หัวข้อ: โรคต่อมลูกหมากโต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: Saichonka ที่ เมษายน 10, 2018, 02:00:59 pm (https://www.img.in.th/images/b33f047ab3f0cb6d5981b9817740dbd8.gif)
โรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hypertrophy-BPH) โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร ต่อมลูกหมาก (prostate gland) คือต่อมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้ชาย อยู่ตรงด้านหลังของคอกระเพาะเยี่ยวในอุ้งเชิงกรานข้างหลังกระดูกหัวหน่าว มีรูปร่างคล้ายลูกเกาลัด ต่อมมี 5 กลีบ หนักประมาณ 20 กรัม (ขนาดเท่าผลลิ้นย่าง) มีบทบาทสร้างน้ำมูก (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด ของน้ำเชื้อ) เพื่อให้ตัวสเปิร์มว่ายแล้วก็กินเป็นของกิน โดยธรรมดาต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญวัยภายหลังจากอายุ 20 ปี จวบจนกระทั่งอายุโดยประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกครั้ง แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตนับได้ว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่น่าไม่สบายใจของคุณผู้ชายทั้งหลาย โดยทั่วไปผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อแก่ขึ้นต่อมลูกหมากจะค่อยๆโตขึ้น ว่ากันว่าชายเฒ่า 2 ใน 5 คนจะมีอาการเยี่ยวไม่ดีเหมือนปกติ อาการดังกล่าวข้างต้นเป็นผลมาจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อเยี่ยวมีขนาดโตขึ้นและก็ไปบีบท่อเยี่ยวให้แคบลง รวมทั้งยังมีรายงานการศึกษาวิจัยหลายๆชิ้นสรุปว่า ในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มักตรวจเจอโรคต่อมลูกหมากโต เพราะความเปลี่ยนไปจากปกติทางด้านขนาดแล้วก็จำนวนเซลล์ต่อมลูกหมาก เมื่อขนาดของต่อมลูกหมากโตขึ้น จะมีผลส่งผลให้เกิดการอุดกันของระบบฟุตบาทปัสสาวะ เยี่ยวบ่อยครั้ง ทุกข์ยากลำบาก จำเป็นต้องเบ่งเป็นเวลานาน กลั้นฉี่ไม่อยู่ ท้ายที่สุดบางทีอาจฉี่ไม่ออก แล้วก็มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะเพศไม่แข็ง หลักการทำงานของต่อมลูกหมากอาศัยการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศชายซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นจากอัณฑะ ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้ยังเกี่ยวพันกับการกระตุ้นการโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย โดยความไม่ปกติของต่อมลูกหมากที่พบมากในชายไทยหมายถึงโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia; BPH) โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) และก็ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatis) ร้อยละ 80 18 รวมทั้ง 2 ตามลําดับ โดยโรคต่อมลูกหมากโตนี้ เป็นโรคพบบ่อยมากของเพศชายวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยเจอได้ราว 30-40% ของเพศชายวัย 50-60 ปี รวมทั้งเมื่ออายุ 85 ปีจะเจอโรคนี้ได้สูงถึง 90% โรคนี้เจอได้ในเพศชายทั่วโลก ทุกเชื้อชาติ ที่มาของโรคต่อมลูกหมากโต ในตอนนี้ ยังไม่รู้ต้นเหตุที่ชัดแจ้งของการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต แม้กระนั้นแพทย์เชื่อว่า เมื่อชายชราขึ้นจะมีผลต่อการผลิตกลุ่มฮอร์โมนเพศชายจากอัณฑะที่ชื่อ แอนโดรเจน (Androgen) จึงทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายประเภทต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างฮอร์โมน เทสโทสสเตอโรน (Testosterone) กับฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสสเตอโรน () (DHT) ซึ่งสภาวะนี้นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตผิดปกติได้ ที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต ฮอร์โมนที่มั่นใจว่าเป็นสาเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต ที่มา : Wikipedia นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการค่อนข้างร้ายแรงในกลุ่มของผู้คนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจะต้องรับการดูแลและรักษาโดยผ่าตัดมักจะมีประวัติว่าคนในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นเนื่องจากกรรมพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะค่อนข้างจะรุนแรงในฝูงชนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจำต้องรับการดูแลและรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก อาการโรคต่อมลูกหมากโต ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโตนั้น เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จะไปส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อท่อฉี่ และเมื่อต่อมฯยิ่งโตขึ้น ก็จะกดแทรกทับ หรือเบียดรัดรอบๆท่อปัสสาวะ จึงทำให้ท่อปัสสาวะตีบแคบลง จนถึงบางทีอาจอุดตัน ฉะนั้นลักษณะของโรคต่อมลูกหมากโต ก็คือ
