หัวข้อ: โรคไข้สมองอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: iampropostweb ที่ เมษายน 25, 2018, 11:50:16 am (https://www.img.in.th/images/e8dd2741157283f7e99058a0381df60a.jpg)
โรคไข้สมองอักเสบ เจอี (Japanese Encephalitis) โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี เป็นอย่างไร ไข้สมองอักเสบ (encephalitis) คือ การอักเสบของเนื้อสมอง หรือเฉพาะที่เล็กน้อย เหตุเพราะเนื้อสมองอยู่ชิดกับเยื่อหุ้มสมอง ก็เลยบางทีอาจพบการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองร่วมกับการอักเสบของสมองได้ด้วย โดยโรคไข้สมองอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายกรณีส่วนใหญ่มักจะมีต้นเหตุจากการติดเชื้อจากเชื้อไวรัส โดยสามารถกำเนิดได้จากเชื้อไวรัสหลายประเภทหรือบางครั้งบางทีอาจเจอเป็นโรคแทรกของโรคฝึก คางทูม ไข้เปล่งปลั่ง แต่ไข้สมองอักเสบประเภทที่อันตราย/ร้ายแรงที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้ คือ โรคไข้สมองอักเสบ เจอี(Japaneseencephalitis, JE) พบมากที่สุดในทวีปเอเชียรวมถึงประเทศไทยและบางส่วนของแปซิฟิกตะวันตก ส่วนใหญ่ชอบเจอการเกิดโรคในช่วงฤดูฝน แต่ในแต่ว่าล่ะประเทศจะพบช่วงเวลาที่มีการเกิดโรคได้แตกต่างกันซึ่งพบได้ตลอดทั้งปี โดยในบริเวณแหล่งระบาดชอบเจอในคนเจ็บอายุน้อยกว่า 15 ปี เหตุเพราะในคนแก่จะมีภูมิคุ้มกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้าเป็นรอบๆที่ไม่เคยเกิดโรคมาก่อนก็จะเจอในกรุ๊ปของผู้ที่แก่สูงขึ้นได้ โรคไข้สมองอักเสบเจอี เป็นโรคที่เกิดอันตรายถึงชีวิตรวมทั้งเป็นโรคหวานใจษายาก ที่สำคัญเมื่อเป็นแล้วมีอัตราการตายสูง ถ้ารอดตายมักมีความพิการหรือไม่ปกติทางสมองตามมา อัตราเจ็บป่วยตายอยู่ระหว่างร้อยละ 20-30 ราวๆสองในสามของผู้มีชีวิตรอด จะมีความพิการเหลืออยู่ ในเอเชียเจอคนไข้โรคนี้ราวๆปีละ 30,000-50,000 ราย โรคนี้เรียกว่า Japanese เนื่องจากว่าสามารถแยกเชื้อได้จากผู้ป่วยในญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี พุทธศักราช2468 สาเหตุของโรคไข้สมองอักเสบ เจ อี ด้วยโรคไขสมองอักเสบเจอีเปนโรคที่มีอัตราตาย และก็ความพิกลพิการตามมาสูง ซึ่งสวนใหญมักจะเปนในเด็ก ส่วนเชื้อที่กอโรคไดมึง Japanese encephalitis virus (JEV) ซึ่งเปน arbovirus จัดอยูใน family Flaviviridae, genus Flavivirus โดยมียุงรําคาญ Culex tritaeniorhynchus เปนพาหะนําโรค โรคนี้พบในเขตเมืองนอชูวาชนบท มีอัตราตายรอยละ 10-35 และก็มีอัตราการเกิดความพิกลพิการ ตามมามากถึงรอยละ 30-50 โดยเชื้อไวรัสประเภทนี้ถูกศึกษาค้นพบทีแรกโดยนักวิทยาศาสตร์คนญี่ปุ่นแล้วก็ได้กระจัดกระจายทั่วไปทุกภาคและก็ทุกฤดู ซึ่งประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี อาทิเช่น บริเวณเอเชียใต้ ประเทศอินเดียแล้วก็ศรีลังกา ตลอดจนประเทศในเอเซียอาคเนย์ และในภาคตะวันออกของจีน และก็พบได้ในประเทศ ไต้หวัน