หัวข้อ: โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ เมษายน 28, 2018, 03:44:03 pm (https://www.img.in.th/images/e4df9f000bd629ebcb2dd3c3dc53c960.jpg)
โรคต้อกระจก โรคต้อกระจก เป็นยังไง ก่อนจะรู้ถึงความหมายของต้อกระจกนั้น เราน่าจะทำความรู้จักกับเลนส์ตาหรือที่พวกเราเรียกกันภาษาประชาชนว่า แก้วตา กันก่อน แก้วตาหรือเลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสอยู่ข้างหลังม่านตา (มีลักษณะเหมือนเลนส์นูนทั่วไปทั้งยังด้าน หน้าและก็ข้างหลัง มีความดกราว 5 ม.มัธยม เส้นผ่าศูนย์ กลางราวๆ 9 มัธยมมัธยม มีบทบาทปฏิบัติงานร่วมกับกระจกตาสำหรับเพื่อการหักเหแสงจากวัตถุให้ตกโฟกัสที่หน้าจอประสาทตา ที่ก่อให้เกิดการมองเห็น นอกเหนือจากนี้แก้วตายังสามารถเปลี่ยนกำลังการเบี่ยงเบนได้ด้วยตัวเอง เพื่อสามารถโฟกัสภาพในระยะต่างๆได้ชัดขึ้น นั่นก็คือ ในคนปกติจะเห็นชัดทั้งยังไกลรวมทั้งใกล้ เพราะฉะนั้นธรรมชาติจึงสร้างแก้วตาให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยอยู่ในใจกลางของดวงตาเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายใดๆแม้กระนั้นแม้ว่าแก้วตาจะไม่ได้รับอันตรายใดๆก็ตามจากด้านนอก แม้กระนั้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้นหรือการถูกสาเหตุที่จะรีบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเสื่อมถอยของแก้วตาได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับเลนส์แก้วตาต่างๆได้ ยกตัวอย่างเช่น ต้อกระจก ต้อหิน หน้าจอประสาทตาเสื่อม ฯลฯ สำหรับต้อกระจกนี้ ก่อนอื่นจำเป็นต้องขอให้คำอธิบายศัพท์ หรือความหมายของคำว่า “ต้อกระจก” ซะก่อน ต้อกระจกหมายคือสภาวะที่เลนส์ด้านในลูกตาเกิดภาวะขาวขุ่นขึ้นเพราะเหตุว่าสาเหตุอะไรก็ได้ ตามปกติแล้วเลนส์ข้างในดวงตามีสภาวะใสโปร่งแสงคล้ายกระจกใส มีหน้าที่ปรับแสงสว่างที่ผ่านเข้าตา ทำให้เราสามารถเห็นภาพวัตถุต่างๆได้แจ่มชัด และเมื่อกำเนิด “ต้อกระจก” ก็จะก่อให้ตัวเลนส์ตามีลักษณะขาวขุ่นขึ้น ทึบแสง ไม่ยอมให้แสงสว่างผ่านเข้าสู่ดวงตาไปตกกระทบที่จอประสาทรับภาพ (retina) ได้กระจ่าง ผู้นั้นก็เลยมองดูอะไรไม่ชัดเจน ตาฝ้า มัว แล้วท้ายที่สุดถ้าขาวขุ่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะมืดและ ดูอะไรไม่เห็นจากตาข้างนั้น ต้อกระจก เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปสำหรับผู้สูงวัย ถ้าหากปลดปล่อยไว้ไม่ผ่าตัดก็จะมีผลให้ตาบอด ถือว่าเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของภาวการณ์สายตาทุพพลภาพของคนชรา ที่มาของโรคต้อกระจก โดยส่วนใหญ่ (ราวปริมาณร้อยละ 80) เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากภาวการณ์เสื่อมตามวัย ผู้ที่แก่มากยิ่งกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกแทบทุกราย แม้กระนั้นบางทีอาจเป็นมากน้อยต่างกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในผู้สูงวัย (senile cataract) ส่วนน้อย (โดยประมาณร้อยละ 20) อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆเป็นต้นว่า ต้อกระจกโดยกำเนิด (Congenital Cataract) เด็กแรกคลอดสามารถเป็นต้อกระจกได้ตั้งแต่แรกกำเนิด โดยบางทีอาจกำเนิดได้จากพันธุกรรม การต่อว่าดเชื้อ การได้รับอันตรายหรือมีความเจริญระหว่างอยู่ในครรภ์ไม่ดี เด็กแรกเกิดที่พบว่าเป็นต้อกระจกแต่กำเนิด อาทิเช่น ภาวะกาแล็กโทซีภรรยา โรคเหือด หรือโรคเท้าแสนเงื่อนประเภทที่ 2 ก็อาจนำมาซึ่งการเกิดต้อกระจกชนิดนี้ เด็กตัวเล็กๆบางคนอาจออกอาการในวันหลัง โดยมักเป็นทั้งสองข้าง ครั้งคราวต้อกระจกนี้เล็กมากจนไม่ส่งผลต่อการมองมองเห็น แม้กระนั้นเมื่อพบว่ามีผลเสียต่อการมองเห็นก็เลยจะผ่าออก ต้อกระจกทุติยภูมิ (Secondary Cataract) การผ่าตัดรักษาโรคตาจำพวกอื่นดังเช่นต้อหิน การป่วยเป็นม่านตาอักเสบ หรือตาอักเสบ อาจเป็นต้นเหตุให้กำเนิดโรคต้อกระจกตามมาได้ นอกจากนั้น คนเจ็บเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคความดันเลือดสูง การได้รับยาบางชนิด ได้แก่ สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะบางตัว ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจกได้ง่ายเหมือนกัน มีต้นเหตุที่เกิดจากภาวะแรงชนที่ลูกตา ก็ทำให้เลนส์ตาขวาขุ่นได้ โดยเฉพาเมื่อโดนสิ่งมีคมทิ่มแทงทะลุเข้าตา เข้าไปโดนเลนส์ตา เกิดภาวะต้อกระจกได้ในทันทีด้านใน 24 ชั่วโมง หรือถ้าเกิดโดนวัตถุไม่มีคมกระแทก ก็อาจจะเกิดต้อกระจกตามมาคราวหลังได้ ถ้าความแรงนั้นมากพอให้เยื่อเลนส์ตาผิดใจกัน มีสาเหตุมาจากโดนรังสีเอกซเรย์ บริเวณลูกตาอยู่เสมอๆยกตัวอย่างเช่น พวกที่มีโรคมะเร็งรอบๆเบ้าตา แล้วก็รักษาด้วยการใช้รังสี ซึ่งรังสีนี้บางทีอาจลึกลงไปโดนเลนส์ตาทำให้ขุ่นได้ แล้วก็กำเนิดต้อกระจกตามมา เว้นเสียแต่มูลเหตุต่างๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอิทธิพลมาจากอย่างอื่นได้ อาทิเช่น ของกินพวกที่มีสภาพทุโภชนา หรือพวกอาหารการกินไม่ถูกสุขลักษณะ ขาดโปรตีน และวิตามินนำมาซึ่งต้อกระจกได้เร็วกว่าธรรมดา อาการของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกนั้นยากที่จะพิจารณาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเริ่ม เนื่องมาจากจะต้องใช้เวลานานกว่าลักษณะของต้อกระจกจะเยอะขึ้นจนกระทบต่อการมองเห็น โดยผู้ป่วยมักมีอาการดังนี้
แนวทางการรักษาโรคต้อกระจก หมอจะวิเคราะห์พื้นฐานด้วยการตรวจพบแก้วตา (เลนส์ตา) ขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องตาผู้เจ็บป่วยจะรู้สึกตามัว การใช้งานเครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจตาจะไม่เจอปฏิกิริยาสะท้อนสีแดง (red reflex) ถ้ายังไม่มั่นใจ หมอจะต้องใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจอย่างประณีต อาจควรต้องตรวจวัดความดันดวงตา (เพื่อแยกออกมาจากโรคต้อหินที่จะพบความดันลูกตาสูงกว่าธรรมดา) รวมทั้งตรวจพิเศษอื่นๆเป็นต้นว่า
เพราะโรคต้อกระจกไม่มียาที่ใช้กิน หรือหยอดอะไรก็แล้วแต่ที่ช่วยแก้ลักษณะของต้อกระจกได้ ระยะแรกๆของโรคต้อกระจกสามารถบรรเทาได้ด้วยการตัดแว่นตาใหม่ สวมแว่นตาดำกันแสงสะท้อน หรือการใช้เลนส์ขยายจนกระทั่งต้อกระจกจะเริ่มกระทบต่อกระบวนการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน จึงจะทำผ่าตัด ในอดีตมักรอคอยให้ต้อกระจกสุกก็เลยทำผ่าตัดแปลงเลนส์ แต่ปัจจุบันนี้มักนิยมรักษาโดยการสลายต้อกระจกแต่เนิ่นๆคือเมื่อปัญหาตามัวนั้นทำให้เป็นอุปสรรคกับการดำรงชีวิตของคนป่วยก็ควรรับการดูแลรักษา เนื่องจากการรอคอยต้อกระจกสุก จะก่อให้การดูแลและรักษาด้วยการสลายต้อทำเป็นยาก รวมทั้งยังอาจก่อให้กำเนิดโรคตาอื่นเข้าแทรก อย่างเช่น ต้อหิน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายมากเพิ่มขึ้นได้ ในขณะนี้การรักษาต้อกระจกมีเพียงแนวทางเดียวเป็นการผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออกแล้วก็ใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ในปัจจุบันการผ่าตัดต้อกระจกมีความปลอดภัยสูงใช้เวลาสำหรับเพื่อการผ่าตัดไม่นาน และไม่จำเป็นจะต้องนอนโรงพยาบาลข้างหลังผ่าตัด วิธีการผ่าตัดที่นิยมในตอนนี้มี 3 แนวทาง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคต้อกระจก
