ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Saichonka ที่ เมษายน 10, 2018, 02:00:59 pm



หัวข้อ: โรคต่อมลูกหมากโต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: Saichonka ที่ เมษายน 10, 2018, 02:00:59 pm
(https://www.img.in.th/images/b33f047ab3f0cb6d5981b9817740dbd8.gif)
โรคต่อมลูกหมากโต (Benign prostatic hypertrophy-BPH)
โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร ต่อมลูกหมาก (prostate gland) คือต่อมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้ชาย อยู่ตรงด้านหลังของคอกระเพาะเยี่ยวในอุ้งเชิงกรานข้างหลังกระดูกหัวหน่าว มีรูปร่างคล้ายลูกเกาลัด ต่อมมี 5 กลีบ หนักประมาณ 20 กรัม (ขนาดเท่าผลลิ้นย่าง) มีบทบาทสร้างน้ำมูก (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด ของน้ำเชื้อ) เพื่อให้ตัวสเปิร์มว่ายแล้วก็กินเป็นของกิน  โดยธรรมดาต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญวัยภายหลังจากอายุ 20 ปี  จวบจนกระทั่งอายุโดยประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกครั้ง แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตนับได้ว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่น่าไม่สบายใจของคุณผู้ชายทั้งหลาย โดยทั่วไปผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อแก่ขึ้นต่อมลูกหมากจะค่อยๆโตขึ้น ว่ากันว่าชายเฒ่า 2 ใน 5 คนจะมีอาการเยี่ยวไม่ดีเหมือนปกติ อาการดังกล่าวข้างต้นเป็นผลมาจากการที่ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อเยี่ยวมีขนาดโตขึ้นและก็ไปบีบท่อเยี่ยวให้แคบลง
รวมทั้งยังมีรายงานการศึกษาวิจัยหลายๆชิ้นสรุปว่า ในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มักตรวจเจอโรคต่อมลูกหมากโต เพราะความเปลี่ยนไปจากปกติทางด้านขนาดแล้วก็จำนวนเซลล์ต่อมลูกหมาก เมื่อขนาดของต่อมลูกหมากโตขึ้น จะมีผลส่งผลให้เกิดการอุดกันของระบบฟุตบาทปัสสาวะ เยี่ยวบ่อยครั้ง ทุกข์ยากลำบาก จำเป็นต้องเบ่งเป็นเวลานาน กลั้นฉี่ไม่อยู่ ท้ายที่สุดบางทีอาจฉี่ไม่ออก แล้วก็มีปัญหาเกี่ยวกับอวัยวะเพศไม่แข็ง หลักการทำงานของต่อมลูกหมากอาศัยการกระตุ้นจากฮอร์โมนเพศชายซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นจากอัณฑะ ซึ่งฮอร์โมนเพศชายนี้ยังเกี่ยวพันกับการกระตุ้นการโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย โดยความไม่ปกติของต่อมลูกหมากที่พบมากในชายไทยหมายถึงโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia; BPH) โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) และก็ต่อมลูกหมากอักเสบ (prostatis) ร้อยละ 80 18 รวมทั้ง 2 ตามลําดับ  โดยโรคต่อมลูกหมากโตนี้ เป็นโรคพบบ่อยมากของเพศชายวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยเจอได้ราว 30-40% ของเพศชายวัย 50-60 ปี รวมทั้งเมื่ออายุ 85 ปีจะเจอโรคนี้ได้สูงถึง 90% โรคนี้เจอได้ในเพศชายทั่วโลก ทุกเชื้อชาติ
ที่มาของโรคต่อมลูกหมากโต ในตอนนี้ ยังไม่รู้ต้นเหตุที่ชัดแจ้งของการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต แม้กระนั้นแพทย์เชื่อว่า เมื่อชายชราขึ้นจะมีผลต่อการผลิตกลุ่มฮอร์โมนเพศชายจากอัณฑะที่ชื่อ แอนโดรเจน (Androgen) จึงทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายประเภทต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างฮอร์โมน เทสโทสสเตอโรน  (Testosterone) กับฮอร์โมน ไดไฮโดรเทสโทสสเตอโรน () (DHT) ซึ่งสภาวะนี้นำมาซึ่งการทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตผิดปกติได้ ที่เรียกว่า โรคต่อมลูกหมากโต
ฮอร์โมนที่มั่นใจว่าเป็นสาเหตุของโรคต่อมลูกหมากโต
ที่มา :  Wikipedia
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการค่อนข้างร้ายแรงในกลุ่มของผู้คนที่แก่น้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจะต้องรับการดูแลและรักษาโดยผ่าตัดมักจะมีประวัติว่าคนในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าอาจเกิดขึ้นเนื่องจากกรรมพันธุ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะค่อนข้างจะรุนแรงในฝูงชนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งจำต้องรับการดูแลและรักษาโดยผ่าตัดชอบมีประวัติว่าคนในครอบครัวมักมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
อาการโรคต่อมลูกหมากโต ลักษณะโรคต่อมลูกหมากโตนั้น เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้น จะไปส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อท่อฉี่ และเมื่อต่อมฯยิ่งโตขึ้น ก็จะกดแทรกทับ หรือเบียดรัดรอบๆท่อปัสสาวะ จึงทำให้ท่อปัสสาวะตีบแคบลง จนถึงบางทีอาจอุดตัน ฉะนั้นลักษณะของโรคต่อมลูกหมากโต ก็คือ

  • ลุกขึ้นยืนถ่ายปัสสาวะเวลากลางดึกมากยิ่งกว่า 1 - 2 ครั้ง
  • สายเยี่ยวไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหลๆหยุดๆ
  • เกิดความรู้สึกว่าการถ่ายปัสสาวะเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
  • ไม่สามารถที่จะกลั้นปัสสาวะได้ ต้องรีบเข้าห้องอาบน้ำเมื่อปวดท้องฉี่
  • จะต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถเยี่ยวออกมาได้
  • รู้สึกเยี่ยวไม่สุด ทำให้อยากเยี่ยวอยู่เรื่อยๆ
  • เยี่ยวหลายครั้ง ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง

รวมทั้งในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเยี่ยวเป็นเลือด เพราะว่าเบ่งถ่ายนานๆอาจส่งผลให้หลอดเลือดดำที่ท่อเยี่ยวคั่ง แล้วแตกกระทั่งมีเลือดออกมาได้  ดังนี้โรคต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นต้นว่า  ปัสสาวะไม่ออกเลย ทางเดินเยี่ยวอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม เยี่ยวเป็นเลือด  เป็นต้น ซึ่งบางทีอาจพบได้ไม่เกินปริมาณร้อยละ 20 ของคนป่วยต่อมลูกหมากทั้งหมด
วิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต การตรวจวินิจฉัยผู้เจ็บป่วยโรคต่อมลูกหมากโต

  • แนวทางซักประวัติ หลายครั้งหมอให้ผู้เจ็บป่วยทำแบบสอบถาม (IPSS) เพื่อประเมินความร้ายแรงของความไม่ปรกติของการชิ้งฉ่อง
  • การตรวจทวารหนักเพื่อคลำต่อมลูกหมาก เหตุเพราะต่อมลูกหมากอยู่ภายในร่างกาย ด้วยเหตุผลดังกล่าว การใช้นิ้วทาสารหล่อลื่นคลำต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนักจะเป็นวิธีการตรวจร่างกายที่ง่ายที่สุดในการประเมินถึงลักษณะทางภายกายภาพของต่อมลูกหมาก และก็ที่สำคัญยังสามารถบอกได้ถึงความเปลี่ยนไปจากปรกติที่สงสัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยโดยถ้าหากพบว่ามีลักษณะโต ผิวเรียบมีความหมายว่าเป็นต่อมลูกหมากโตธรรมดา แม้กระนั้นถ้ามีลักษณะโตผิวไม่เรียบหรือออกจะแข็ง น่าสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • การตรวจปัสสาวะเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แล้วก็จะต้องทำในผู้เจ็บป่วยทุกราย เพื่อมองว่ามีการอักเสบติดเชื้อ มีเม็ดเลือดไม่ดีเหมือนปรกติหรือเปล่า รวมทั้งยังเป็นการบอกถึงความไม่ดีเหมือนปรกติของร่างกายในระบบอื่นได้
  • การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA (prostatic specific antigen) ซึ่งจะตรวจต่อเมื่อคนป่วยมีสุขภาพโดยรวมแข็งแรง และคงจะมีชีวิตยืนยาวมากยิ่งกว่า 10 ปีขึ้นไป เพราะโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะแรก มีแนวโน้มจะโตรวมทั้งแผ่ขยายช้าโดยหมอจะตรวจหาโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเลือด ชื่อ พี.เอส.เอ (PSA : Prostate Specific Antigen) ซึ่งมีค่าธรรมดาประมาณ 0 - 4 ng/ml (ที่นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) รวมทั้งถ้าพบว่าผลเลือดสูงยิ่งกว่าธรรมดา หมอจะเสนอแนะให้ตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมาก โดยใช้เข็มเล็กๆผ่านทางทวารหนัก แล้วก็นำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์ว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่
