หัวข้อ: RENOVATE รับตกแต่งออกแบบสำนักงาน ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านร้านเล็บ มีภาพจำลอง3D ติด เริ่มหัวข้อโดย: pramotepra222 ที่ พฤษภาคม 03, 2018, 04:34:29 pm ให้บริการ - ค่าผลิต คิดตามจำนวนเฟอร์นิเจอร์ในแบบ ไม่มีขั้นต่ำ
Renovate, Innovate, ออกแบบร้านกาแฟ RENOVATE รับตกแต่งออกแบบที่อยู่อาศัย ร้านกาแฟ ภายนอก ทำร้านเครื่องสำอางค์ มีภาพจำลอง3D ติดต่อ เรามีสำนักงาน 2 สาขาที่กรุงเทพ และหัวหิน งานออกแบบปรับปรุงห้องชุดพักอาศัย โครงการ : NOBLE ORA ซ.ทองหล่อ style : MODERN CLASSIC พื้นที่ใช้สอย : 70 ตร.ม. ค่าออกแบบ : 390 บ./ตร.ม. ขั้นตอนออกแบบเสร็จสิ้น กำลังดำเนินการผลิต (https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23915973_1672000539496932_6232951945817110267_n.jpg?oh=d52d6d9ffc98be7e455dab0dcaae99ce&oe=5A92B5AF)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23844368_1672000189496967_665816635943006426_n.jpg?oh=cbaf22570594245462f372887cd3eeb7&oe=5AD64886)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/23844476_1672000256163627_8655933288754703924_n.jpg?oh=653f8e8fc1e712edd5adbe160befe5ed&oe=5AD74AE2) ชงกาแฟให้กลมกล่อม กาแฟอาราบิก้า ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea arabica L. จัดอยู่ในตระกูลเข็ม (RUBIACEAE) ต้นกาแฟอาราบิก้า เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอัฟริกา รอบๆประเทศเอธิโอเปีย แม้กระนั้นชาวอาหรับเป็นชาติแรกที่นำกาแฟมาชงดื่ม ก็เลยทำให้ชื่อภาษาละตินของกาแฟใช้คำว่า “อาราบิก้า” (arabica) จุดมุ่งหมายถึงชาวอาหรับ โดยต้นกาแฟจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 เมตร ในขณะนี้เพาะปลูกกันมากในเขตร้อนชื้นและครึ่งหนึ่งเย็น ใบกาแฟอาราบิก้า ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม รูปแบบของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบแหลมนิดหน่อย ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตร และก็ยาวประมาณ 15-20 ซม. แผ่นใบเรียบเป็นเงา บางทีเป็นคลื่น มีหูใบอยู่ระหว่างก้านใบ ดอกกาแฟอาราบิก้า ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบเป็นสีขาว ชิดกันเป็นหลอด ดอกมีกลิ่นหอมยวนใจ ผลกาแฟอาราบิก้า ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมรูปทรงกลม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจุดเด่นของกาแฟอาราบิก้า คือ มีกลิ่นหอมและสารกาแฟสูง ทำให้เมื่อดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉง เบิกบานใจ โดยกาแฟประเภทนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนต่ำ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง มีความหอมไม่ด้อยกว่าใครกันแน่ เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากสักเท่าไรนัก เนื่องด้วยขาดการช่วยส่งเสริมแล้วก็การประชาสัมพันธ์ที่ดี ในประเทศไทยมีการปลูกกาแฟชนิดนี้กันมากมายทางภาคเหนือบนดอยสูง กาแฟโรบัสต้า ชื่อสามัญ Robusta coffee ชื่อวิทยาศาสตร์ Coffea canephora Pierre ex A.Froehner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Coffea robusta L.Linden) ต้นกาแฟโรบัสต้า ลำต้นเจริญวัยมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อและก็ปล้อง โคนใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะร่วงหล่นไป โคนใบมีตา 2 ประเภทหมายถึงตาบนและตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งแขนงที่ 1 ลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและก็ข้อ แต่ละข้อจะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดได้ผลกาแฟถัดไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง กิ่งจะตั้งตรงขึ้นไปเสมือนลำต้น และไม่ติดผล แต่สามารถสร้างกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ให้ดอกผลได้ ซึ่งเรียกเป็นกิ่งแขนงที่ 1 ด้วยเหมือนกัน แล้วก็กิ่งแขนงที่ 1 ยังสามารถแตกกิ่งกิ่งก้านสาขาถัดไปได้อีกเป็นกิ่งกิ้งก้านที่ 2 รวมทั้งกิ่งกิ่งก้านสาขาที่ 2 ก็สามารถแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 3 ได้อีก โดยกิ่งกิ่งก้านสาขาเหล่านี้จะกำเนิดในลักษณะเป็นคู่สลับเยื้องกันบนลำต้นหรือกิ่งตั้ง เมื่อมีการตัดลำต้นกาแฟ ตาล่างบประมาณนลำต้นจะแตกกิ่งตั้งขึ้นมา กิ่งก็จะแตกเป็นกิ่งแขนงที่ 1, 2 และก็ 3 ต่อจากนั้นก็จะมีการสร้างดอกแล้วก็ผลกาแฟต่อไป โดยต้นกาแฟนั้นจะสามารถเพาะพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ด ใบกาแฟ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว เกิดที่ข้อเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน โคนใบและหลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบหยักเป็นคลื่น กึ่งกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบนุ่มเป็นเงา มีปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบจะมีปากใบประมาณ 3 ล้านถึง 6 ล้านรู โดยปากใบโรบัสต้าจะมีขนาดเล็กกว่าปากใบของกาแฟอาราบิก้า แต่จะมีจำนวนไม่ใช่น้อยกว่า อายุใบราว 250 วัน ส่วนก้านใบนั้นมีขนาดสั้น ดอกกาแฟ ธรรมดาแล้วดอกกาแฟจะออกเป็นดอกคนเดียวสมบูรณ์เพศ มีกลีบดอกไม้ประมาณ 4-9 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงมี 4-5 ใบ มีเกสร 5 อัน แล้วก็มีรังไข่ 2 ห้อง ในแต่ละห้องของรังไข่จะมีไข่ 1 ใบ ผลกาแฟก็เลยมีเมล็ด 2 เม็ด ดอกจะออกเป็นกลุ่มๆรอบๆโคนใบบนข้อของกิ่งกิ่งก้านสาขาที่1, 2 หรือ 3 กลุ่มดอกแต่ละข้อจะมีดอกประมาณ 2-20 ดอก ดอกจะออกจากกิ่งแขนงจากข้อที่อยู่ใกล้กับลำต้นออกไปหาปลายกิ่งกิ้งก้าน โดยธรรมดาแล้วต้นกาแฟจะออกดอกตามข้อของกิ่ง