หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: powad1208 ที่ เมษายน 12, 2018, 10:41:23 am (https://www.img.in.th/images/18f8c710b7077d1d00ec506d1d9af604.jpg)
โรคโปลิโอ (Poliomyelitis) โรคโปลิโอเป็นยังไง โรคโปลิโอศึกษาและทำการค้นพบทีแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine ส่วนเชื้อไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ ค.ศ. 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคที่สร้างความทุกข์แก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในสมัยก่อนมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี เนื่องจากว่าทำให้เกิดความพิกลพิการ ขา หรือ แขนลีบ แล้วก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนเจ็บโดยมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกลุ่มคนป่วยที่มีลักษณะนั้นส่วนมากจะมีลักษณะอาการเพียงเล็กน้อยอย่างไม่จำเพาะรวมทั้งหายได้เองภายในช่วงเวลาไม่กี่วัน แม้กระนั้นจะมีผู้ป่วยเพียงแค่ส่วนน้อยที่จะมีลักษณะของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าแล้วก็เมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการรักษา ผู้เจ็บป่วยที่เคยมีอาการกล้ามอ่อนกำลังนี้อาจจะมีการเกิดอาการกล้ามอ่อนเพลียซ้ำขึ้นมาอีก รวมถึงบางทีอาจเกิดกล้ามเนื้อฝ่อลีบรวมทั้งกำเนิดความพิการของข้อตามมาได้ ในขณะนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แม้กระนั้นมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคได้ โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเชื้อ ไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการร้ายแรงจะมีผลให้มีความพิการตลอดชาติ และบางรายอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พ.ศ. 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั้งโลกลดลงไปมากถึง 99% โดยน้อยลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศาสตราจารย์ 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังพบโรคมากอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ปากีสถาน ไนจีเรีย รวมทั้งอัฟกานิสถาน ส่วนในประเทศไทยไม่เจอคนป่วยโรคโปลิโอมาตรงเวลายาวนานหลายปีแล้ว โดยพบรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2540 ที่ จ. เลย แต่เด็กทุกคนยังคงจำเป็นต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรกาเกลื่อนกลาดวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั่วโลก เนื่องจากว่าโปลิโอเป็นโรครุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งทางด้านร่างกายและก็เศรษฐกิจ แล้วก็ปัจจุบันถึงแม้ องค์การอนามัยโลก CWHO ได้รับสมัครรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วช่วงวันที่ 27 มี.ค. พุทธศักราช 2557 แต่เมืองไทยยังที่เสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ เพราะว่ามีขอบเขตติดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างประเทศพม่ารวมทั้งลาวที่เพิ่งจะเจอเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พุทธศักราช 2558 สาเหตุของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์ คือ ทัยป์ 1, 2 และ 3 โดยแต่ละจำพวกอาจจะส่งผลให้เกิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 นำไปสู่อัมพาตรวมทั้งเกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆรวมทั้งเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ด้วยเหตุนี้ ตามทฤษฎีนี้แล้ว คน 1 คน บางทีอาจติดเชื้อโรคได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของเชื้อไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น
โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในลำไส้ของคนเพียงแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในไส้ของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทานและอยู่ข้างในไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาภายนอก จะไม่อาจจะเพิ่มได้ รวมทั้งเชื้อจะอยู่ข้างนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมไม่ได้นาน โดยเฉพาะในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) ราว 48 ชั่วโมง ลักษณะของโรคโปลิโอ เมื่อเชื้อโปลิโอไปสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx และก็ลำไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจัดกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ต่อมทอนซิล และก็ที่ไส้แล้วก็ไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีอาการไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังรวมทั้งสมองโดยตรง หรือบางส่วนอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อเชื้อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่ ติดโรคมีอาการอักเสบมากจนถูกทำลายไป กล้ามเนื้อที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปในที่สุด ทั้งนี้สามารถแบ่งคนป่วยโปลิโอตามกลุ่มอาการได้เป็น 4 กรุ๊ปเป็น
ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอชอบพบที่ขามากกว่าแขนและก็จะเป็นข้างเดียวมากยิ่งกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามต้นขา หรือต้นแขนมากกว่าส่วนปลาย เป็นแบบปวกเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้ทั่วไปเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามส่วนลำตัวที่หน้าอกรวมทั้งพุง ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับในการหายใจ ทำให้หายใจเองไม่ได้ อาจจนตายได้ถ้าหากช่วยไม่ทัน ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบได้มากได้ในเด็กมากยิ่งกว่าคนแก่ โดยอีกทั้งเพศชายรวมทั้งสตรีได้โอกาสติดเชื้อโรคนี้ได้เสมอกัน แล้วก็มีโอกาสติดเชื้อโรคโปลิโอได้ง่าย แต่ว่ามีผู้เจ็บป่วยน้อยมากที่จะมีลักษณะกล้ามอ่อนกำลัง เชื้อไวรัสประเภทนี้จะเติบโตอยู่ในลำไส้ เชื้อจึงถูกขับออกมาจากร่างกายมากับอุจจาระรวมทั้งแพร่ไปสู่คนอื่นๆผ่านการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนไข้ ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร โรคนี้จึงพบได้บ่อยมากในประเทศที่ด้อยพัฒนาแล้วก็กำลังปรับปรุงที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี ทั้งยังผู้ที่มิได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อยิ่งขึ้นถ้าอยู่ในด้านในกลุ่มเสี่ยงดังนี้ หญิงมีครรภ์และคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ ดังเช่นว่า ผู้ติดโรคเอชไอวี และเด็กตัวเล็กๆซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือพึ่งจะมีการระบาดของโรคเมื่อเร็วๆนี้ เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโปลิโอ ทำงานในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส คนที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป กระบวนการรักษาโรคโปลิโอ แพทย์จะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการถามไถ่อาการจากคนป่วยว่ารู้สึกเจ็บปวดรอบๆข้างหลังและคอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจไหม ตรวจดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมทั้งการตรวจทางทะเลเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในช่วงระยะฉับพลันรวมทั้งระยะแอบแฝงของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG ยิ่งไปกว่านี้เพื่อยืนยันให้มั่นใจอาจมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดเลือกหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองแล้วก็ไขสันหลังส่งไปทำการตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีคนป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบอ่อนปวกเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะจัดการสอบปากคำโรค พร้อมด้วยเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่นอนคือ แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ รวมทั้งกระทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain) การเก็บอุจจาระส่งไปเพื่อทำการตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันขั้นต่ำ 24 ชั่วโมง จะต้องเก็บให้เร็วข้างใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่พบมีอาการ AFP ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณไวรัสในอุจจาระมากกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปทำการตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโอบางทีอาจตายได้ ปัจจุบันนี้โรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด หมอสามารถให้การรักษาผู้ป่วยตามอาการ แล้วก็บัดนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะ การรักษาจะเป็นแบบประคับประคอง ยกตัวอย่างเช่น ให้ยาลดไข้ และก็ลดลักษณะของการปวดของกล้ามเนื้อ ในรายที่มีลักษณะอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อแขน ขา วิธีการทำกายภาพ บำบัดจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น สำหรับในการรักษาคนไข้กลุ่มอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะเน้นไปที่วิธีการทำกายภาพบำบัดมากกว่า เป็นต้นว่า การใส่อุปกรณ์ช่วยยึดลำตัว อุปกรณ์ช่วยสำหรับการเดิน เครื่องใช้ไม้สอยที่ช่วยปกป้องข้อบิดผิดแบบหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกกล่าวรวมทั้งฝึกกลืนในคนเจ็บที่มีปัญหา การบริหารร่างกายที่เน้นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามภายใต้คำเสนอแนะที่ถูกจากหมอหรือนักกายภาพบำบัด การใช้เครื่องช่วยหายใจในขณะหลับถ้าหากคนไข้มีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ และการดูแลทางด้านอารมณ์และก็จิตใจของคนไข้ร่วมด้วย (https://www.img.in.th/images/ecb52da55bc6ce9453747ea3c308ae99.jpg) การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคโปลิโอ
ในตอนนี้ประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง แล้วก็ 4 ปี และให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน
สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาโรคโปลิโอ เพราะโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย และก็ในคนไข้ที่มีความรุนแรงของโรคนั้นอาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ซึ่งในขณะนี้นั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรประเภทไหนที่ใช้รักษาหรือบรรเทาอาการของโรคโปลิโอได้เช่นกัน เอกสารอ้างอิง
|