ประเทศเกาหลี แล้วก็ประเทศญี่ปุ่น ปลายคริสตศตวรรษที่ 18 มีการระบาดใหญ่ของโรคไขสมองอักเสบเจอีในประเทศญี่ปุน โดย ในป พุทธศักราช 2468 สามารถแยกเชื้อไวรัสเจอีไดเปนครั้งแรกจากสมองของผูปวยชายอายุ 19 ปที่มี อาการสมองอักเสบและก็เสียชีวิตในกรุงเมืองโตเกียว ต่อมาสามารถแยกเชื้อไวรัสไดจากยุงหงุดหงิดรำคาญ Culex และมีรายงาน การระบาดของโรคไขสมองอักเสบเจอีในประเทศต่างๆในทวีปเอเชียตามมา ซึ่งนับเป็นปัญหาที่สําคัญที่สุดในบรรดาโรค สำหรับเมืองไทยเจอการระบาดหนแรกในป พ.ศ. 2512 ที่จังหวัดเชียงใหมต่อไปมีการพบผูปวยเรื่อยๆมาและก็มีการระบาดใหญ่เปนครั้งคราว ผู้ปวยโรคนี้สามารถเจอไดบอยทางภาคเหนือรวมทั้ง ภาคอีสาน รองลงมาไดมึง ภาคกลาง และภาคใต ปจจุบันพบผูปวยโรคไขสมองอักเสบ เจ อี นอยลง ด้วยเหตุว่ามีการฉีดวัคซีนปองกันโรคไขสมอง อักเสบเจอีในเด็กทั่วราชอาณาจักร ในป พ.ศ. 2552 สํานักระบาดวิทยาไดรับรายงานผูปวยโรคไขสมองอักเสบรวมทั้งสิ้น 543 ราย คิดเปนอัตราปวย 0.86 ตอแสนสามัญชน จําแนกเปนโรคไขสมองอักเสบเจอีจํานวน 106 ราย (รอยละ 19.52) คิดเปนอัตราปวย 0.17 ตอแสน มวลชน ไมมีรายงานผูเสียชีวิต สวนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยนอชูวา 15 ป เจอผูปวยสูงสุดในกลุมอายุ 0-4 ป คิด เปนอัยี่ห้อปวย 1.1 ตอแสนประชากร รองลงมาเป็น กลุมอายุยง 5-9 ป มากกวา 15 ป และก็ 10-14 ป โดยมี อัตราปวย 0.3, 0.09 แล้วก็ 0.08 ตอแสนสามัญชนตามลําดับ กระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ลักษณะโรคไขสมองอักเสบ เจ อี ไวรัสเจอีนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะแพร่ไปไปสู่สมองรวมทั้งจะทำลายเนื้อสมองตั้งแต่นิดหน่อยไปจนถึงอย่างมากมายต่างๆนาๆในแต่ละคน (Japanese encephalitis virus) โดยส่วนมากผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ มีเพียงแต่ 1 ใน 300 คนเพียงแค่นั้น ที่จะแสดงอาการ โดยในรายที่รุนแรงจะแสดงอาการแบบสมองอักเสบ (encephalitis) โดยมีลักษณะอาการกางงเปน 3 ระยะดังนี้ 1. Prodromal stage ในระยะนี้ผู้ปวยจะมีลักษณะอาการไขสูงรวมกับอาการออนเพลีย ปวดหัว คลื่นไสคลื่นไส้ เวลานี้จะใช้เวลาราวๆ 1-6 วัน 2. Acute encephalitic stage ผูปวยยังคงมี ไข้และเริ่มมีลักษณะอาการระคายของเยื่อหุมสมอง มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรูสึกตัว มีอาการชักเกร็ง สามารถตรวจเจอ pyramidal tract signs, flaccid paralysis และเจอ deep tendon reflex ลดลงไดรอยละ 10 บางทีอาจเจออัมพาตครึ่งด้านแล้วก็ความไม่ดีเหมือนปกติของเสน ประสาทสมองได ระยะที่ 1 รวมทั้ง 2 ของโรคมักใช้เวลา ไมเกิน 2 สัปดาห ผูปวยที่มีลักษณะอาการรุนแรงมักเสียชีวิต ในระยะนี้ 3. Late stage and sequele ในช่วงนี้ไข้จะลดลง อาการทางสมองจะคงเดิมหรือ ผูปวยที่เสียชีวิตในตอนนี้มักมีต้นเหตุมาจากโรคแทรกซอนที่ตามมา ตัวอย่างเช่น ปอดอักเสบ โรคติดเชื้อฟุตบาทเยี่ยว ติดเชื้อโรคในกระแสโลหิต ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยโรคไข้สมองอักเสบ บางรายอาจมีอาการ ความประพฤติปฏิบัติเปลี่ยนหรือเป็นอาการทางด้านจิตได้ อาการชักมักเป็น แบบชักเกร็งกระตุกทั่วตัว ซึ่งพบได้มากมากมายโดย เฉพาะเด็กตัวเล็กๆ อาจจะมาด้วยนิ้วกระตุก, ตาเหล่, หรือหายใจผิดจังหวะได้หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการเหมือน โรคพาร์กินสัน เป็นมีลักษณะอาการตัวเกร็ง, หน้าไม่แสดง อารมณ์,มือสั่นรวมทั้งเคลื่อนลำบาก กรรมวิธีการรักษาโรคไข้สมองอักเสบ การวิเคราะห์ การวิเคราะห์อาศัยประวัติ การตรวจรางกายและการ ตรวจทางหองปฏิบัติงาน การตรวจนับเม็ดเลือดพบได้มากวาจํานวนเม็ดเลือดขาวและก็คารอยละของนิวโตรฟล เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางถึงสูงมาก การตรวจน้ำไขสันหลัง สวนใหญจะพบวาน้ำไขสันหลังมีลักษณะใส ไมมี สีความดันของน้ำไขสันหลังอยูในเกณฑปกติมีเซลล เม็ดเลือดขาวไดตั้งแต 10-1,000 เซลล/ลบ.มิลลิเมตร ซึ่งส่วนใหญเปนจำพวกโมโนนิวเคลียรเซลล ในระยะเริ่มต้นของโรคบางทีอาจไมเจอเซลลในน้ำไขสันหลังหรืออาจพบนิวโตรฟลเดนได โปรตีนมักสูงกวาธรรมดาเล็กนอย ระดับน้ำตาลมักอยูในเกณฑธรรมดาเมื่อเทียบกับระดับน้ำตาลในเลือด การส่งไปทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะมีคุณภาพสูงขึ้นยิ่งกว่าการตรวจด้วยเครื่อง เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์โดยจะมองเห็นความไม่ปกติใน ตำแหน่ง thalamus,basalganglia, midbrain, pons, และ medullaตามหน้าที่ที่พบร่วมมากมาย ที่สุดคือตำแหน่ง thalamus การส่งไปตรวจแยกเชื้อ (serology) ซึ่ง เป็นการวินิจฉัยที่ใช้อยู่ในตอนนี้คือตรวจหาIgM antibodyเฉพาะต่อไวรัสเจอีในนํ้าไขสันหลังแล้วก็ ในเลือด โดยการตรวจเจอ JEV-specific IgM antibody ในนํ้าไขสันหลังสามารถช่วยยืนยันการ ติดโรคในครั้งนี้ได้แต่หากตรวจเจอJEV-specific IgMantibodyในเลือดอาจเป็นการติดโรคหรือขึ้น จากการได้วัคซีนก็ได้ การตรวจค้น antibody ในนํ้าไขสันหลัง จะสามารถตรวจพบได้ปริมาณร้อยละ 70-90 ในคนไข้ที่ ติดเชื้อโรค โดยจะสามารถตรวจพบได้เมื่อราวๆ วันที่5-8หลังจากเริ่มมีลักษณะอาการ การตรวจค้นantibodyในเลือดจะสามารถ ตรวจพบได้ปริมาณร้อยละ60-70 ในผู้เจ็บป่วยที่ติดเชื้อโดย จะสามารถตรวจเจอได้ขั้นต่ำ 9 คราวหน้าจาก เริ่มมีลักษณะอาการ ในปัจจุบันยังไม่มีการดูแลและรักษาที่เฉพาะเจาะจง การดูแลรักษา เปนเพียงแค่การดูแลรักษาตามอาการ ที่สําคัญ คือ ลดอาการบวมของสมอง ดูแลระบบทางเดินหายใจ ใหยาหยุดชัก บางรายบางทีอาจจําเปนตองให mannitol เพื่อควบคุมความดันในกะโหลกศีรษะ และคุ้มครองป้องกันอาการแทรกตามมา การใช dexamethasone ในขนาดสูงเพื่อลดการบวมของสมองในผูปวยไขสมองอักเสบเจอี เจอวาไมสามารถลดอัตราการตายและก็อัตราการฟนจากโรคได มีรายงานจากการศึกษาเล่าเรียนแบบ controlled clinical trials ขนาดเล็กเกี่ยวกับ Neutralizing murine monoclonal antibodies