  • การตรวจอัลยี่ห้อซาวน์ ส่วนใหญ่มักใช้เมื่อมีความผิดธรรมดาในการตรวจเยี่ยว แต่ว่าตอนนี้เป็นที่นิยมส่งตรวจกันมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องด้วยปลอดภัยและให้ผลดีสูง
  • การตรวจความแรงสำหรับเพื่อการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) ชอบร่วมกับการตรวจเยี่ยวที่เหลือค้างหลังจากฉี่หมดแล้ว มีสาระสำหรับในการประเมินความร้ายแรงและติดตามการดูแลและรักษา
  • การตรวจอื่นๆเช่น การส่องกล้อง การตรวจยูโรวิชาพลศาสตร์จะทำเมื่อมีข้อชี้ชัดที่ชัดเจน

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตบางทีอาจจะต้องใช้หลายๆวิธีด้วยกัน แต่โดยหลักๆแล้วสามารถแบ่งได้ 3 วิธีดังต่อไปนี้การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา การผ่าตัด ซึ่งมีรายละเอียดเป็น

  • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน: โดยแพทย์จะเลือกใช้กระบวนการนี้ในกรณีผู้เจ็บป่วยมีอาการจากโรคต่อมลูกหมากโตค่อนข้างจะน้อย และก็อาการของคนไข้ยังไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ โดยการปรับพฤติกรรมฯ เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อาการคนป่วยห่วยแตกลง อาทิเช่น
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มขั้นต่ำ 1-2 ชั่วโมงก่อนไปนอน วิธีแบบนี้จะช่วยลดการปวดท้องเยี่ยวในค่ำคืนได้ แต่ก็ไม่ควรอดหรือลดจำนวนการกินน้ำในวันแล้ววันเล่า
  • งดเว้นดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หรือลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะรวมทั้งทำให้อาการไม่ดีขึ้น
  • บริหารร่างกาย มีการวิจัยพบว่าการบริหารร่างกายด้วยการเดินอย่างน้อยวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น
  • จำกัดการรับประทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาทั้งยัง 2 จำพวกจะมีผลให้ฉี่ได้ทุกข์ยากลำบาก ด้วยเหตุว่ายาจะเข้าไปทำให้กล้ามบริเวณท่อฉี่ที่ควบคุมการไหลของปัสสาวะหดตัว
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ การกินอาหารที่ดีมีสาระจะช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ทำให้การเสี่ยงโรคอ้วนต่ำลงซึ่งเกี่ยวของกับโรคต่อมลูกหมากโต
  • ฝึกการเข้าห้องอาบน้ำ การเข้าห้องอาบน้ำทุกๆ4-6 ชั่วโมงเป็นแนวทางการอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้มากในกรุ๊ปผู้ป่วยที่ฉี่บ่อยครั้งและไม่สามารถกลั้นได้
  • เยี่ยวครั้งละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้เยี่ยวเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดปัสสาวะและฉี่บ่อยมาก เช่น เมื่อปัสสาวะไปแล้ว ให้คอยอีกโดยประมาณ 5 นาที แล้วฉี่ซ้ำอีกที ระหว่างคอย อาจแปลงท่า เช่น ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
  • กระทำฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน(ฝึกหัดขมิบก้นเพื่อกลั้นฉี่ วิธีฝึกเหมือนกันกับที่เพศหญิงฝึกขมิบช่องคลอด) ตามแพทย์/พยาบาลชี้แนะอย่างเคร่งครัด
  • เมื่อต้องออกมาจากบ้าน ควรจะวางแผนหัวข้อการฉี่(การใช้สุขา)ไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อให้เกิดความสะดวกสำหรับในการฉี่
