หัวข้อ: โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infec เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 24, 2018, 09:31:06 am (https://www.img.in.th/images/8fc15b2f9fa4608f04da360c092a017b.md.jpg)
โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี[/b] (Respiratory Syncytial virus infection)[/color][/size][/b] โรคอาร์เอสวี คืออะไร โรคอาร์เอสวี หรือโรคเชื้อไวรัสอาร์เอสวี หรือ โรคติดเชื้อฟุตบาทหายใจอาร์เอสวี(Respiratory syncytial virus infection ย่อว่า RSV infection) เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเท้าหายใจที่เกิดขึ้นมาจากไวรัสชื่อ Respiratory syncytial virus ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อกำเนิดอาการต่างๆในระบบฟุตบาทหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดเลือกหลั่งจำนวนมาก เช่น เสลด เป็นต้น เชื้อไวรัสนี้แพร่ระบาดผ่านการไอหรือจาม โดยผู้เจ็บป่วยชอบมีอาการพื้นฐานเหมือนเป็นหวัดหมายถึงปวดศีรษะ เป็นไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล สำหรับการติดเชื้อเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV, Respiratory Syncytial Virus) จะพบการต่อว่าดเชื้อได้ตลอดทั้งปี ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคติดเชื้อทางเท้าหายใจข้างล่างในเด็กเล็กที่มักพบที่สุดโรคหนึ่ง โดยมีการคาดเดาว่าในเด็กอายุสองขวบทุกคนจะต้องเคยติดเชื้อชนิดนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง ที่จริงแล้วไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ทางเท้าหายใจอักเสบในคนไข้ทุกช่วงอายุ แต่ว่าชอบมักพบในเด็กเล็ก ทั้งนี้ เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory syncytial virus :RSV) เจอครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ 1955(พุทธศักราช2498) ในลิงชิมแปนซีที่ป่วยเป็นอาการหวัดฝูง ทำให้มีชื่อเรียกว่า Chimpanzee Coryza Agent (CCA) ก่อนจุพบว่าสามารถติดต่อไปสู่คนได้ โดยสามารถแยกเชื้อได้จากเด็กเล็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 1 ปีที่มีลักษณะปอดอักเสบและเมื่อต้นปี พ.ศ. 2553 แมกกาซีนแลนเซต ประเทศอังกฤษ รายงานผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัส RSV ว่า ทำให้เด็กเป็นปอดบวม หรือปอดอักเสบ เสียชีวิตปีละ 2 แสนราย ซึ่งร้อยละ 99 อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยมีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีทั้งโลก ติดเชื้อไวรัสดังที่กล่าวถึงมาแล้ว 33.8 ล้านคน ไวรัสอาร์เอสวีเป็นต้นเหตุการถึงแก่กรรมของเด็กเล็กชั้น 1 เฉพาะในอเมริกาเด็กเสียชีวิตปีละ 2,500 กว่าคน สำหรับเมืองไทยนั้นมีรายงานว่าเฉพาะปี พุทธศักราช 2552 มีเด็กไทยอายุต่ำลงยิ่งกว่า 5 ปี ราว 1 ใน 4 ติดไวรัสประเภทนี้ รวมกว่า 1 หมื่นราย ที่มาของโรคอาร์เอสวี โรคอาร์เอสวี มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในสกุล Pneumovirus และอยู่ในตระกูล Paramyxoviridae โดยเป็นเชื้อไวรัสที่พบในคน โดยพบบ่อยอยู่ในโพรงข้างหลังจมูก รวมทั้งจากการศึกษาพบว่าไวรัสนี้สามารถก่อโรคได้ในสัตว์หลายหมวดหมู่ ดังเช่นว่า หนู แกะ ฯลฯ โดยทั่วไปไวรัสอาร์เอสวีแบ่งเป็น 2 ชนิดย่อย(Subtype)หมายถึงจำพวก เอ แล้วก็ชนิดบี โดยประเภทย่อย A, มักมีความร้ายแรงสูงกว่าชนิดย่อย B เชื้อไวรัสอาร์เอสวี ขณะที่อยู่ภายในคนไข้ที่มีภูมิต้านทานปกติ ไวรัสนี้สามารถแพร่ขยายสู่ผู้อื่นได้นานราวๆ 