ซึ่งผลิตในประเทศจีน นํามาใชรักษาผูปวย ไขสมองอักเสบเจอี เจอวาการดูแลรักษาดังมายากลาวใหผลการ รักษาที่ บางรายงายการเล่าเรียนพบว่าได้มีการทดสอบการใช้ยาต่อต้าน เชื้อไวรัส ribavirin แต่ว่าไม่เจอความไม่เหมือนของผล การรักษาของการใช้ยาต้านทานไวรัสกับยาหลอกและ พบว่าcorticosteroidsแล้วก็interferonalpha2a ไม่ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอาการและไม่ช่วย ในเรื่องของผลการรักษา ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อเกิดโรคไข้สมองอักเสบ ด้วยเหตุว่าเชื้อไวรัส Japanese encephalitis ที่เป็นตัวการของโรคไข้สมองอักเสบ เจอี จะอยู่ในสัตว์เลือดอุ่นหลายแบบ เป็นต้นว่า หมู รวมทั้งยุงจะเป็นพาหะนำเชื้อประเภทนี้มาสู่คน โดยยิ่งไปกว่านั้นหมูที่มีอายุที่มากขึ้น ตัวสัตว์เองก็จะมีภูมิคุ้มกันพอเหมาะพอควร ฉะนั้น ถ้าเกิดมีไวรัสอยู่ในตัวก็จะโดนควบคุมไม่ให้มีจำนวนมาก ส่วนลูกหมูมักจะมีภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เมื่อโดนยุงกัด แล้วมีเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นแหล่งกระจายเชื้อมาสู่ยุงไปสู่คน เพราะฉะนั้นไข้สมองอักเสบเจอี จึงพบบ่อยในแหล่งที่มีการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีการเลี้ยงหมูเยอะมาก ตัวอย่างเช่น ในชนบท แล้วก็บริเวณปริมณฑล รวมทั้งพบได้มากในฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม แต่ว่าก็บางทีอาจพบห่างๆได้ตลอดทั้งปี คนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้สมองอักเสบเจอี อาทิเช่น เกษตรกรที่มีอาชีพเลี้ยงหมู ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านนอกในแคว้นที่มีการระบาด ทหารที่เข้าไปประจำการหรือปฏิบัติงานในแคว้นที่มีการระบาดของโรค ผู้อพยพไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศที่มีการระบาด การติดต่อของโรคไข้สมองอักเสบ เจอี เชื้อ JEV (Japanese encephalitis Virus) จัดอยู่ในเครือญาติฟลาวิไวรัส (family flaviviridae) สกุลฟลาวิไวรัส (genus flavivirus)อยู่ในกลุ่มเดียวกับเชื้อไวรัสเด็งกี่(Dengue virus)แล้วก็ไข้เหลือง(yellowfever) ด้วยเหตุดังกล่าวเชื้อไวรัสเจอี ก็เลยมีคุณลักษณะเช่นเดียวกับฟลาวิเชื้อไวรัสตัวอื่นๆซึ่งเป็น เชื้อไวรัสที่มีแมลงกินเลือดเป็นพาหะนำ โรคจะติดต่อ ในวงจรจากสัตว์สู่คน โดยมียุงเป็นตัวพาหะนำ เชื้อโรค โดยมีหมูเป็นรังโรคที่สำคัญ หมูที่ติดเชื้อ JE จะไม่มีอาการ แม้กระนั้นมีเชื้อ JE ในเลือด เมื่อยุงไปกัด หมูในตอนนี้เชื้อจะเข้าไปเพิ่มในยุง เมื่อ มากัดคนจะกระจายเชื้อไปสู่คน ส่วนสัตว์อื่นๆที่จะติด เชื้อ JEเป็นต้นว่าม้า วัวควายนก แต่สัตว์เหล่านี้เมื่อติดเชื้อแล้วจะไม่มีอาการมีแต่ว่าม้าและก็คนเพียงแค่นั้นที่มีอาการ เมื่อได้รับเชื้อ แล้วประมาณ 1 ใน 300-500 ของผู้ติดเชื้อจะมี อาการสมองอักเสบ หมูมีความจำเป็นในวงจรการ แพร่ไปของโรค เพราะว่าจะมีเชื้ออยู่ในกระแส