผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบจะมีปริมาณครั้งสำหรับเพื่อการขี้ต่อสัปดาห์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง และก็ยังพบว่า คนป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และก็มะเร็งไส้ตรงมักจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อน อีกทั้งยังมีผลการเล่าเรียนหลายงานที่ศึกษาค้นพบว่า การรับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำจะมีส่วนสำหรับการนำไปสู่โรคไส้ติ่งอักเสบอีกด้วย สมุนไพรที่ช่วยป้องงกัน/บรรเทาโรคไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากการดูแลและรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบจะต้องรักษาโดยใช้การผ่าตัดเท่านั้นและก็ในตอนนี้ยังไม่มีการรับรองว่าสมุนไพรจำพวกไหนที่จะช่วยคุ้มครองหรือ บรรเทา/รักษา โรคไส้ติ่งอักเสบได้ รวมถึงยังไม่มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นไหนที่กล่าวว่าสมุนไพรประเภทไหนสามารถช่วยป้องกันหรือ / รักษาโรคไส้ติ่งอักเสบได้ เอกสารอ้างอิง
|