ข้อที่ผลิดอกออกผลแล้วในปีหน้าก็จะไม่ออกดอกรวมทั้งได้ผลอีก ผลกาแฟ ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงรี ก้านผลสั้น ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม แล้วก็สีแดง ผลกาแฟจะมีเปลือก เนื้อที่มีสีเหลือง (เมื่อสุกมีรสหวาน) แล้วก็กะลาที่หุ้มห่อเม็ด ช่วงระหว่างกะลากับเมล็ดจะมีเยื่อบางๆที่ห่อเม็ดอยู่ ซึ่งพวกเราเรียกว่า “เยื่อหุ้มเม็ด” ในแต่ละผลจะมี 2 เมล็ดแทบกันกันอยู่ ก้านที่ตามติดกันจะอยู่ด้านในมีลักษณะแบน มีร่องตรงกลางเม็ด 1 ร่อง ส่วนภายนอกโค้ง รูปแบบของเม็ดจะเป็นเม็ดลำพังหรือเมล็ดโทน ในบางครั้งถ้าหากการผสมเกสรไม่สมบูรณ์ จะทำให้ผลติดเม็ดเพียงแค่เม็ดเดียว (คิดเป็นราว 5-10%) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรูปกลมรีเมล็ด มีร่องกึ่งกลาง 1 ร่อง เมล็ดจำพวกนี้จะเรียกว่า “พีเบอร์ปรี่“ จุดเด่นของกาแฟโรบัสต้า โดยส่วนมากแล้วพวกเราจะนำกาแฟโรบัสต้ามาผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือเอามาผสมกับกาแฟอาราบิก้าบางส่วน เพื่อผลิตเป็นกาแฟคั่วบดให้มีรสชาติที่ผิดแผกออกไป สำหรับกาแฟโรบัสต้านั้นมีคุณลักษณะเด่นในเรื่องของบอดี้ เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่ม เปียกคอ กาแฟจำพวกนี้จะมีปริมาณของคาเฟอีนสูงขึ้นยิ่งกว่ากาแฟอาราบิก้าเป็น 2 เท่า กาแฟโรบัสต้าในประเทศไทยจะมีการเพาะกันมากมายทางภาคใต้บนพื้นที่ราบ อาทิเช่นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรวมทั้งจังหวัดชุมพร Drip : กระบวนการนี้เกิดขึ้นมาประมาณปี คริสต์ศักราช 1905 ในเยอรมันนีซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ก็ได้มีชื่อเสียงอย่างมากมายของคนซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถูกใจชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน แนวทางการชงกาแฟแบบ Drip : จะทำโดยการใช้น้ำร้อนหรือหยดน้ำร้อนผ่านกาแฟบด จากนั้นให้ของเหลวผ่านกระดาษกรอกหรือ filter สำหรับที่ใช้ชงกาแฟแบบ drip ลงไปยังภาชนะรองรับ ซึ่งเมื่อผ่าน filter อาจจะมีการเสียรสไปบ้างแต่ว่าไม่มาก ซึ่งถือได้ว่าแนวทางที่ง่ายเหมาะกับทำที่บ้านได้ด้วยตัวเอง สามารถใช้ได้กับการชงกาแฟในจำนวนมากกว่า 1 แก้วได้อย่างสบาย โดยจะมีเครื่องต้มกาแฟ ชื่อ drip maker หรือ coffee machine ที่หาซื้อได้ไม่ยาก French Press : วิธีการนี้เกิดขึ้นราวปี 1850 โดยดีไซน์เนอร์ชาวอิตาเลียน การชงกาแฟโดยวิธีการแบบนี้นั้น จะต้องมีเครื่องชงกาแฟแบบ French press ซึ่งหาซื้อได้อย่างง่ายๆตามตลาด ทำให้ได้รสของกาแฟที่จริงจริงแต่ไม่ต้องวิตกกังวลกับเศษหรือกากกาแฟที่หลุดลอดออกมานะเพราะว่านั่น เป็นเสน่ืห์ของวิธีแบบนี้ ซึ่งกาแฟที่ได้จะไม่ clean เท่าแบบ Drip ก็ไม่ต้องตกอกตกใจ กรรมวิธีชงกาแฟแบบ French Press : ก็ไม่ยุ่งยาก ขั้นที่ 1 : เราควรมีกาแฟบดก่อนซึ่งจะต้องใช้กาแฟบดที่หยาบคายหน่อยนะเนื่องจากถ้าเราบดละเอียดมากเลย ผงกาแฟจะหลุดลอดตะแกรงของเครื่องชงได้ ขั้นที่ 2 : เติมผงกาแฟบดลงไปในเครื่องชง ใช้กาแฟราวๆ 7 กรัม ขั้นที่ 3 : เพิ่มเติมน้ำร้อนลงไปโดยประมาณ 1/3 ของแก้วรอคอยให้กาแฟซึมน้ำซัก 30-40 วินาที แล้วต่อจากนั้นเพิ่มน้ำร้อนเข้าไปจนเต็ม ขั้นที่ 4 : เอาฝามาปิด อย่าลืมนะก่อนปิดฝาให้ดึงที่กรองขึ้นจนสุดก่อน ปิดฝาทิ้งเอาไว้ประมาณ 4 นาที ขั้นที่ 5 : กดตะแกรงลงมาเพื่อดันเศษกาแฟลงไปข้างล่างจากนั้นก็รินใส่ถ้วยกินได้ทันทีเลย Espresso : แนวทางการนี้เกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1901 ในเมืองไม่ลาน ประเทศอิตาลี หลายๆท่านอาจจะเคยชินกับชื่อนี้อย่างใหญ่โต และอาจจะมีการเกิดความสับสนเหมือนผมในครั้งที่แล้วว่า มันเป็น ชื่อชนิดกาแฟ หรือไม่ก็สูตรกาแฟดำที่ชื่อ เอสเปรสโซ่ ที่จริงแล้ว Espresso ชื่อนี้เป็นวิธีการชงกาแฟ มาจากภาษาละตินที่มีความหมายว่า ดัน หรือ กด และกาแฟที่ได้จากเครื่องนี้ก็จะเรียกว่า “กาแฟเอสเปรสโซ่” ซึ่งก็จะฯลฯทางของการทำกาแฟสูตรต่างๆดังเช่น Latte, Mocha, Cappuccino, Macchiato หรือ Espresso con Panna ฯลฯ Chemex : แนวทางแบบนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ซึ่ง ไม่ค่อยแพร่หลายมากแค่ไหน โดย Chemexหมายถึงกรวยชงกาแฟชนิดหนึ่ง โดยลักษณะซึ่งคล้ายๆกับการ Drip ที่ใช้น้ำร้อนเทใส่ผงกาแฟและผ่านกระดาษกรองลงไป แต่ว่ากรรมวิธีนี้เป็นศิลป์อย่างหนึ่งที่ทุกขั้นตอนจะทำด้วยมือตั้งแต่การบดจะไปถึงการเทน้ำร้อนใส่ผงกาแฟ Cupping : ขั้นตอนการนี้ใช้สำหรับนักชิมกาแฟ หรือ Master Taster โดยก่อนที่ผู้สร้างกาแฟจะส่งขายไปยังผู้ซื้อต้องมีการลองกาแฟก่อน ซึ่งผู้ชิมกาแฟก็จะชงกาแฟด้วยวิธี Cuppingหมายถึงบดกาแฟที่อยากได้ชิมรสชาติ อาทิเช่น กาแฟ 1 จำพวกก็จะคั่ว 3 ระดับเป็น อ่อน กึ่งกลาง รวมทั้ง เข้ม แล้วหลังจากนั้นก็เอามาบดแล้วใส่ผงกาแฟลงในถ้วยแก้ว 3 ถ้วยแล้วหลังจากนั้นก็เพิ่มเติมน้ำร้อนลงไป พอถึงกับขนาดตอนการลอง เค้าก็จะเอาช้อนปาดหรือตักผงกาแฟที่ลอยอยู่ออกรวมทั้งเริ่มทำการลองกาแฟได้เลย สรรพคุณของกาแฟ
การออกแบบด้วยนักออกแบบนั้นนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการก่อสร้างบ้าน สถาปนิกที่เก่ง จะช่วยแก้ไขปัญหาการจัดสรรพื้นที่ ช่วยทำให้บ้านของเราสวยสดงดงาม มีสไตล์ แถมยังอยู่สบายสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยในบ้าน แต่ว่าหากอยากได้สร้างบ้านข้างหลังเล็ก เน้นย้ำการอาศัยอย่างง่าย การออกแบบบ้านด้วยตนเองเป็นอีกหนึ่งแนวทางซึ่งสามารถทำได้ สาระสำคัญเป็นการติดต่อสื่อสารกับช่างก่อสร้างให้ได้รู้ถึงสิ่งที่ต้องการของเราเอง รวมทั้งกระบวนการสื่อสารที่ง่ายที่สุดสำหรับการสร้างบ้าน โน่นเป็นการวาดแปลนบ้านนั่นเองนะครับ สำหรับวันนี้ “บ้านไอเดีย” ขอนำแนวทางดีไซน์บ้านด้วยตนเองอย่างง่าย