เลือดได้นานกว่าสัตว์อื่นๆก็เลยจัดว่าเป็นamplifier ที่เป็นรังโรคที่สำคัญ ยุงที่เป็นพาหะเป็นจำพวก Culex tritaeniorhynchus Culex golidus , Culex fascocephalus ยุงกลุ่มนี้เพาะพันธุ์ใน ทุ่งนาที่มีนํ้าขัง จำนวนยุงจะเพิ่มมากในช่วงฤดูฝน ยุงตัวเมียสามารถถ่ายทอดเชื้อผ่านรังไข่ไปสู่ลูกยุงได้ ซึ่งมีระยะฟักตัวในยุงโดยประมาณ 9-12 วัน ยุงพวกนี้จะออกมากัดกินเลือดในตอนเวลาเย็นหรือ ตอนคํ่า หมูแล้วก็นกนํ้า ตัวอย่างเช่น นกกระสา นกกระยาง เป็นรังโรคที่สำ คัญเนื่องจากว่าจะมีเชื้อในการแส เลือดได้นานแล้วก็มีการเพิ่มจำนวนเชื้อได้สูง ซึ่งใน ประเทศไทยมวลชนจำนวนมาก เลี้ยงชีพทำการเกษตรและมีจำนวนของการ เลี้ยงหมูจำนวนมากโดยเหตุนั้นจึงมีความเสี่ยงต่อโรคไข้สมองอักเสบมากตามมา การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคไข้สมองอักเสบ เจอี
การป้องกันตัวเองจากโรคไข้สมองอักเสบ เจอี
สมุนไพรที่ใช้ป้องกันตนเองจากโรคไข้สมองอักเสบ เอจี โรคไข้สมองอักเสบ เจอี เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษาเฉพาะการดูแลและรักษายังจะต้องใช้การรักษาแบบช่วยเหลือ รักษาตามอาการ ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยไม่มีสมุนไพรประเภทไหนซึ่งสามารถรักษาได้ เพียงแค่มีสมุนไพรซึ่งสามารถช่วยปกป้องการเกิดโรคไข้สมองอักเสบ เจอี ได้ไพเราะไข้สมองอักเสบ เจอี นั้นมียุงเป็นพาหนะนำเชื้อ เพราะฉะนั้นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคชนิดนี้นั้น จึงเป็นสมุนไพรที่ใช้ไล่ยุงต่างๆตัวอย่างเช่น พืชกลุ่มสกุล (genus) Cymbopogon ตะไคร้หอม (Cymbopogon nardus (L.) Rendle) มีการเรียนรู้ฤทธิ์ไล่ยุงของตำรับน้ำมันตะไคร้หอม (citronella oil) ที่มีส่วนประกอบที่สำคัญเป็น citronella, geraniol และก็ citronellol ในรูปแบบของครีม พบว่าตำรับที่มีน้ำมันตะไคร้หอม 17% ปกป้องยุงลายได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง ครีมที่มีน้ำมันตะไคร้หอม 14% ลดปริมาณยุงรำคาญที่มาเกาะภายใน 1 ชั่วโมงข้างหลังทาครีม นอกจากนี้สารสกัดเอทานอลของตะไคร้หอมผสมกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอกสามารถไล่ยุงลายและยุงรำคาญได้นาน 2 ชั่วโมง ครีมที่มีน้ำมันหอมระเหยจากใบตะไคร้หอมที่ความเข้มข้น 1.25, 2.5 และ 5.0% คุ้มครองปกป้องยุงก้นปล่องได้โดยประมาณ 2 ชั่วโมง ในตอนที่ความเข้มข้น 10% ให้ผลได้เป็นเวลายาวนานกว่า 4 ชั่วโมง ตะไคร้ (Cymbopogon citratus (DC.) Stapf) น้ำมันตะไคร้ (lemongrass oil) ใน liquid paraffin ความเข้มข้น 20 รวมทั้ง 25% ส่งผลคุ้มครองป้องกันยุงลายได้ 100% ใน 1 ชั่วโมงแรก และก็ลดลงเหลือเกิน 95% ด้านใน 3 ชั่วโมง การเตรียมผลิตภัณฑ์น้ำมันตะไคร้ 15% ในรูปของครีมรวมทั้งขี้ผึ้งพบว่าได้ผลคุ้มครองยุงกัดได้ โดยคุณลักษณะของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ส่งผลต่อการปลดปล่อยน้ำมันหอมระเหย