รวมทั้งในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเยี่ยวเป็นเลือด เพราะว่าเบ่งถ่ายนานๆอาจส่งผลให้หลอดเลือดดำที่ท่อเยี่ยวคั่ง แล้วแตกกระทั่งมีเลือดออกมาได้ ดังนี้โรคต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นต้นว่า ปัสสาวะไม่ออกเลย ทางเดินเยี่ยวอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม เยี่ยวเป็นเลือด เป็นต้น ซึ่งบางทีอาจพบได้ไม่เกินปริมาณร้อยละ 20 ของคนป่วยต่อมลูกหมากทั้งหมด วิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต การตรวจวินิจฉัยผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโต
การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตบางทีอาจจะต้องใช้หลายๆวิธีด้วยกัน แต่โดยหลักๆแล้วสามารถแบ่งได้ 3 วิธีดังต่อไปนี้การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา การผ่าตัด ซึ่งมีรายละเอียดเป็น
การติดต่อของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่เกิดจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายหลายๆประเภท ซึ่งจะทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากเติบโตไม่ปกติ มักกำเนิดในเพศชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แล้วก็โรคต่อมลูกหมากโตนี้ มิได้เป็นโรคติดต่อและไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แล้วก็จากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด (https://www.img.in.th/images/6adce8831f429528e097b9aa2b8a221d.jpg) การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคต่อมลูกหมากโต ในช่วงเวลานี้ยังไม่มีแนวทางใดที่ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริงเนื่องจากยังไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุที่แจ่มกระจ่างของโรคนี้ รวมทั้งการเสี่ยงต่อโรคที่สำคัญที่ไม่สามารถปรับแก้ได้นั้นก็คืออายุที่มากขึ้น โดยเหตุนี้แนวทางที่ดีที่สุดก็คือเพศชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และควรจะหมั่นสังเกตความไม่ปกติของระบบฟุตบาทเยี่ยว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดมีอาการเยี่ยวลำบาก จำเป็นต้องใช้แรงเบ่งนานๆปัสสาวะไม่พุ่ง เวลากลางคืนต้องลุกขึ้นยืนมาเยี่ยว บ่อยมาก หรือปัสสาวะเป็นเลือด ก็ควรไปพบหมอ เพื่อตรวจวิเคราะห์ต้นสายปลายเหตุให้แจ้งชัด เมื่อพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโตก็ควรจะกินยารักษา หรือทำผ่าตัดปรับแต่งตามคำแนะนำของหมอ สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคต่อมลูกหมากโต พืชสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยทางคลินิกว่ามีฤทธิ์รักษาโรคต่อมลูกหมากโตดังเช่นว่า มะเขือเทศ และฟักทอง โดยให้คนป่วยที่ได้รับการวิเคราะห์ว่าอยู่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มต้นกินซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) วันละ 50 กรัม (มี lycopene อยู่ 13 มก.) ติดต่อกัน 10 อาทิตย์พบว่า ส่งผลทำให้ค่า prostate-specific antigen (PSA) ในเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตลดลง รวมทั้งการเล่าเรียนทางสถานพยาบาลโดยให้ผู้ป่วยกินแคปซูลสารสกัดเม็ดฟักทองขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน มีผลทำให้คนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตมีลักษณะ เมื่อกินติดต่อกันนาน 12 สัปดาห์ มะเขือเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum lycopersicum สกุล Solanaceae มีหลายการศึกษาพบว่าไลวัวพีนในมะเขือ เทศสามารถลดระดับ PSA รวมทั้งคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยผ่านกลไกการทำงานต่างๆตัวอย่างเช่น การลดการ เกิด lipid oxidation ต้านทานอนุมูลอิสระ รวมทั้ง ลดการสังเคราะห์ 5- alpha dihydrotestosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก รวมทั้งยังพบว่าการบริโภคไลวัวพีนจากผลิตภัณฑ์ มะเขือเทศซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคหรูหราไลโคพีนในเลือดสูงมากขึ้นจะสามารถลดระดับ PSA ในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ Schwarz และก็ภาควิชา (2008) ศึกษาในคนไข้โรคต่อมลูกหมากโต (PSA > 4 mg/L) บริโภคไลวัวพีนวันละ 15 mg นาน 6 เดือน พบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องต่อมลูกหมากโตได้เมื่อตรวจทางทาวรหนักรวมทั้งการตรวจอัลตราซาวด์รวมทั้งระดับ PSA ลดลงจำนวนร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก (placebo) อย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ (P < 0.05) รวมทั้งแนวทางการทำแบบสอบถามลักษณะของต่อมลูกหมากฉบับนานาประเทศ (International Prostate Symptom