หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 25, 2018, 12:55:57 pm (https://www.img.in.th/images/18f8c710b7077d1d00ec506d1d9af604.jpg)
โรคโปลิโอ (Poliomyelitis) โรคโปลิโอเป็นยังไง โรคโปลิโอศึกษาค้นพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine ส่วนเชื้อไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ คริสต์ศักราช 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานแสนสาหัสแก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในอดีตมากกว่า 350,000 รายต่อปี เนื่องจากว่าก่อให้เกิดความพิกลพิการ ขา หรือ แขนลีบ แล้วก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนเจ็บจำนวนมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกรุ๊ปผู้เจ็บป่วยที่มีลักษณะอาการนั้นส่วนใหญ่จะมีลักษณะอาการเพียงนิดหน่อยอย่างไม่เฉพาะและก็หายได้เองภายในช่วงเวลาไม่กี่วัน แต่ว่าจะมีคนเจ็บเพียงส่วนน้อยที่จะมีอาการของกล้ามอ่อนล้าแล้วก็เมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการดูแลและรักษา ผู้ป่วยที่เคยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้านี้อาจจะมีการเกิดอาการกล้ามเมื่อยล้าซ้ำขึ้นมาอีก และบางทีอาจเกิดกล้ามเนื้อฝ่อลีบและเกิดความพิกลพิการของข้อตามมาได้ ในขณะนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่มีวัคซีนที่ใช้ปกป้องโรคได้ โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง ทั้งนี้เพราะเชื้อ ไวรัสโปลิโอ จะทำให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการร้ายแรงจะทำให้มีความพิการตลอดชาติ แล้วก็บางรายบางทีอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พุทธศักราช 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วทั้งโลกต่ำลงไปมากถึง 99% โดยต่ำลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วทั้งโลก) ในปี พ.ศ. 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศ. 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังพบโรคมากมายอยู่เป็น ประเทศอินเดีย (400 กว่าราย) ประเทศปากีสถาน ไนจีเรีย และก็อัฟกานิสถาน ส่วนในประเทศไทยไม่เจอผู้เจ็บป่วยโรคโปลิโอมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยพบรายในที่สุดในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แต่ว่าเด็กทุกคนยังคงจำต้องได้การฉีดรับวัคซีนตามมาตรการกวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั่วทั้งโลก เหตุเพราะโปลิโอเป็นโรคร้ายแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งทางด้านร่างกายและเศรษฐกิจ แล้วก็ปัจจุบันนี้แม้ องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วช่วงวันที่ 27 มี.ค. พ.ศ. 2557 แต่ว่าเมืองไทยยังที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ เนื่องจากมีเขตแดนติดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างเมียนมาร์รวมทั้งลาวที่เพิ่งจะพบเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พุทธศักราช 2558 ที่มาของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกหุ้มจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 รวมทั้ง 3 โดยแต่ละชนิดอาจส่งผลให้กำเนิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 ส่งผลให้เกิดอัมพาตและก็มีการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆและก็เมื่อติดเชื้อโรคประเภทหนึ่งแล้วจะมีภูมิต้านทานถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ดังนั้น ตามแนวคิดนี้แล้ว คน 1 คน อาจติดเชื้อได้ถึง 3 ครั้ง แล้วก็แต่ละทัยป์ของไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น
โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในลำไส้ของคนเพียงแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มได้ในลำไส้ของไม่มีภูมิคุ้มกันแล้วก็อยู่ภายในลำไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกขับถ่ายออกมาภายนอก จะไม่อาจจะเพิ่มได้ และเชื้อจะอยู่ภายนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมมิได้นาน โดยเฉพาะในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของไวรัสโปลิโอ (half life) ประมาณ 48 ชั่วโมง อาการโรคโปลิโอ เมื่อเชื้อโปลิโอไปสู่ร่างกายของคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx รวมทั้งไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจัดกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ทอนซิล รวมทั้งที่ไส้และเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะอาการไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังแล้วก็สมองโดยตรง หรือเล็กน้อยอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมรูปแบบการทำงานของกล้าม เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่ ติดโรคมีอาการอักเสบมากกระทั่งถูกทำลายไป กล้ามที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตแล้วก็ฝ่อไปในที่สุด ดังนี้สามารถแบ่งคนไข้โปลิโอตามกลุ่มอาการได้เป็น 4 กลุ่มหมายถึง