แล้วก็ส่งผลต่อสมรรถนะสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันยุงด้วย น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่มี geraniol จำนวน 0.2 มิลลิกรัม/ซึม2 สามารถลดอัตราการกัดจากยุงเบื่อหน่าย เป็น 10, 15 และ 18% ที่เวลา 1, 2 และก็ 3 ชั่วโมงตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้ทาน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สบู่อาบน้ำที่มีส่วนประกอบของน้ำมันตะไคร้หอม 0.1% น้ำมันตะไคร้ 0.5% รวมทั้งน้ำมันสะเดา 1% สามารถไล่ยุงได้ในช่วง 8 ชั่วโมง พืชกลุ่มสกุล (genus) Ocimum น้ำมันหอมระเหยจากพืชกลุ่มนี้ 5 จำพวก ดังเช่น แมงกะแซง (O. americanum L.) โหระพา (O. basilicum L.) แมงลัก (O. africanum Lour. ExH) ยี่หร่าหรือโหระพาช้าง (O. gratissimum L.) แล้วก็กะเพรา (O. tenuiflorum L.) พบว่ามีฤทธิ์ฆ่าลูกน้ำรวมทั้งไล่ยุงลายได้ ฤทธิ์ฆ่าลูกน้ำยุงลายของน้ำมันหอมระเหย เรียงลำดับดังต่อไปนี้ โหระพา > ยี่หร่า> ใบกะเพรา > แมงลัก = แมงกะแซง โดยมีค่าความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยที่ได้ผลคุ้มครองป้องกันยุงได้ 90% (EC90) เท่ากับ 113, 184, 240, 279 รวมทั้ง 283 ppm ตามลำดับ สำหรับฤทธิ์ไล่ยุงของน้ำมันหอมระเหยที่ความเข้มข้น 10% พบว่า โหระพาช้างมีฤทธิ์แรงที่สุด คุ้มครองปกป้องยุงกัดได้นาน 135 นาที รองลงมาคือ ใบกะเพรา แล้วก็แมงลัก ที่คุ้มครองปกป้องยุงกัดได้นาน 105 รวมทั้ง 75 นาที ตามลำดับ เวลาที่แมงกะแซง รวมทั้งโหระพาได้ผลน้อยที่สุดเพียงแค่ 15 นาที พืชกรุ๊ปสกุล (genus) Citrus มะกรูด (Citrus hystrix DC.) น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องยุงได้นาน 95 นาที และก็ตำรับยาทากันยุงที่มีน้ำมันมะกรูดความเข้มข้น 25 รวมทั้ง 50% สามารถไล่ยุงได้นาน 30 แล้วก็ 60 นาที ตามลำดับ น้ำมันหอมระเหยผสมจากมะกรูด 5% และจากดอกชิงเฮา (Artemisia annua L.) 1% ป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง รวมทั้งยุงรำคาญได้นาน 180 นาที ในห้องปฏิบัติการ ในความเข้มข้นเดียวกันสามารถคุ้มครองปกป้องยุงลาย และยุงเสือ ได้ 180 นาที และยุงรำคาญได้นานถึง 240 นาทีในภาคสนาม มะนาวฝรั่ง (Citrus limon (L.) Burm.f.) น้ำมันหอมระเหยจากมะนาวฝรั่งมีฤทธิ์ไล่ยุงก้นปล่องได้ 0.88 เท่าของสารเคมีสังเคราะห์ N,N-diethyl-3-methylbenzamide นอกจากสมุนไพรที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ยังมีสมุนไพรอื่นๆที่มีการเรียนรู้ฤทธิ์สำหรับการป้องกันยุง เป็นต้นว่า ข่า ไพล ขึ้นฉ่าย ว่านน้ำ กานพลู หนอนตายหยาก ดอกกระดังงาไทย สารปรปักษ์ทรัม (pyrethrum) รวมทั้งไพรีทริน (pyrethrins) ที่เจอได้ในพืชเครือญาติดอกเบญจมาศ (chrysanthemum flowers) เป็นต้น เอกสารอ้างอิง
หัวข้อ: Re: โรคไข้สมองอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: boiopil020156889 ที่ พฤษภาคม 02, 2018, 09:49:26 am โรคไข้สมองอักเสบ disthai.com
|