Score; IPSS) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลวัวพีนมีลักษณะของต่อมลูกหมากเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนจะมีการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการศึกษาเล่าเรียนในคนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตที่มีการเสี่ยงมากถึงปริมาณร้อยละ 80 ที่จะเป็นโรคโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในอนาคต (High Grade Prostatic Intraepithelial Neoplasia; HGPIN) โดยกลุ่มทดลองที่ได้รับไลวัวพีนวันละ 8 mg สม่ำเสมอทุกวันนาน 1 ปี (20 คน) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม (20 คน) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลวัวพีนมีระดับ PSA ลดน้อยลง จาก 6.07 mg/L เป็น 3.5 mg/L คิดเป็นปริมาณร้อยละ 42 และก็มีไลวัวพีนในเลือดเพิ่มขึ้นจาก 360 เป็น 680 mg/L แล้วก็เมื่อสิ้นสุดการเรียนพบว่ากลุ่มทดลองมีผู้เจ็บป่วยจำนวน 2 ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะคนป่วยกรุ๊ปควบคุมจำนวน 6 ไม่ได้รับประทานอาการที่มีไลวัวพีน (มะเขือเทศ แตงโม) ตลอดตอนสำนักงานเล่าเรียนหรูหรา PSA เพิ่มสูงมากขึ้น และก็คนที่มีระดับไลโคพีนในเลือดน้อยลงกลับกลายโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่าการบริโภคไลวัวพีนนาน 1 ปีสามารถปกป้องการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในคนไข้ที่มีการเสี่ยงสูงได้ ฟักข้าว มีชื่อสามัญว่า Spring bitter cucumber ชื่อวิทยาศาสตร์หมายถึงMomordica Cochinchinensis Spreng. ฟักข้าว เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไลวัวตะกาย และก็สารพฤษเคมีอื่นๆในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดังเช่น เบต้า-แคโรทีน สูงกว่าแครอท 10 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 40 เท่า มีซีแซนทีนมากกว่า ข้าวโพด 40 เท่า อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ กรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และก็โอเมก้า-9 ช่วยเสริมฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แล้วก็การไหลเวียนของเลือด และในฟักข้าว มีไลวัวปีนป่าย ชนิดพิเศษ เรียกว่า ไลโปแคโรทีน (Lipocarotene) เป็นกรดไขมันสายยาวที่ช่วยจับแคโรทีน ก็เลยช่วยซับแคโรทีน ฟักข้าว จึงเป็นแหล่งของไลโคตะกาย ที่ดีที่สุด ไลโคป่ายปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการยืนยันด้านการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความเฒ่า ต้านทานความเสื่อมถอยของร่างกาย ช่วยลดโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในเพศชาย โดยต่อมลูกหมาก เป็นต่อมที่สร้างน้ำเลี้ยงสเปิร์ม ต่อมลูกหมากตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายอายุสูงขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดลง ทำให้เซลล์ในต่อมลูกหมาก แบ่งตัวมากยิ่งขึ้น ต่อมลูกหมากก็เลยโตขึ้น และก็แม้มีการอักเสบร่วมด้วยก็จะได้โอกาสกำเนิดโรคมะเร็ง ได้สูงมากขึ้น ไลวัวปีนป่าย จะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยให้เซลล์มะเร็งฝ่อตาย และลด การแบ่งเซลล์ของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Orthosiphon stamineus Benth. วงศ์ : Labiatae หรือ Lamiaceae คุณประโยชน์ต้นหญ้าหนวดแมว ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้การหลั่งเยี่ยวเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากนี้ ในตำรายาหลายฉบับเอ๋ยถึงคุณประโยชน์ต่างๆดังเช่น ตำราเรียนยาใช้ใบ รวมทั้งลำต้นการรักษา และคุ้มครองโรคทางเท้าปัสสาวะ ลำต้น ใช้อีกทั้งแบบสดหรือแบบแห้ง ด้วยการต้มดื่ม โดยเฉพาะชายแก่ที่ช่วยแก้โรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งแก้ไขปัญหาเยี่ยวติดขัด รวมทั้งมีฤทธิ์ในการขับกรดยูริก เถาวัลย์เปรียง ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth ชื่อวงศ์ Papilionaceae สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาท้องถิ่น: ใช้เถา ขับฉี่ แก้กษัยเหน็บชา ถ่ายกษัย แก้เอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่อุจจาระ ทำให้เอ็นอ่อนลง ขับปัสสาวะ แก้เยี่ยวพิการ กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae สรรพคุณ: ตำรายาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา การศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาล: ลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ปัสสาวะสบายขึ้น คนเจ็บกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะลดลง ต้นแบบและขนาดวิธีใช้ยา: ขับปัสสาวะ ใช้สมุนไพรแห้ง บดเป็นผุยผง 3 กรัม (หรือ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือตราบจนกระทั่งอาการจะหาย เอกสารอ้างอิง
|