  • การใช้ยาต่างๆ: ซึ่งหมอจะเลือกใช้ในคนเจ็บที่ใช้วิธีการปรับพฤติกรรมฯไม่เป็นผล หรือในคนป่วยที่ตั้งเดิมทีมีลักษณะรุนแรงระดับปานกลาง หรือมีลักษณะอาการที่มีผลต่อการใช้ชีวิติทุกวัน ซึ่งยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต ในตอนนี้มีอยู่ราวๆ 2-3 ประเภท บางประเภทเป็นยาลดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บีบรัดท่อฉี่ บางจำพวกมีสรรพคุณลดขนาดต่อมลูกหมาก รวมทั้งบางจำพวกเป็นสมุนไพรที่สกัดขึ้นเพื่อลดอาการบวม แพทย์จะเป็นคนพิจารณาการให้ยาตามสมควรซึ่งยาที่ใช้รักษาอาการโรคต่อมลูกหมากโต สามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มดังนี้ ยาในกลุ่มอัลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha adrenergic blockers)   ซึ่งอดีตจะใช้เป็นยาลดระดับความดัน แต่ปัจจุบันได้ปรับปรุงต่อจนกระทั่งส่งผลต่อความดันโลหิตน้อยมาก ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์เร็ว คนป่วยจะรู้สึกเยี่ยวสบายขึ้นด้านใน 3 วัน แม้กระนั้นถ้าหากหยุดยาและอาการก็จะกลับมาอย่างเร็ว ยาในกลุ่มนี้จะใช้กันแพร่หลายที่สุด พราโซสิน (prazosin) เทราโซซิน (tera-zosin) ดอกซาโซสิน (doxazosin) ยาที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมน (DHT) (Dihydrotestosterone)  ยาในกลุ่มนี้จะลดการผลิตฮอร์โมน DHT ซึ่งต้องต่อการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมาก แม้ว่าจะออกฤทธิ์ช้า แม้กระนั้นสามารถลดขนาดของต่อมลูกหมากได้ในระดับหนึ่ง จะมีคุณประโยชน์เฉพาะคนไข้ที่มีต่อมลูกหมากค่อนข้างจะโต ไฟท้องนาสเตอไรด์ (fina-steride) ยาสมุนไพร มีอยู่หลายชนิด สำหรับประเภทที่แพร่หลายที่สุดหมายถึงจากสมุนไพรชื่อ Saw palmetto แม้กระนั้นคุณภาพยังไม่ชัดแจ้งนัก
  • การผ่าตัด: หมอจะเลือกใช้แนวทางการนี้เมื่อคนไข้ใช้ยาแล้วไม่ได้ผล โดยการผ่าตัดมีหลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับ อาการ สุขภาพคนป่วย สิ่งที่มีความต้องการของผู้ป่วยแล้วก็ครอบครัว รวมทั้งดุลพินิจของหมอ ใน เดี๋ยวนี้นิยมผ่าตัดโดยการใช้กล้องส่องผ่านท่อเยี่ยว (transurethral resection of the prostatic หรือ TURP) เป็นการผ่าตัดเป็นแนวทางรักษาโดยขูดต่อมลูกหมากด้วยกล้องผ่านทางท่อเยี่ยว หรือที่เพื่อตัดต่อมลูกหมากมายออกเป็นชิ้นเล็กๆซึ่งสามารถทำเป็นโดยแพทย์ฟุตบาทปัสสาวะ หรือศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่นั้น ในระหว่างผ่าตัดผู้เจ็บป่วยจะได้รับการวางยาเฉพาะด้านล่าง ทำให้ไม่เคยรู้สึกเจ็บ ในระยะ 3 - 4 วันแรกแพทย์จะใส่สายสวนฉี่เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะได้พัก และคอยให้ฉี่ใสเสียก่อนจึงจะเอาสายสวนปัสสาวะออก คนเจ็บจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 - 4 อาทิตย์ แนวทางนี้แพทย์จะใช้กับผู้เจ็บป่วยที่มีลักษณะอาการหนัก หรือมีภาวะแทรกซ้อน นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆอีกดังเช่น  การใช้คลื่นความร้อน ยกตัวอย่างเช่น ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ หรือเลเซอร์ ผ่านเข้าไปที่ต่อมลูกหมาก เพื่อทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อแล้วก็เล็กลง ซึ่งเป็นแนวทางที่แพทย์เลือกใช้ในรายผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสมกับการผ่าตัดรวมถึงวิธี การขยายท่อปัสสาวะโดยการใส่ท่อค้างไว้ (prostatic urethral stent) ซึ่งเหมาะสำหรับคนป่วยที่ผ่าตัดมิได้  หรือปฏิเสธการผ่าตัด
ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคต่อมลูกหมากโต

  • ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • คนที่มีประวัติว่าคนภายในครอบครัวมีปัญหาหรือเคยป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต
  • คนที่มีความผิดธรรมดาของอัณฑะ
  • ผู้มีสภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • ผู้ที่ขาดการบริหารร่างกาย
  • คนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน

การติดต่อของโรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่เกิดจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศชายหลายๆประเภท ซึ่งจะทำให้เซลล์ของต่อมลูกหมากเติบโตไม่ปกติ มักกำเนิดในเพศชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แล้วก็โรคต่อมลูกหมากโตนี้ มิได้เป็นโรคติดต่อและไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แล้วก็จากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
(https://www.img.in.th/images/6adce8831f429528e097b9aa2b8a221d.jpg)
การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต

  • ฝึกเยี่ยวให้ตรงเวลา ได้แก่ ทุก 3 ชั่วโมง แล้วค่อยๆปรับระยะเวลาตามอาการเพื่อคุ้มครองปกป้องการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • ฉี่ทีละ 2 ที เพื่อไม่ให้ฉี่เหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะที่จะทำให้มีการเกิดอาการปวดเยี่ยวและปัสสาวะบ่อย ดังเช่นว่า เมื่อปัสสาวะไปแล้ว ให้คอยอีกประมาณ 5 นาที แล้วเยี่ยวซ้ำอีกที ระหว่างรอคอย อาจเปลี่ยนแปลงท่า เป็นต้นว่า ลุกขึ้นยืน ฯลฯ
  • ทำฝึกฝนความแข็งแรงของกล้ามอุ้งเชิงกราน โดยการฝึกหัดขมิบตูด/ขมิบเพื่อกลั้นเยี่ยว
  • ดื่มน้ำในแต่ละวันให้พอควร อย่าให้มากเกินไป
  • ลด หรือเลิกดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีน
  • ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกประเภท
  • หลบหลีกการใช้ยาบางจำพวกที่จะทำให้อาการคนเจ็บห่วยลง ดังเช่นว่า ยาขับฉี่ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาโรคซึมเซา
  • การกินของกินมีสาระ 5 หมู่ให้ครบทุกๆวันในจำนวนที่เหมาะสม ร่วมกับการบริหารร่างกายตามความเหมาะสมกับสุขภาพทุกๆวัน เพื่อการควบคุมน้ำหนัก และไม่ให้เกิดโรคอ้วน
  • เมื่อจะต้องออกมาจากบ้าน ควรจะวางแผนเรื่องการใช้สุขาไว้ล่วงหน้าเสมอเพื่อให้กำเนิดความสะดวกสำหรับในการปัสสาวะ
  • รักษาร่างกายให้อบอุ่น อากาศที่หนาว จะทำให้อาการแย่ลง
  • ระวังอย่าให้ท้องผูก

การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคต่อมลูกหมากโต ในช่วงเวลานี้ยังไม่มีแนวทางใดที่ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริงเนื่องจากยังไม่เคยทราบต้นสายปลายเหตุที่แจ่มกระจ่างของโรคนี้ รวมทั้งการเสี่ยงต่อโรคที่สำคัญที่ไม่สามารถปรับแก้ได้นั้นก็คืออายุที่มากขึ้น โดยเหตุนี้แนวทางที่ดีที่สุดก็คือเพศชายที่แก่ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และควรจะหมั่นสังเกตความไม่ปกติของระบบฟุตบาทเยี่ยว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดมีอาการเยี่ยวลำบาก จำเป็นต้องใช้แรงเบ่งนานๆปัสสาวะไม่พุ่ง เวลากลางคืนต้องลุกขึ้นยืนมาเยี่ยว บ่อยมาก หรือปัสสาวะเป็นเลือด ก็ควรไปพบหมอ เพื่อตรวจวิเคราะห์ต้นสายปลายเหตุให้แจ้งชัด  เมื่อพบว่าเป็นต่อมลูกหมากโตก็ควรจะกินยารักษา หรือทำผ่าตัดปรับแต่งตามคำแนะนำของหมอ 
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคต่อมลูกหมากโต พืชสมุนไพรที่มีรายงานการวิจัยทางคลินิกว่ามีฤทธิ์รักษาโรคต่อมลูกหมากโตดังเช่นว่า มะเขือเทศ และฟักทอง โดยให้คนป่วยที่ได้รับการวิเคราะห์ว่าอยู่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มต้นกินซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) วันละ 50 กรัม (มี lycopene อยู่ 13 มก.) ติดต่อกัน 10 อาทิตย์พบว่า ส่งผลทำให้ค่า prostate-specific antigen (PSA) ในเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตลดลง รวมทั้งการเล่าเรียนทางสถานพยาบาลโดยให้ผู้ป่วยกินแคปซูลสารสกัดเม็ดฟักทองขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อวัน มีผลทำให้คนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตมีลักษณะ เมื่อกินติดต่อกันนาน 12 สัปดาห์