1 อาทิตย์ นับตั้งแต่วันที่คนเจ็บเริ่มมีอาการ แต่ว่าแม้อยู่ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่อต้านโรคต่ำจะแพร่ขยายสู่คนอื่นๆได้นานถึง 4 สัปดาห์ อาการของโรคอาร์เอสวี เชื้อไวรัส RSV ชนิดนี้มีระยะฟักตัวราวๆ 1 – 6 วันหน้าจากได้รับเชื้อ โดยส่วนมากมักไม่ค่อยแสดงอาการร้ายแรงในคนแก่ อาการที่พบในคนแก่โดยทั่วไปมักละม้ายกับลักษณะของโรคหวัดหมายถึงปวดศรีษะ มีไข้ต่ำ เจ็บคอ ไอแบบไม่มีเสลด มีลักษณะคัดจมูก โดยอาการกลุ่มนี้มักหายได้เองใน 1–2 อาทิตย์ แม้กระนั้นในผู้เจ็บป่วยที่มีการเสี่ยงจะมีลักษณะที่รุนแรงคือคนเจ็บที่มีโรคเรื้อรังเกี่ยวกับหัวใจหรือปอด หรือในคนป่วยที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำมักนำมาซึ่งอาการร้ายแรง นอกจากนั้นผู้เจ็บป่วยอีกกรุ๊ปที่พบการต่อว่าดเชื้อโรคนี้ได้บ่อยมากและมีลักษณะอาการร้ายแรงเป็น เด็กตัวเล็กๆที่อายุน้อยกว่า 5 ขวบ โดยเฉพาะในเด็กอ่อนจะมีอัตราการเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อโรคในทางเดินหายใจข้างล่างรวมทั้งทำให้โรคมีความรุนแรงสูง ในคนไข้ที่มีอาการรุนแรงอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการเริ่มต้นเหมือนกับอาการติดโรคในทางเดินหายใจส่วนบนคือ มีอาการเหมือนหวัดปกติ แต่ว่าหลังจากนั้น 1–2 วันอาจจะมีอาการแสดงของการตำหนิดเชื้อในทางเดินหายใจด้านล่างได้แก่ จับไข้ ไอรุนแรง หายใจลำบากโดยอาจมีอาการหายใจเร็ว หรือมีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ในเด็กตัวเล็กๆซึ่งยังสื่อสารมิได้ต้องบางทีอาจจะจำเป็นต้องอาศัยการสังเกตอาการ โดยในระยะแรกจะมีลักษณะคัดจมูกน้ำมูกไหล ซึมลง และก็รับประทานอาหารได้น้อย ต่อจากนั้น 1–3 วัน จะมีลักษณะไอ มีไข้ หายใจลำบาก หายใจตื้น สั้นๆเร็วๆรวมทั้งอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเสียงตอนหายใจด้วย ในรายที่อาการร้ายแรงมากอาจมีอาการตัวเขียวหรือสภาวะ cyanosis เกิดเนื่องมาจากการขาดออกซิเจนทำให้สีผิวออกม่วงๆโดยชอบเริ่มเห็นจากริมฝีปากหรือที่เล็บ นอกจากนี้แล้วการต่อว่าดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีบางครั้งอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆที่พบมากเป็น หูชั้นกึ่งกลางอักเสบ (otitis media) หรือในภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวโยงกับการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างอื่นๆเช่น หลอดลมอักเสบหรือปวดบวมได้ (https://www.img.in.th/images/6427a98948041cb4de4820d1f19e6569.jpg) กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงต่อโรคอาร์เอสวี
กรรมวิธีรักษาโรคอาร์เอสวี โดยธรรมดา แพทย์วินิจฉัยคนไข้โรคอาร์เอสวีจากลักษณะทางคลินิก ดังเช่น ใช้เครื่องช่วยฟัง (Stethoscope) เพื่อฟังเสียงกรีดร้องในระบบทางเดินหายใจ เสียงหลักการทำงานของปอด หรือเสียงไม่ปกติจากส่วนอื่นๆภายในร่างกาย แล้วก็อาศัยวิธีสำหรับซักประวัติคนไข้โดยวินิจฉัยจาก อายุผู้เจ็บป่วย ประวัติความเป็นมาอาการโรค การระบาดในแหล่งที่อยู่อาศัย การระบาดในโรงเรียน เป็นต้น แต่บางครั้งบางคราวถ้าหากคนไข้มีลักษณะร้ายแรง หมออาจต้องวินิจฉัยแยกโรคที่เกิดขึ้นจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสชนิดอื่น หรือจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรีย หมอก็เลยจะมีการตรวจค้นเพิ่มอีก ยกตัวอย่างเช่น
