หัวข้อ: โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infec เริ่มหัวข้อโดย: ณเดช2499 ที่ เมษายน 19, 2018, 08:24:23 am (https://www.img.in.th/images/8fc15b2f9fa4608f04da360c092a017b.md.jpg)
โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infection)[/size] โรคอาร์เอสวี เป็นยังไง โรคอาร์เอสวี หรือโรคไวรัสอาร์เอสวี หรือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี(Respiratory syncytial virus infection ย่อว่า RSV infection) เป็นโรคติดโรคระบบทางเท้าหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Respiratory syncytial virus ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่นำไปสู่อาการต่างๆในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดเลือกหลั่งเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น เสมหะ เป็นต้น เชื้อไวรัสนี้แพร่ขยายผ่านการไอหรือจาม โดยคนป่วยชอบมีลักษณะอาการพื้นฐานคล้ายเป็นหวัดเป็นปวดศีรษะ เป็นไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล ในการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV, Respiratory Syncytial Virus) จะเจอการตำหนิดเชื้อได้ตลอดทั้งปี ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจข้างล่างในเด็กเล็กที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่ง โดยมีการคาดเดาว่าในเด็กอายุสองขวบทุกคนต้องเคยติดเชื้อประเภทนี้อย่างต่ำ 1 ครั้ง ในความเป็นจริงแล้วเชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเท้าหายใจอักเสบในคนไข้ทุกช่วงอายุ แม้กระนั้นชอบพบได้บ่อยในเด็กตัวเล็กๆ ดังนี้ เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory syncytial virus :RSV) พบทีแรกเมื่อปี ค.ศ 1955(พ.ศ.2498) ในลิงชิมแปนซีที่ป่วยเป็นอาการหวัดฝูง ทำให้มีชื่อเรียกว่า Chimpanzee Coryza Agent (CCA) ก่อนจุพบว่าสามารถติดต่อไปสู่คนได้ โดยสามารถแยกเชื้อได้จากเด็กตัวเล็กๆอายุต่ำลงยิ่งกว่า 1 ปีที่มีลักษณะปอดบวมรวมทั้งเมื่อต้นปี พุทธศักราช 2553 นิตยสารแลนเซต อังกฤษ รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับเชื้อไวรัส RSV ว่า ทำให้เด็กเป็นปอดบวม หรือปอดอักเสบ เสียชีวิตปีละ 2 แสนราย ซึ่งร้อยละ 99 อยู่ในประเทศกำลังปรับปรุง โดยมีเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 5 ปีทั่วโลก ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสดังที่กล่าวถึงแล้ว 33.8 ล้านคน ไวรัสอาร์เอสวีเป็นต้นเหตุการถึงแก่กรรมของเด็กตัวเล็กๆชั้น 1 เฉพาะในอเมริกาเด็กเสียชีวิตปีละ 2,500 กว่าคน สำหรับประเทศไทยนั้นมีแถลงการณ์ว่าเฉพาะปี พุทธศักราช 2552 มีเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี ราว 1 ใน 4 ติดไวรัสชนิดนี้ รวมกว่า 1 หมื่นราย ต้นเหตุของโรคอาร์เอสวี โรคอาร์เอสวี เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในสกุล Pneumovirus แล้วก็อยู่ในสกุล Paramyxoviridae โดยเป็นเชื้อไวรัสที่พบในคน โดยพบได้มากอยู่ในโพรงข้างหลังจมูก และจากการศึกษาพบว่าไวรัสนี้สามารถก่อโรคได้ในสัตว์หลายจำพวก เช่น หนู แกะ ฯลฯ โดยปกติไวรัสอาร์เอสวีแบ่งเป็น 2 จำพวกย่อย(Subtype)หมายถึงชนิด เอ รวมทั้งจำพวกบี โดยชนิดย่อย A, มักมีความรุนแรงสูงขึ้นมากยิ่งกว่าจำพวกย่อย B ไวรัสอาร์เอสวี