หัวข้อ: โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infec เริ่มหัวข้อโดย: diorarmani2000 ที่ เมษายน 21, 2018, 12:01:16 pm (https://www.img.in.th/images/8fc15b2f9fa4608f04da360c092a017b.md.jpg)
โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี[/b][/u] (Respiratory Syncytial virus infection)[/color][/size][/b] โรคอาร์เอสวี เป็นอย่างไร โรคอาร์เอสวี หรือโรคเชื้อไวรัสอาร์เอสวี หรือ โรคติดเชื้อฟุตบาทหายใจอาร์เอสวี(Respiratory syncytial virus infection ย่อว่า RSV infection) เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเท้าหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Respiratory syncytial virus ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อเกิดอาการต่างๆในระบบทางเท้าหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งหลายชิ้น ตัวอย่างเช่น เสลด ฯลฯ เชื้อไวรัสนี้แพร่ไปผ่านการไอหรือจาม โดยคนเจ็บชอบมีอาการพื้นฐานเหมือนเป็นหวัดเป็นปวดหัว จับไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล สำหรับการติดโรคไวรัสอาร์เอสวี (RSV, Respiratory Syncytial Virus) จะเจอการติดเชื้อได้ตลอดทั้งปี ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคติดเชื้อโรคทางเท้าหายใจข้างล่างในเด็กตัวเล็กๆที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่ง โดยมีการคาดการณ์ว่าในเด็กอายุสองขวบทุกคนจะต้องเคยติดเชื้อโรคชนิดนี้ขั้นต่ำ 1 ครั้ง ในความเป็นจริงแล้วเชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเท้าหายใจอักเสบในคนเจ็บทุกช่วงอายุ แต่ว่าชอบมักพบในเด็กตัวเล็กๆ ทั้งนี้ เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory syncytial virus :RSV) พบทีแรกเมื่อปี ค.ศ 1955(พุทธศักราช2498) ในลิงชิมแปนซีที่มีอาการป่วยเป็นอาการหวัดฝูง ทำให้มีชื่อเรียกว่า Chimpanzee Coryza Agent (CCA) ก่อนจุพบว่าสามารถติดต่อไปสู่คนได้ โดยสามารถแยกเชื้อได้จากเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปีที่มีลักษณะปอดบวมและก็เมื่อต้นปี พุทธศักราช 2553 นิตยสารแลนเซต อังกฤษ รายงานผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัส RSV ว่า ทำให้เด็กเป็นปอดอักเสบ หรือปอดอักเสบ เสียชีวิตปีละ 2 แสนราย ซึ่งร้อยละ 99 อยู่ในประเทศกำลังปรับปรุง โดยมีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีทั่วโลก ติดเชื้อเชื้อไวรัสดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว 33.8 ล้านคน ไวรัสอาร์เอสวีเป็นต้นเหตุการตายของเด็กตัวเล็กๆชั้น 1 เฉพาะในอเมริกาเด็กเสียชีวิตปีละ 2,500 กว่าคน สำหรับเมืองไทยนั้นมีรายงานว่าเฉพาะปี พุทธศักราช 2552 มีเด็กไทยอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 5 ปี ราว 1 ใน 4 ติดไวรัสประเภทนี้ รวมกว่า 1 หมื่นราย สิ่งที่ทำให้เกิดโรคอาร์เอสวี โรคอาร์เอสวี เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในสกุล Pneumovirus รวมทั้งอยู่ในสกุล Paramyxoviridae โดยเป็นไวรัสที่เจอในคน โดยพบบ่อยอยู่ในโพรงหลังจมูก รวมทั้งจากการเรียนรู้พบว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถก่อโรคได้ในสัตว์หลายหมวดหมู่ ตัวอย่างเช่น หนู แกะ เป็นต้น โดยธรรมดาเชื้อไวรัสอาร์เอสวีแบ่งเป็น 2 ประเภทย่อย(Subtype) คือ จำพวก เอ และก็จำพวกบี โดยประเภทย่อย A, มักมีความรุนแรงสูงกว่าจำพวกย่อย B เชื้อไวรัสอาร์เอสวี ขณะอยู่ในคนไข้ที่มีภูมิต้านทานปกติ ไวรัสนี้สามารถแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้นานโดยประมาณ 