การติดต่อของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกมีต้นเหตุจากเลนส์ตาหรือแก้วตา ย่อยสลายจากนานัปการมูลเหตุทำให้มีลักษณะขุ่นขาวทึบแสงได้ผลให้แสงสว่างผ่านเข้าไปสู่ดวงตาได้น้อย จึงทำให้เกิดการมองเห็นภาพพร่ามัวเยอะขึ้นเรื่อยๆจนมองไม่เห็นท้ายที่สุด ซึ่งเป็นโรคที่ขาดการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนอะไร การกระทำตนเมื่อเป็นโรคต้อกระจก
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคต้อกระจก จากการเรียนรู้ค้นคว้าข้อมูลการค้นคว้าพบว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดสามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ โดยเฉพาะในสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น ขมิ้นชัน รวมทั้งฟักข้าว โดยในขมิ้นชัน มีสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญเป็นเคอร์คิวไม่นอยด์ (curcuminoid) และอุดมไปด้วยวิตามินและก็ธาตุหลายชนิด อย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก แล้วก็เกลือแร่ต่างๆรวมถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรตแล้วก็โปรตีน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ขมิ้นชันก็เลยมีสรรพคุณสำหรับการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และสามารถรักษาอาการและก็โรคต่างๆได้หลายอย่าง ส่วนฟักข้าวนั้น มีสารต้านทานอนุมูลอิสระสำคัญ คือ ไลวัวไต่ (lycopene) โดยในเยื่อห่อเม็ดของฟักข้าวมีไลวัวพีนสูงขึ้นยิ่งกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า ที่สามารถช่วยสำหรับการบำรุงแล้วก็รักษาสายตา คุ้มครองป้องกันโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อกระจก รวมทั้งประสาทตาเสื่อม แล้วก็ตาบอดยามค่ำคืนได้ ทั้งยัง ยังมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพบว่า ไลโคปีนป่ายรวมทั้งเคอร์คิวไม่นอยด์ ยังช่วยคุ้มครองปกป้องต้อกระจกที่เกิดขึ้นจากโรคเบาหวานได้อีกด้วยนอกเหนือจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่สามารถคุ้มครองโรคต้อกระจกได้ ดังเช่นว่า มะขามป้อม มะขามป้อมจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งจากการเล่าเรียนพบว่า วิตามินซีมีหน้าที่สำหรับเพื่อการปกป้องการเกิดต้อกระจก โดยการทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งกรองรังสียูวีให้เลนส์ตา นอกจากมะขามป้อมแล้ว ยังมีผลไม้อื่นๆที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง มะปราง มะละกอ มะกอก ส้ม มะขาม ลูกหว้า ฯลฯ เว้นเสียแต่สมุนไพรไพรศรีแล้ว สมุนไพรต่างชาติที่มีการคุณประโยชน์บำรุงและคุ้มครองปกป้องโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับตาได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น Ginseng หรือโสม เป็นรากของ Panax ginseng มี สารสำคัญเป็น ginsennosides ซึ่งเป็น steroidal saponin มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายประเภท อย่างเช่น antiapoptotic, anti-inflammatory, antioxidant จากการทดลองทางคลินิกในคนเจ็บที่เป็นต้อหิน พบว่า โสมแดงเกาหลีสามารถเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังเรตินา ก็เลยน่าจะเป็นประโยชน์ในลักษณะการปกป้องโรคต้อหิน นอกนั้นสาร Rb1 และก็ Rg3 ยังมีฤทธิ์ยั้ง TNF-alpha ก็เลยน่าจะเป็นคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการปกป้องโรคหน้าจอประสาทตาเสื่อมด้วย เนื่องจากการอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคนี้ การทดลองในหนูแปลว่าโสมสามารถลดการเสื่อมของจอตาในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานได้ ลดผลที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำหนูให้เป็นต้อกระจกด้วย selenite ได้ ด้วยเหตุดังกล่าวโสมก็เลยเป็นสมุนไพรที่น่าดึงดูดสำหรับในการคุ้มครองโรคตาทั้ง 4 คือ โรคต้อหิน ต้อกระจก หน้าจอประสาทตาเสื่อม รวมทั้งสภาวะโรคเบาหวานขึ้นจอตา Gingko Biloba Extract (GBE) คือสารสกัดจากใบของต้นแป๊ะก๊วย (Ginkgo biloba) ในใบมีสารสำคัญสองกรุ๊ปเป็น เฟลโวนอยด์รวมทั้งเทอร์พีนอยด์ GBE เป็นอาหารเสริมที่นิยมสูงที่สุดในยุโรปและอเมริกามีฤทธิ์คุ้มครองการทำลายจากอนุมูลอิสระ แล้วก็คุ้มครอง lipid peroxidation จากการทดสอบพบว่า GBE สามารถคุ้มครองป้องกันการเสื่อมของ mitochondria ปกป้องการเสื่อมของ optic nerve จึงสามารถคุ้มครองตาบอดในคนป่วยโรคต้อหิน และก็ คนเจ็บจอตาเสื่อมได้ แล้วก็สามารถลดการหลุดของจอตา (retinal detachment) ได้ GBE ก็เลยมีคุณประโยชน์ในกรณีคุ้มครองป้องกันและรักษาโรคต้อหินและโรคที่เกี่ยวโยงกับจอตา Danshen ชื่อสามัญคือ Asian Red Sage หรือตังเซียม หรือตานเซิน (Salvia miltiorrhiza) ส่วนที่ใช้คือราก ในหนังสือเรียนยาใช้เป็นยากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ใช้รักษาฝี สารสำคัญเป็น salvianoic acid B เป็นสารพอลีฟีนอลิกละลายน้ำแล้วก็เป็น antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงและก็ยังมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบในผู้ที่เป็นเบาหวานจะกำเนิดอาการอักเสบและก็หนาขึ้นของฝาผนังเส้นเลือดฝอยทำให้ อนุมูลอิสระไม่สามารถที่จะถูกกำจัดออกไปได้จึงไปทำลายเซลล์ประสาทตา เมื่อทดสอบฉีดตังเซียมเข้าไปที่เยื่อเรตินาที่ขาดออกสิเจนในหนูที่เป็นเบาหวานพบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องการสูญเสียการมองมองเห็นได้ การทดลองทางสถานพยาบาลในผู้เจ็บป่วยโรคต้อหินพบว่า ตังเซียมสามารถทรงสภาพลานสายตา (visual field) ในผู้เจ็บป่วยระยะกลางและก็ระยะปลายได้ ดังนั้น ตังเซียมก็เลยเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยโรคตาที่เกี่ยวโยงกับ oxidative stress เป็นต้นว่า จอประสาทตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา และต้อกระจก แล้วก็มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยของ ดร.พอล จาคส์ (Paul Jacques) กรรมการเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่า คนอเมริกันที่กินผักรวมทั้งกินผลไม้เป็นประจำมีโอกาสเกิดต้อกระจกน้อยกว่าผู้ไม่บริโภคผักแล้วก็ผลไม้ถึง 4 เท่าครึ่ง แล้วก็คนที่ไม่รับประทานผักรวมทั้งผลไม้เลยจะเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกเยอะขึ้นถึง 6 เท่า นอกเหนือจากนั้นยังพบว่าคนที่มีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำ จะเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกมากยิ่งขึ้นถึง 11 เท่า ส่วนผู้ ที่มีระดับสารแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำจะมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปถึง 7 เท่า เอกสารอ้างอิง
|