รูปแบบของอัมพาตในโรคโปลิโอชอบเจอที่ขามากยิ่งกว่าแขนและจะเป็นข้างเดียวมากยิ่งกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามต้นขา หรือต้นแขนมากกว่าส่วนปลาย เป็นแบบปวกเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้ทั่วไปเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนลำตัวที่อกและพุง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการหายใจ ทำให้หายใจเองไม่ได้ อาจถึงตายได้หากช่วยไม่ทัน สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะก่อเกิดโรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบบ่อยได้ในเด็กมากยิ่งกว่าผู้ใหญ่ โดยเพศชายรวมทั้งหญิงได้โอกาสติดโรคนี้ได้เท่ากัน รวมทั้งมีโอกาสติดเชื้อโปลิโอได้ง่าย แต่ว่ามีผู้เจ็บป่วยน้อยมากที่จะมีลักษณะอาการกล้ามเหน็ดเหนื่อย เชื้อไวรัสประเภทนี้จะเจริญวัยอยู่ในลำไส้ เชื้อก็เลยถูกขับออกจากร่างกายมากับอุจจาระรวมทั้งแพร่ไปสู่คนอื่นผ่านการกินอาหารหรือกินน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย ซึ่งมีต้นเหตุจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร โรคนี้จึงพบได้มากมากมายในประเทศที่ด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี ทั้งผู้ที่มิได้รับการฉีดยาโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อเพิ่มขึ้นแม้อยู่ในภายในกรุ๊ปเสี่ยงดังต่อไปนี้ หญิงตั้งท้องรวมทั้งคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ ตัวอย่างเช่น ผู้ติดเชื้อโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง รวมทั้งเด็กเล็กซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งจะเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้ เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอ ทำงานในห้องทดลองที่สัมผัสสนิทสนมกับเชื้อไวรัส คนที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป กระบวนการรักษาโรคโปลิโอ หมอจะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการสอบถามอาการจากผู้ป่วยว่ารู้สึกปวดรอบๆข้างหลังและคอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือไม่ ตรวจตราปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมทั้งการตรวจทางเรือเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในตอนระยะเฉียบพลันและก็ระยะแอบแฝงของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG ยิ่งไปกว่านี้เพื่อรับรองให้แน่ใจอาจมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสารคัดเลือกหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองและก็ไขสันหลังส่งไปเพื่อทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ในกรณีคนป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบอ่อนเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะดำเนินการซักถามโรค พร้อมด้วยเก็บอุจจาระส่งไปเพื่อทำการตรวจเพื่อ แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่นอนเป็น แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ และก็กระทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain) การเก็บอุจจาระส่งไปตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างต่ำ 24 ชั่วโมง จำต้องเก็บให้เร็วด้านใน 1-2 อาทิตย์ภายหลังที่พบมีลักษณะอาการ AFP ซึ่งเป็นช่วงที่มีจำนวนไวรัสในอุจจาระมากยิ่งกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโอบางทีอาจตายได้ ปัจจุบันโรคโปลิโอยังไม่มีแนวทางรักษาให้หายขาด หมอสามารถให้การดูแลคนไข้ตามอาการ และตอนนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยยิ่งไปกว่านั้น การดูแลและรักษาจะเป็นแบบเกื้อกูล ตัวอย่างเช่น ให้ยาลดไข้ รวมทั้งลดอาการปวดของกล้ามเนื้อ ในรายที่มีลักษณะอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อแขน ขา แนวทางการทำกายภาพ บรรเทาจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามให้ดียิ่งขึ้น ในการรักษาคนป่วยกรุ๊ปอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะเน้นไปที่กระบวนการทำกายภาพบำบัดมากยิ่งกว่า ตัวอย่างเช่น การใส่วัสดุอุปกรณ์ช่วยยึดลำตัว เครื่องมือช่วยสำหรับในการเดิน อุปกรณ์ที่ช่วยคุ้มครองข้อบิดผิดแบบหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกฝนพูดและก็ฝึกกลืนในคนเจ็บที่มีปัญหา การบริหารร่างกายที่เน้นย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายใต้ข้อแนะนำที่ถูกจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้งานเครื่องช่วยหายใจในขณะหลับถ้าเกิดผู้เจ็บป่วยมีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ รวมทั้งการดูแลทางด้านอารมณ์รวมทั้งจิตใจของผู้เจ็บป่วยร่วมด้วย (https://www.img.in.th/images/ecb52da55bc6ce9453747ea3c308ae99.jpg) การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคโปลิโอ
ในปัจจุบันเมืองไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง แล้วก็ 4 ปี รวมทั้งให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน
สมุนไพรที่ใช้รักษา/บรรเทาโรคโปลิโอ เพราะเหตุว่าโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย และในผู้เจ็บป่วยที่มีความรุนแรงของโรคนั้นอาจจะส่งผลให้เสียชีวิตหรือพิการได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรชนิดไหนที่ใช้รักษาหรือทุเลาอาการโรคโปลิโอได้ด้วยเหมือนกัน เอกสารอ้างอิง
|