1 อาทิตย์ นับตั้งแต่วันที่ผู้เจ็บป่วยเริ่มมีลักษณะอาการ แต่ว่าหากอยู่ในคนที่มีภูมิคุ้มกันขัดขวางโรคต่ำจะแพร่สู่ผู้อื่นได้นานถึง 4 อาทิตย์ ลักษณะโรคอาร์เอสวี ไวรัส RSV ประเภทนี้มีระยะฟักตัวประมาณ 1 – 6 ครั้งหน้าจากได้รับเชื้อ โดยส่วนมากมักไม่ค่อยออกอาการร้ายแรงในคนแก่ อาการที่พบในคนแก่โดยทั่วไปมักคล้ายคลึงกับอาการของโรคหวัดเป็นปวดศีรษะ จับไข้ต่ำ เจ็บคอ ไอแบบไม่มีเสลด มีลักษณะคัดจมูก โดยอาการกลุ่มนี้มักหายได้เองใน 1–2 สัปดาห์ แต่ในคนเจ็บที่มีความเสี่ยงจะมีลักษณะที่รุนแรงเป็นคนเจ็บที่มีโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจหรือปอด หรือในคนป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำมักส่งผลให้เกิดอาการรุนแรง ยิ่งไปกว่านี้คนไข้อีกกลุ่มที่พบการติดเชื้อโรคนี้ได้บ่อยครั้งแล้วก็มีลักษณะอาการรุนแรงเป็น เด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบ โดยยิ่งไปกว่านั้นในเด็กทารกจะมีอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อโรคในทางเดินหายใจด้านล่างและทำให้โรคมีความร้ายแรงสูง ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจจะมีอาการเริ่มเหมือนกันกับอาการติดเชื้อโรคในทางเดินหายใจส่วนบนเป็น มีอาการคล้ายหวัดธรรมดา แม้กระนั้นต่อจากนั้น 1–2 วันอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการแสดงของการต่อว่าดเชื้อในทางเดินหายใจด้านล่างดังเช่นว่า จับไข้ ไอร้ายแรง หายใจติดขัดโดยอาจมีอาการหายใจเร็ว หรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ในเด็กตัวเล็กๆซึ่งยังติดต่อสื่อสารมิได้ต้องบางครั้งอาจจะต้องอาศัยการสังเกตอาการ โดยในตอนแรกจะมีลักษณะอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ซึมลง แล้วก็รับประทานอาหารได้น้อย ต่อไป 1–3 วัน จะมีอาการไอ มีไข้ หายใจลำบาก หายใจตื้น สั้นๆเร็วๆรวมทั้งอาจจะมีเสียงตอนหายใจด้วย ในรายที่อาการรุนแรงมากอาจมีอาการตัวเขียวหรือภาวการณ์ cyanosis เกิดเนื่องมาจากการขาดออกซิเจนทำให้สีผิวออกม่วงๆโดยชอบเริ่มมองเห็นจากริมฝีปากหรือที่เล็บ นอกเหนือจากนั้นแล้วการตำหนิดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆที่พบมากคือ หูชั้นกลางอักเสบ (otitis media) หรือในภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวเนื่องกับการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างอื่นๆดังเช่นว่า หลอดลมอักเสบหรือปวดบวมได้ (https://www.img.in.th/images/6427a98948041cb4de4820d1f19e6569.jpg) กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อโรคอาร์เอสวี
แนวทางการรักษาโรคอาร์เอสวี โดยธรรมดา หมอวิเคราะห์คนป่วยโรคอาร์เอสวีจากลักษณะทางสถานพยาบาล ยกตัวอย่างเช่น ใช้เครื่องที่ช่วยในการฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงกรีดร้องในระบบทางเท้าหายใจ เสียงแนวทางการทำงานของปอด หรือเสียงเปลี่ยนไปจากปกติจากส่วนอื่นๆภายในร่างกาย และก็อาศัยวิธีสำหรับซักประวัติความเป็นมาผู้ป่วยโดยวินิจฉัยจาก อายุคนป่วย ประวัติความเป็นมาอาการของโรค การระบาดในแหล่งที่พักอาศัย การระบาดในสถานที่เรียน เป็นต้น แต่บางครั้งบางคราวถ้าเกิดคนไข้มีลักษณะร้ายแรง หมอบางทีอาจจะต้องวินิจฉัยแยกโรคที่เกิดขึ้นจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสประเภทอื่น หรือจากการต่อว่าดเชื้อแบคทีเรีย หมอก็เลยจะมีการตรวจค้นเพิ่มเติมอีก ได้แก่