ขณะอยู่ในผู้เจ็บป่วยที่มีภูมิต้านทานปกติ เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้นานโดยประมาณ 1 สัปดาห์ ตั้งแต่แมื่อวันที่คนป่วยเริ่มมีลักษณะอาการ แต่ถ้าเกิดอยู่ในผู้ที่มีภูมิต้านทานยับยั้งโรคต่ำจะแพร่ขยายสู่คนอื่นได้นานถึง 4 สัปดาห์ ลักษณะของโรคอาร์เอสวี เชื้อไวรัส RSV ชนิดนี้มีระยะฟักตัวราว 1 – 6 วันหลังจากได้รับเชื้อ โดยส่วนมากมักไม่ค่อยแสดงอาการรุนแรงในคนแก่ อาการที่เจอในคนแก่โดยธรรมดามักคล้ายคลึงกับลักษณะของโรคหวัดหมายถึงปวดศีรษะ เป็นไข้ต่ำ เจ็บคอ ไอแบบไม่มีเสมหะ มีลักษณะอาการคัดจมูก โดยอาการพวกนี้มักหายได้เองใน 1–2 อาทิตย์ แต่ในคนป่วยที่มีการเสี่ยงจะมีลักษณะอาการที่รุนแรงเป็นคนป่วยที่มีโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจหรือปอด หรือในผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะภูมิคุ้มกันต่ำมักก่อเกิดอาการรุนแรง นอกเหนือจากนี้คนไข้อีกกรุ๊ปที่พบการต่อว่าดเชื้อโรคนี้ได้บ่อยแล้วก็มีลักษณะรุนแรงเป็น เด็กตัวเล็กๆที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบ โดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็กอ่อนจะมีอัตราการเสี่ยงที่จะเกิดการติดโรคในทางเดินหายใจข้างล่างและทำให้โรคมีความรุนแรงสูง ในผู้ป่วยที่มีลักษณะร้ายแรงอาจจะมีอาการเริ่มเช่นเดียวกับอาการติดโรคในทางเดินหายใจส่วนบนเป็น มีลักษณะเหมือนหวัดปกติ แต่ต่อจากนั้น 1–2 วันอาจจะมีอาการแสดงของการตำหนิดเชื้อในทางเดินหายใจข้างล่างอาทิเช่น มีไข้ ไอร้ายแรง หายใจไม่สะดวกโดยอาจมีอาการหายใจเร็ว หรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ในเด็กตัวเล็กๆซึ่งยังติดต่อสื่อสารไม่ได้ต้องบางครั้งอาจจะจำต้องอาศัยการสังเกตอาการ โดยในระยะแรกจะมีลักษณะอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ซึมลง แล้วก็กินอาหารได้น้อย ต่อไป 1–3 วัน จะมีอาการไอ มีไข้ หายใจติดขัด หายใจตื้น สั้นๆเร็วๆรวมทั้งอาจจะมีเสียงตอนหายใจด้วย ในรายที่อาการร้ายแรงมากอาจมีอาการตัวเขียวหรือภาวการณ์ cyanosis เกิดเพราะว่าการขาดออกสิเจนทำให้สีผิวออกม่วงๆโดยชอบเริ่มมองเห็นจากริมฝีปากหรือที่เล็บ นอกนั้นแล้วการต่อว่าดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีอาจจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆที่พบได้มากเป็น หูชั้นกึ่งกลางอักเสบ (otitis media) หรือในภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างอื่นๆเช่น หลอดลมอักเสบหรือปวดบวมได้ (https://www.img.in.th/images/6427a98948041cb4de4820d1f19e6569.jpg) กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอาร์เอสวี
กรรมวิธีรักษาโรคอาร์เอสวี โดยธรรมดา หมอวินิจฉัยคนเจ็บโรคอาร์เอสวีจากลักษณะทางคลินิก ดังเช่น ใช้เครื่องช่วยฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงกรีดร้องในระบบทางเดินหายใจ เสียงรูปแบบการทำงานของปอด หรือเสียงไม่ปกติจากส่วนอื่นๆในร่างกาย แล้วก็อาศัยวิธีสำหรับซักความเป็นมาผู้ป่วยโดยวิเคราะห์จาก อายุคนเจ็บ ประวัติลักษณะโรค การระบาดในแหล่งที่พักอาศัย การระบาดในโรงเรียน เป็นต้น แต่บางกรณีถ้าเกิดคนไข้มีอาการรุนแรง หมอบางทีอาจจะต้องวินิจฉัยแยกโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสประเภทอื่น หรือจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จึงจะมีการตรวจสืบค้นเพิ่มเติมอีก ตัวอย่างเช่น