โดยจะย้ำไปถึงการจัดสรรพื้นที่ พร้อมทั้งวาดผังแบบแปลนข้างในบ้านด้วยตัวเอง เพื่อนำแบบแปลนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นไปให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรืออาจส่งต่อให้คนเขียนแบบวาดแบบแปลนมาตรฐาน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเป็นแปลนบ้านใช้งานจริงกันขอรับ 1. สำรวจที่ดิน : ก่อนจะถึงขั้นตอนการออกแบบบ้าน อย่างแรกที่สำคัญมากมายก่ายกองเป็นการศึกษาแปลงที่ดินของเราเองให้ละเอียด ที่ดินมีหน้ากว้างกี่เมตร ลึกกี่เมตร ทิศไหนอยู่ด้านไหนบ้าง การสำรวจแนวทางนี้เพื่อจะให้พวกเราได้วางแผนผังบ้านได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ ลมและแสงอาทิตย์ ขนาดของที่ดินยังบอกถึงขนาดและทรงของบ้าน ดังเช่นว่า มีที่ดิน 40 ตร.มัธยม แต่อยากได้พื้นที่ใช้สอย 200 ตำรวจม แน่ๆว่าต้องดีไซน์เป็นบ้าน 2 ชั้นเพียงแค่นั้น และการออกแบบต้องเผื่อขอบเขตระยะร่นตามกฎหมายกำหนดไว้ (อ่านกฎหมายระยะร่น) 2. ระบุสไตล์ : การเลือกสไตล์ของบ้าน เป็นการระบุขอบเขต จุดมุ่งหมาย เพื่อจินตนาการของสิ่งที่ต้องการมีความแจ่มกระจ่างมากขึ้น นักอ่านบางทีอาจขับขี่รถท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆพักรีสอร์ท เลิศบ้านเพื่อนฝูง หรือถ้าให้สะดวกหน่อยก็เพียงคลิกเข้าชมเว็บไซต์บ้านไอเดีย ตัวอย่างบ้านเหล่านี้พวกเราสามารถนำมาประยุกต์ ระบุกรรมวิธีออกแบบบ้านในฝันของเราได้ แต่ว่าต้องขอย้ำให้ทราบกันก่อนว่า เราสามารถนำออกแบบมาดัดแปลงได้ แต่ไม่อาจจะไปลอกแบบได้นะครับ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองแบบโดยตรง โดยธรรมดาแล้วสไตล์ของบ้านมีออกจะนานัปการ ทั้งยังไทยประยุกต์ , Vintage , Loft , Minimal , Tropical , หรือบางทีอาจเลือกเอกลักษณ์ของบ้านจากต่างประเทศ เช่น บ้านสไตล์ทัสคานี ฯลฯ ทั้งสิ้นนี้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนประกอบที่เช่นเดียวกัน ไม่จำเป็นที่ต้องเป๊ะ พวกเราบางทีอาจประสมประสานรวมแต่ละสไตล์ เลือกจุดที่ถูกใจเอามาปรับใช้เพื่อให้แปลงเป็นสไตล์ของพวกเราเองได้เช่นเดียวกันครับผม พบเจอที่ใด ถ่ายภาพเก็บไว้ หรือถ้าหากถูกใจแบบอย่างแบบบ้านในเว็บบ้านไอเดีย ก็อาจจะเซฟลิงค์เก็บไว้ เผื่อตอนใช้งานจริงจะได้ค้นหาข้อมูลเจอ การเลือกสไตล์บ้านที่ดี นอกเหนือจากความชื่นชมส่วนตัวแล้ว สถานที่ทำการก่อสร้างเป็นสิ่งที่จำเป็น ควรดีไซน์บ้านให้เหมาะสม สอดคล้องหรือดูกับสถานที่ ชุมชนที่พักที่อาศัยด้วยครับ 3. เขียนสิ่งที่จำเป็นลงไป : ก่อนที่จะมีการวางแบบสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก เป็นการวิเคราะห์สิ่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้จะต้องพูดคุยกันอีกทั้งครอบครัว มีสมาชิกกี่คน อยากได้อะไรบ้าง อยากได้แบบไหน มีเฉียง ระเบียงระเบียง มีกี่ห้องนอน กี่ห้องอาบน้ำ เป็นคนชอบทำครัวหรือไม่ ห้องรับแขก ห้องดูทีวี ห้องทำงาน โจทย์กลุ่มนี้แต่ละบ้านย่อมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปรารถนาหลักเบื้องต้น ตัวอย่างเช่น ปริมาณห้องนอน ห้องสุขา ฯลฯ 4. ระบุขนาด : เมื่อทราบความจำเป็นแล้ว ระบุขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละห้องลงไป ต้องการให้กว้าง ยาว กี่เมตร การกำหนดขนาดแต่ละห้องจะช่วยทำให้สามารถวิเคราะห์หาพื้นที่ใช้สอยรวมเบ็ดเสร็จได้ ผลพินิจพิจารณานี้จะทำให้การออกแบบบ้านกระจ่างแจ้งเพิ่มขึ้น และก็ยังช่วยทำให้เราทราบอีกว่า เราควรจะสร้างบ้านกี่ชั้นถึงจะเหมาะสม ถ้ามีที่ดินอยู่แล้วจำเป็นต้องวางแบบให้สอดคล้องกับที่ดิน แต่ถ้าเกิดยังไม่มีที่ดิน การกำหนดขนาดพื้นที่ใช้สอย จะก่อให้พวกเราหาซื้อที่ดินได้ตามขนาดที่ต้องการ การกำหนดขนาดนี้ยังสามารถนำไปอิงกับการประเมินราคาก่อสร้างได้อีกด้วยครับ 5. กำหนดตำแหน่ง ทิศทาง : การออกแบบแผนผังบ้านที่ดีควรจะออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อการอยู่อาศัยข้างในบ้านเป็นไปอย่างเหมาะควรที่สุด โดยรวมแล้วจะนึกถึงทิศทางของแสงอาทิตย์ แล้วก็แนวทางลม โดยแสงอาทิตย์จะส่องมากมายในทิศตะวันตก ทิศใต้ ห้องที่อยากแสงสว่างมากมาย เป็นห้องที่อยากกำจัดความชุ่มชื้น ได้แก่ ห้องอาบน้ำ ห้องครัว ห้องล้าง ส่วนห้องที่อยากแสงพอเพียงเหมาะสม ดังเช่น ห้องนอน , ห้องรับแขก , ห้องทำงาน , ห้องดูหนัง ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดแสงมากจนเกินความจำเป็นบางทีอาจหมายความว่าความร้อนที่มากขึ้นเช่นกันขอรับ 6. สำหรับทิศทางลม ลมมีสองแนวทางหลัก ทิศเหนือและก็ทิศใต้ขึ้นกับฤดูกาล (ทิศใต้มีลมเข้า 8-9 เดือน ทิศเหนือ 2-3 เดือน) ซึ่งถ้าหากอ้างอิงร่วมกับทิศทางแดด แดดทางด้านทิศใต้จะค่อนข้างจะแรงเกือบจะทั้งวัน ส่วนทิศเหนือแดดจะร่มแทบตลอดวัน คนไทยก็เลยนิยมสร้างบ้านให้หันไปทางทิศเหนือ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เลือกหันไปทางด้านทิศใต้ เพื่อต้องการรับกระแสลมเกือบจะตลอดทั้งปี ดังนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อกำหนดแต่อย่างใด ด้วยเหตุว่าการใช้งานของแต่ละบ้านนั้นแตกต่าง บางคนอาจดีไซน์เพื่อเน้นการใช้ข้างบ้าน , หลังบ้าน ก็ขึ้นอยู่กับการใช้แรงงานจริงด้วยนะครับ 7. ลองวาด : วัสดุพื้นฐานที่สุดที่ใช้สำหรับในการวาดแบบแปลน คือ ดินสอ + กระดาษ A4 หรือผู้อ่านถนัดใช้เครื่องไม้เครื่องมือใดก็สามารถเลือกได้ตามอยาก วาดด้วยมือหรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มาช่วยก็สามารถทำเป็นเช่นเดียวกันขอรับ วิธีการวาดแปลน วาดเป็นมุมภาพ 2D โดยให้ระลึกถึงการมองภาพที่เอามาจากบนหลังคาบ้าน ซึ่งอาจต้องทำความเข้าใจกับสัญลักษณ์เบื้องต้นกันสักนิด ได้แก่ ประตู หน้าต่าง ส่วนห้องอื่นๆสามารถวาดเป็นสี่เหลี่ยมในแบบห้องทั่วๆไป ดังนี้แม้นักอ่านไม่รู้เรื่องเครื่องหมาย