ในตอนนี้บางโรงหมออาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการตรวจยืนยันหาเชื้อด้วยแนวทาง RSV Rapid Ag-detection test ซึ่งเห็นผลการทดสอบข้างในไม่กี่ชั่วโมง เหตุเพราะโรค อาร์เอสวี เป็นโรคติดโรคที่เกิดจากไวรัสจึงทำให้ไม่มียารักษาอาการโดยเฉพาะ โดยเหตุนี้การดูแลรักษาก็เลยเป็นการรักษาตามอาการ ดังเช่นว่า การให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลม ฯลฯ ส่วนในรายที่เริ่มมีลักษณะอาการร้ายแรง ยกตัวอย่างเช่น อ่อนล้า หอบ มีค่าออกสิเจนในเลือดลดลง อาจมีการให้ยาพ่นขยายหลอดลม ร่วมกับการให้ออกสิเจน ในรายที่มีลักษณะรุนแรงมากมาย บางครั้งอาจจะควรจะมีการใส่ท่อช่วยหายใจหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ นอกเหนือจากนั้นบางทีอาจจะควรมีการให้สารน้ำทดแทนเพื่อคุ้มครองป้องกันภาวการณ์ขาดน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการต่อว่าดเชื้ออื่นๆมักจะได้รับยาฆ่าเชื้ออื่นๆที่เหมาะสมตามอาการ การติดต่อของโรคอาร์เอสวี การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการติดต่อผ่านทางสารคัดเลือกหลั่งจากทางเท้าหายใจเช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ฯลฯ แล้วก็ไวรัสประเภทนี้สามารถทนอยู่นอกร่างกายได้หลายชั่วโมง โดยเหตุนี้นอกจากการได้รับเชื้อผ่านการไอจามใส่กันแล้ว ยังสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ปากแล้วก็เยื่อบุดวงตาได้ ตอนหลังการได้รับเชื้อผู้ป่วยสามารถแพร่ไปเชื้อได้ตั้งแต่ข้างหลังติดโรค 2–3 วันไปจนถึง 2–3 สัปดาห์ โดยเหตุนั้นในผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการแสดงควรจะลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังคนอื่นๆโดยการใส่ผ้าปิดปาก ส่วนผู้ที่ต้องคลุกคลี่กับคนไข้ก็จะต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆรวมทั้งใส่หน้ากากอนามัยทุกคราวด้วยเหมือนกัน การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรค อาร์เอสวี
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคอาร์เอสวี เพราะว่าในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนคุ้มครองปกป้องเชื้อไวรัส RSV จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดโรคไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มาก จึงควรจะมีการคุ้มครองตัวเองดังต่อไปนี้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคอาร์เอสวี เพราะโรคอาร์เอสวี เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสแล้วก็สามารถติดต่อได้ทางสารคัดหลั่งของร่างกายโดยการ ไอ จาม รดกัน ซึ่งจะเกิดการฟุ้งกระจายของละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้เจ็บป่วยซึ่งถ้าผู้ที่อยู่สนิทสนม สูดเอาละอองนั้นไปก็จะเกิดการต่อเนื่องกันรวมทั้งการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งต่างๆที่ปนเปื้อนในสิ่งของต่างๆของคนไข้ด้วย ซึ่งเป็นโรคที่มีมูลเหตุ,อาการ รวมถึงการติดต่อคล้ายกับโรคหวัดมากมาย นอกนั้นยังเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจเช่นกันอีกด้วย ด้วยเหตุนั้นสมุนไพรที่จะช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคอาร์เอสวีนั้น จึงเป็นสมุนไพรชนิดเดียวกันกับหวัด (อ่านหัวข้อสมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคหวัดในเรื่องหวัด) เอกสารอ้างอิง
Tags : โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี,โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี, หัวข้อ: Re: โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infec เริ่มหัวข้อโดย: nainai1199o ที่ พฤษภาคม 05, 2018, 12:33:21 pm โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infection) disthai.com
|