ในขณะนี้บางโรงพยาบาลอาจจะมีการตรวจยืนยันหาเชื้อด้วยวิธี RSV Rapid Ag-detection test ซึ่งเห็นผลการทดลองข้างในไม่กี่ชั่วโมง เพราะว่าโรค อาร์เอสวี เป็นโรคติดโรคที่เกิดขึ้นจากไวรัสก็เลยทำให้ไม่มียารักษาอาการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยเหตุนี้การรักษาก็เลยเป็นการรักษาตามอาการ ยกตัวอย่างเช่น การให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลม ฯลฯ ส่วนในรายที่เริ่มมีลักษณะรุนแรง อาทิเช่น อ่อนล้า หอบ มีค่าออกสิเจนในเลือดลดน้อยลง อาจมีการให้ยาพ่นขยายหลอดลม ร่วมกับการให้ออกสิเจน ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก บางทีอาจจะต้องมีการใส่ท่อช่วยหายใจหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ นอกจากนี้บางทีอาจจะควรมีการให้สารน้ำชดเชยเพื่อปกป้องภาวการณ์ขาดน้ำโดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็ก ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการต่อว่าดเชื้ออื่นๆมักจะได้รับยาฆ่าเชื้ออื่นๆที่เหมาะสมตามอาการ การติดต่อของโรคอาร์เอสวี การต่อว่าดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีมีต้นเหตุที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจยกตัวอย่างเช่น น้ำมูก น้ำลาย เสลด เป็นต้น และก็เชื้อไวรัสประเภทนี้สามารถทนอยู่นอกร่างกายได้หลายชั่วโมง เพราะฉะนั้นนอกจากการได้รับเชื้อผ่านการไอจามใส่กันแล้ว ยังสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ปากรวมทั้งเยื่อบุดวงตาได้ วันหลังการได้รับเชื้อคนเจ็บสามารถแพร่ระบาดเชื้อได้ตั้งแต่ข้างหลังติดเชื้อโรค 2–3 วันไปจนกระทั่ง 2–3 สัปดาห์ โดยเหตุนี้ในคนไข้ที่เริ่มมีลักษณะแสดงควรจะลดการแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆโดยการใส่ผ้าปิดปาก ส่วนคนที่ต้องคลุกคลี่กับคนป่วยก็จำต้องหมั่นล้างมือเสมอๆรวมถึงใส่หน้ากากอนามัยทุกคราวเช่นเดียวกัน การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรค อาร์เอสวี
การป้องกันตนเองจากโรคอาร์เอสวี เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนปกป้องเชื้อไวรัส RSV ก็เลยทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดโรคเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มาก ก็เลยควรมีการคุ้มครองตนเองดังนี้
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคอาร์เอสวี เนื่องมาจากโรคอาร์เอสวี เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสแล้วก็สามารถติดต่อได้ทางสารคัดหลั่งของร่างกายโดยการ ไอ จาม รดกัน ซึ่งจะมีการฟุ้งกระจายของละอองน้ำมูก น้ำลายของคนไข้ซึ่งถ้าหากคนที่อยู่ใกล้ชิด สูดเอาละอองนั้นไปก็จะมีการติดต่อกันรวมทั้งการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งต่างๆที่แปดเปื้อนในข้าวของต่างๆของคนไข้ด้วย ซึ่งเป็นโรคที่มีมูลเหตุ,อาการ รวมทั้งการติดต่อคล้ายกับโรคไข้หวัดมากมาย นอกจากนั้นยังเป็นโรคในระบบฟุตบาทหายใจเช่นเดียวกันอีกด้วย โดยเหตุนั้นสมุนไพรที่จะช่วยป้องกัน/รักษาโรคอาร์เอสวีนั้น ก็เลยเป็นสมุนไพรลักษณะเดียวกันกับโรคหวัด (อ่านหัวข้อสมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคหวัดในเรื่องโรคไข้หวัด) เอกสารอ้างอิง
Tags : โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี,
|