หัวข้อ: พัฒนาการชิ้นน่าทึ่งของใช้หลอดไฟ เริ่มหัวข้อโดย: anonchobpost ที่ เมษายน 22, 2018, 10:40:04 am (http://www.gmwebsite.com/upload/ledthai.net/file/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9F%20LED.jpg)
ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันเจ้าหลอดใสๆ ก็ให้ความรุ่งเรืองแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ทั้งนั้น เริ่มเดินทางเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการครองชีพของเรา และใช้ต่อเนื่องมาถึงประจุบัน มีการวิวัฒน์ต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ จนแต้มมาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน พร้อมด้วยมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีวิถีทางการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันตรับฟังค่ะ มาเริ่มซึ่งกันและกันในยุคปฐมภูมิเลยค่ะ ตกว่า ยุคหลอดไส้ หรือไม่ก็ชื่ออย่างเป็นทางการว่า หลอด Incandescent ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่พรรคนักวิทยาศาสตร์พบหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่เชี่ยวชาญทำได้จริง ตราบเท่าที่ โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำเค้าโครงความคิดที่ว่านี้ มาพัฒนาต่อจนประสบผลสำเร็จ และในช่วงต่อมา เขาก็เก่งค้นพบวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก เพราะเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับความชอบไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อตำหนิตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้นานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะทำให้มีระยะการใช้งานที่นมนานขึ้น พร้อมกับในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่ศักยทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส ทำให้ใช้งานได้ช้าขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม. ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคระหว่างกลาง (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ) หลอดก๊าซปรอทหรือเรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน ใช่ไหมหลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซก็เพราะว่าบรรจุก๊าซไว้ข้างใน แผนการง่าย ๆ ของหลอดกลุ่มนี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการเคลื่อนและช่างพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนกับแสงสว่าง แต่ดังที่แสงที่ได้ยังเป็นรุนแรงต่อการแลเห็นของมนุษย์ จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดด้านใน เพื่อให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ จะมีแยะขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 และปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว ** คำว่า T10 หมายความว่าขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือคือขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงล่าสุด ประสิทธิภาพการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ พอสมควร แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ ด้วยกันบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W ยุคช่วงปัจจุบัน ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ สิ่งหมู่แสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามากลายระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการรุดหน้าจากมุมมองของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด พร้อมด้วยหลอดไฟ LED มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันแปลงเป็นหลอดไฟที่เขียมไฟ และอัจฉริยะ อาจทำงานได้ต่างๆ นาๆฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังสถิร พ้นไปการปล่อยความร้อน พร้อมกับแสง UV ออกมาอีกด้วย ในยุคปัจจุบันหลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 ที่ 5 เทคโนโลยีที่เอ้มัตถกของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมาผันกบิลไฟฟ้าของภพ ด้านในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะเพิ่มปริมาณไปได้ไกลลิบแค่ไหน ^^ คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หลอด led เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://forum.krabilink.com/index.php/topic,337561.new.html#new Tags : หลอด led,ไฟ led,หลอดไฟภาษาอังกฤษ
|