ในขณะนี้บางโรงพยาบาลอาจจะมีการตรวจรับรองหาเชื้อด้วยแนวทาง RSV Rapid Ag-detection test ซึ่งได้ผลการทดสอบด้านในไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากโรค อาร์เอสวี เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็เลยทำให้ไม่มียารักษาอาการโดยยิ่งไปกว่านั้น เพราะฉะนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ ตัวอย่างเช่น การให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลม เป็นต้น ส่วนในรายที่เริ่มมีลักษณะอาการรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น อิดโรย หอบ มีค่าออกซิเจนในเลือดลดลง อาจมีการให้ยาพ่นขยายหลอดลม ร่วมกับการให้ออกซิเจน ในรายที่มีลักษณะอาการร้ายแรงมาก บางทีก็อาจจะจะต้องมีการใส่ท่อช่วยหายใจหรือใช้เครื่องที่ใช้สำหรับในการช่วยหายใจ นอกเหนือจากนี้บางทีก็อาจจะควรมีการให้สารน้ำตอบแทนเพื่อคุ้มครองภาวะขาดน้ำโดยเฉพาะในเด็ก ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการต่อว่าดเชื้ออื่นๆมักจะได้รับยาฆ่าเชื้ออื่นๆที่เหมาะสมตามอาการ การติดต่อของโรคอาร์เอสวี การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีเป็นผลมาจากการติดต่อผ่านทางสารคัดเลือกหลั่งจากฟุตบาทหายใจเป็นต้นว่า น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ฯลฯ แล้วก็ไวรัสชนิดนี้สามารถทนอยู่นอกร่างกายได้หลายชั่วโมง โดยเหตุนั้นนอกจากการได้รับเชื้อผ่านการไอจามใส่กันแล้ว ยังสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสข้าวของที่แปดเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วนำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูก ปากแล้วก็เยื่อบุดวงตาได้ ภายหลังการได้รับเชื้อคนเจ็บสามารถแพร่ระบาดเชื้อได้ตั้งแต่หลังติดเชื้อ 2–3 วันไปจนกระทั่ง 2–3 สัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ในผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการแสดงควรลดการแพร่ระบาดเชื้อไปยังคนอื่นโดยการใส่ผ้าปิดปาก ส่วนผู้ที่ต้องคลุกคลี่กับคนไข้ก็จำเป็นต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆรวมถึงใส่หน้ากากอนามัยทุกคราวเหมือนกัน การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรค อาร์เอสวี
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคอาร์เอสวี เนื่องมาจากในประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนคุ้มครองเชื้อไวรัส RSV จึงทำให้มีการเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มาก จึงควรมีการปกป้องตนเองดังต่อไปนี้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคอาร์เอสวี เนื่องจากว่าโรคอาร์เอสวี เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสแล้วก็สามารถติดต่อได้ทางสารคัดหลั่งของร่างกายโดยการ ไอ จาม รดกัน ซึ่งจะมีการฟุ้งกระจายของละอองน้ำมูก น้ำลายของคนไข้ซึ่งหากผู้ที่อยู่ใกล้ชิด สูดเอาละอองนั้นไปก็จะมีการติดต่อกันรวมทั้งการสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆที่แปดเปื้อนในข้าวของต่างๆของคนเจ็บด้วย ซึ่งเป็นโรคที่มีต้นสายปลายเหตุ,อาการ รวมทั้งการติดต่อคล้ายกับหวัดมากมาย นอกเหนือจากนี้ยังเป็นโรคในระบบทางเท้าหายใจเช่นเดียวกันอีกด้วย โดยเหตุนั้นสมุนไพรที่จะช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคอาร์เอสวีนั้น ก็เลยเป็นสมุนไพรแบบเดียวกับโรคหวัด (อ่านหัวข้อสมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคหวัดในเรื่องหวัด) เอกสารอ้างอิง
Tags : โรคอาร์เอสวี/โรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี
|