มะเขือเทศ  ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum lycopersicum สกุล Solanaceae มีหลายการศึกษาพบว่าไลวัวพีนในมะเขือ เทศสามารถลดระดับ PSA รวมทั้งคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยผ่านกลไกการทำงานต่างๆตัวอย่างเช่น การลดการ เกิด lipid oxidation ต้านทานอนุมูลอิสระ รวมทั้ง ลดการสังเคราะห์ 5- alpha dihydrotestosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก รวมทั้งยังพบว่าการบริโภคไลวัวพีนจากผลิตภัณฑ์ มะเขือเทศซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคหรูหราไลโคพีนในเลือดสูงมากขึ้นจะสามารถลดระดับ PSA ในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้  Schwarz และก็ภาควิชา (2008) ศึกษาในคนไข้โรคต่อมลูกหมากโต (PSA > 4 mg/L) บริโภคไลวัวพีนวันละ 15 mg นาน 6 เดือน พบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องต่อมลูกหมากโตได้เมื่อตรวจทางทาวรหนักรวมทั้งการตรวจอัลตราซาวด์รวมทั้งระดับ PSA ลดลงจำนวนร้อยละ 11 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก (placebo) อย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ (P < 0.05) รวมทั้งแนวทางการทำแบบสอบถามลักษณะของต่อมลูกหมากฉบับนานาประเทศ (International Prostate Symptom Score; IPSS) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลวัวพีนมีลักษณะของต่อมลูกหมากเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนจะมีการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการศึกษาเล่าเรียนในคนเจ็บโรคต่อมลูกหมากโตที่มีการเสี่ยงมากถึงปริมาณร้อยละ 80 ที่จะเป็นโรคโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในอนาคต (High Grade Prostatic Intraepithelial Neoplasia; HGPIN) โดยกลุ่มทดลองที่ได้รับไลวัวพีนวันละ 8 mg สม่ำเสมอทุกวันนาน 1 ปี (20 คน) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม (20 คน) พบว่ากรุ๊ปที่ได้รับไลวัวพีนมีระดับ PSA ลดน้อยลง จาก 6.07 mg/L เป็น 3.5 mg/L คิดเป็นปริมาณร้อยละ 42 และก็มีไลวัวพีนในเลือดเพิ่มขึ้นจาก 360 เป็น 680 mg/L แล้วก็เมื่อสิ้นสุดการเรียนพบว่ากลุ่มทดลองมีผู้เจ็บป่วยจำนวน 2 ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะคนป่วยกรุ๊ปควบคุมจำนวน 6 ไม่ได้รับประทานอาการที่มีไลวัวพีน (มะเขือเทศ แตงโม) ตลอดตอนสำนักงานเล่าเรียนหรูหรา PSA เพิ่มสูงมากขึ้น และก็คนที่มีระดับไลโคพีนในเลือดน้อยลงกลับกลายโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่าการบริโภคไลวัวพีนนาน 1 ปีสามารถปกป้องการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในคนไข้ที่มีการเสี่ยงสูงได้
ฟักข้าว มีชื่อสามัญว่า Spring bitter cucumber ชื่อวิทยาศาสตร์หมายถึงMomordica Cochinchinensis Spreng.  ฟักข้าว เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยไลวัวตะกาย และก็สารพฤษเคมีอื่นๆในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ดังเช่น เบต้า-แคโรทีน สูงกว่าแครอท 10 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 40 เท่า มีซีแซนทีนมากกว่า ข้าวโพด 40 เท่า อุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ กรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และก็โอเมก้า-9 ช่วยเสริมฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง แล้วก็การไหลเวียนของเลือด  และในฟักข้าว มีไลวัวปีนป่าย ชนิดพิเศษ เรียกว่า ไลโปแคโรทีน (Lipocarotene) เป็นกรดไขมันสายยาวที่ช่วยจับแคโรทีน ก็เลยช่วยซับแคโรทีน ฟักข้าว จึงเป็นแหล่งของไลโคตะกาย ที่ดีที่สุด  ไลโคป่ายปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการยืนยันด้านการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความเฒ่า ต้านทานความเสื่อมถอยของร่างกาย ช่วยลดโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากในเพศชาย โดยต่อมลูกหมาก เป็นต่อมที่สร้างน้ำเลี้ยงสเปิร์ม ต่อมลูกหมากตั้งอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เมื่อผู้ชายอายุสูงขึ้นคือ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดลง ทำให้เซลล์ในต่อมลูกหมาก แบ่งตัวมากยิ่งขึ้น ต่อมลูกหมากก็เลยโตขึ้น และก็แม้มีการอักเสบร่วมด้วยก็จะได้โอกาสกำเนิดโรคมะเร็ง ได้สูงมากขึ้น ไลวัวปีนป่าย จะควบคุมการโตของต่อมลูกหมาก ช่วยให้เซลล์มะเร็งฝ่อตาย และลด การแบ่งเซลล์ของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย
หญ้าหนวดแมว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Orthosiphon stamineus Benth.   วงศ์ : Labiatae หรือ Lamiaceae   คุณประโยชน์ต้นหญ้าหนวดแมว ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้การหลั่งเยี่ยวเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากนี้ ในตำรายาหลายฉบับเอ๋ยถึงคุณประโยชน์ต่างๆดังเช่น  ตำราเรียนยาใช้ใบ รวมทั้งลำต้นการรักษา และคุ้มครองโรคทางเท้าปัสสาวะ ลำต้น ใช้อีกทั้งแบบสดหรือแบบแห้ง ด้วยการต้มดื่ม โดยเฉพาะชายแก่ที่ช่วยแก้โรคต่อมลูกหมากโต รวมทั้งแก้ไขปัญหาเยี่ยวติดขัด รวมทั้งมีฤทธิ์ในการขับกรดยูริก
เถาวัลย์เปรียง ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris scandens (Roxb.) Benth  ชื่อวงศ์ Papilionaceae  สรรพคุณ:           หนังสือเรียนยาท้องถิ่น: ใช้เถา ขับฉี่ แก้กษัยเหน็บชา ถ่ายกษัย แก้เอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่อุจจาระ ทำให้เอ็นอ่อนลง ขับปัสสาวะ แก้เยี่ยวพิการ
กระเจี๊ยบแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae  สรรพคุณ:     ตำรายาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา  การศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาล: ลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ทำให้คนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ปัสสาวะสบายขึ้น คนเจ็บกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะลดลง  ต้นแบบและขนาดวิธีใช้ยา:   ขับปัสสาวะ ใช้สมุนไพรแห้ง บดเป็นผุยผง 3 กรัม (หรือ 1 ช้อนชา) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง นาน 7 วัน หรือตราบจนกระทั่งอาการจะหาย
เอกสารอ้างอิง

  • โรคต่อมลูกหมายโต .สมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
  • Mohanty NK, Saxena S, Singh UP, Goyal NK, Arora RP. Lycopene as a chemopreventive agent in the treatment of high-grade prostate intraepithelial neoplasia. Urol Oncol Sem Orig Invest 2005;23:383-385
  • สมุนไพรตัวไหนบ้างที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต.กระดานถาม-ตอบ.สำรักงานสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติอาชานานุภาพ.ต่อมลูกหมากโต.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่345.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.มกราคม.2551
  • รศ.นพ.อนุพันธ์ ตันติวงศ์.ต่อมลูกหมากโต.ภาวิชาศัลย์ศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • ต่อมลูกหมากโต-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/[/b]
  • Wei MY, Giovannucci EL. Lycopene, tomato products, and prostate cancer incidence: A review and reassessment in the PSA screening era. J Oncol 2012:2012:1-7. (doi: 10.1155/2012/271063)
  • เอมอร.ชัยประทีป.ผลของมะเขือเทศที่อุดมไปด้วยไลโคพีนในโรคต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก.คอลัมน์นิพนธ์ปริทัศน์.นิตยสารไทยเภสัชศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ.ปีที่10.ฉบับที่3.กรกฎาคม-กันยายน.2558.หน้า11
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