ก็ไม่เป็นปัญหาใด แค่เพียงวาดและก็เขียนคำชี้แจงประกอบร่วมด้วย ให้พอติดต่อได้ตรงกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปคุยกับช่างรับเหมาได้แล้วครับผม ข้อควรรู้ก่อนที่จะมีการสร้างบ้าน สถานที่ตั้งบ้าน จุดสำคัญของสถานที่ตั้งบ้านนั้นเป็นความสำคัญลำดับแรกที่พวกเราจะต้องคิดก่อนจะสร้างบ้าน เนื่องจากว่าเราจำเป็นต้องคิดถึงการเดินทางระหว่าง บ้านไปยัง สถานที่ทำงาน,สถานศึกษา ,ตลาด,ศุนย์การค้าขาย,สถานีรถไฟฟ้า,ราคาที่ดิน เป็นต้น ในยุคเก่าทำเลที่ดีคือทำเลที่จำเป็นต้องอยู่กลางเมืองเหตุเพราะระบบรถยนต์สาธารณะยังไม่ครอบคลุมราวกับอย่างตอนนี้ ทำให้ผู้คนต่างก็ไปกระจุกกันอยู่ในเมืองเพียงอย่างเดียว ไม่ถูกกับเดี๋ยวนี้ที่ทำเลที่ดีคือทำเลที่อยู่ไกล้รถไฟฟ้า, ก่อนที่จะพวกเราจะนึกถึงการสร้างบ้านพวกเราควรต้องมองหาบริเวณที่เราสามาถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะพวกนี้ได้อย่างสะดวกที่สุด รวมทั้งความปลอดภัยของเขตที่อยู่ที่จำต้องไม่มองเปลี่ยวจนเกินความจำเป็น ในกลางคืนอีกด้วย ดังเช่นการซื้อบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านบางครั้งอาจจะรู้สึกอุ่นใจกว่าการผลิตบ้านเดียวที่แต่ละข้างหลังตั้งอยู่ห่างกันจำนวนมากฯลฯ และอย่ามุ่งมาดกับแผนการต่างๆที่ยังไม่รู้ว่าจะกำเนิดเมื่อไรหรือกำเนิดจริงๆหรือเปล่าก็ไม่เคยรู้อาทิเช่น รอบๆนั้นจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆผ่าน ทางด่วน หรือ หนทางผ่าน เนื่องจากพวกเราไม่อาจรับประกันได้ว่ามันจะกำเนิดเมื่อไหร่(นอกจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร) ควรที่จะทำการเลือกจากภาวะปัจจุบันนี้ที่เยี่ยมที่สุด จะดีกว่าครับผม จะกลบดินสูงขนาดไหนดีนะ อันนี้เป็นปัญหายอดฮิตก่อนจะมีการสร้างบ้านเลยทีเดียว บางคนบอก 50 ซึม บ้างก็ว่า 30 ซม ก็พอแล้วบางบุคคลบอก 1 เมตรไปเลย แล้วจริงๆมันควรกลบมากแค่ไหนหละ คำตอบของหัวข้อนี้คือ สุดแต่ความชอบขอรับไม่มีการกำหนดที่แน่นอนเพียงมันจะต้องสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางหน้าบ้านพวกเรา ประมาณ 50 ซึม ก็พอเพียง แต่หากถนนหน้าบ้านเป็นถนนดินแดงก็ให้เพิ่มความสูงของระดับดินถมเป็น 1 มัธยมเพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนหนทางที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากการลาดยางหรือทำถนนคอนกรีตในอนาคตนั้นเอง อีกต้นเหตุนึงคือระดับน้ำท่วมสูงสุดในบริเวณนั้น ถ้าเกิดสามารถหาข้อมูลได้พวกเราก็ควรจะกลบที่ดินให้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าระดับดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นโดยประมาณ 50 เซนติเมตรขึ้นไป การถมดินเพื่อก่อสร้างบ้านเจ้าของบ้านจำเป็นจะต้องเผื่อการยุบตัวของดินด้วยครับผม เป็นเพื่มปริมาณดินถมสูงขึ้นไปอีก 30 % เพื่อเผื่อให้ดินได้เซ็ตตัวหรือยุบ นั้นเอง อย่างเช่น จะถมดินสูง 50 ซึม แต่ว่าให้ถมดินไว้ที่ระดับ65 ซมนั้นเอง และก็ควรจะกลบดินไว้ก่อนการสร้างบ้านอย่างต่ำ 4-6 เดือนยิ่งทิ้งไว้ผ่านหน้าฝนซักครั้งจะยิ่งทำให้ดินแน่นมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ลดปัญหาดินทรุดข้างหลังสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี แนวทางแดดลม กับ การวางตำแหน่งบ้าน ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจจะมีความรู้สึกว่าไอ้เรื่องเหล่านี้ มันจะสำคัญอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียวนักจะปลูกเรือนตรงไหนมันก็มีลมทั้งนั้นแหละ แล้วก็ที่สำคัญพวกเราก็เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวันอยู่แล้วมองไม่เห็นมีอะไรน่าวิตก ผู้ใดกำลังมีความนึกคิดแบบงี้มั้งครับผม ถ้าเกิดมีชี้แนะว่าให้อ่านประเด็นนี้ก่อนและหลังจากนั้นก็ค่อยมาคิดอีกทีครับผม เพราะอะไรจะต้องมองทิศทางแดด-ลม ก่อนการวางตำแหน่งบ้าน ก็เนื่องจากว่าพวกเราคงไม่ได้อยากนอนในห้องนอนที่แสนจะร้อนในยามค่ำคืนหรือจะต้องอับอึดอัดอยู่ในบ้านที่ไม่มีลมระบายเลย เรื่องพวกนี้ค่อนข้างประณีตบรรจง มีข้อสังเกตุหลายแบบสำหรับการวางตำแหน่งบ้านเพื่อบ้านหลังเป็นบ้านที่อยู่อย่างสบาย เป็นสุข รวมทั้งลดการใช้พลังงาน ธรรมดาแดดของบ้านเราจะวิ่งเป็นแนวทิศตะวันออกแล้วอ้อมโค้งไปตอนใต้ก่อนจะตกในทิศตะวันตก จะทำให้ทิศใต้ไปจนถึงทิศตะวันตกได้รับแสงเยอะที่สุดของวันเป็นตั้งแต่หลังเที่ยงไปจนถึงห้านาฬิกาเย็น ด้านนี้จำเป็นจะต้องเป็นส่วนหลังบ้านและส่วนซักล้างหรือกิจกรรมอื่นที่อยากได้แสงไม่น้อยเลยทีเดียวๆส่วนทางทิศตะวันออกจะได้รับแสงสลัวๆในรุ่งเช้าและก็แสงสว่างจะแรงมากมายแค่เพียงตอน 10 โมงรุ่งเช้าจนถึงเที่ยงซึ่งก็แค่เพียง 3 ชม ยิ่งทิศเหนือแล้วยิ่งได้รับแดดน้อยที่สุด 2 ด้านนี้จึงเหมาจะวางตำแหน่งของห้องพักผ่อนที่ต้องการแสงรบกวนน้อย ดังเช่น ห้องนอนรวมทั้งห้องนั่งเล่น พวกเรานิยมวางแนวด้านแคบของตัวบ้านหันไปทางแนวทางรับแดด เพื่อผนังที่รับแดดมีน้อยที่สุด ทำให้ผนังสามาถดูดกลืนความร้อนในจำนวนน้อยและทำให้ภายในบ้านไม่ร้อนจนถึงเกินความจำเป็นในตอนกลางคืน ด้วยเหตุว่าธรรมชาติของฝาผนังปูนนั้นจะดูดความร้อนเมื่อแดดส่องและก็จะระบายความร้อนออกมาในช่วงเวลาค่ำคืน เพราะฉะนั้นถ้าฝาผนังบ้านถูกแดดตะวันตกน้อยก็จะมีผลให้ความร้อนที่จะถ่ายออกมาค่ำคืนมีน้อยเช่นกัน ส่วนลมนั้นลมประจำฤดูของบ้านพวกเราจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะพัดพาอากาศหนาวจากจีนมาในช่วงหน้าหนาว รวมทั้ง จากทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะพัดพาความชุ่มชื้นจากทะเลมาในฤดูร้อนและก็ฤดูฝน บ้านที่ดีด้านยาวของบ้านจำเป็นที่จะต้องหันเข้าพบแนวทางลมเพื่อให้ลมธรรมชาติพัดเข้าตัวบ้านเพื่อระบายความร้อนออกไปให้ได้มากที่สุดแล้วก็ส่งผลให้อดออมค่าไฟสำหรับแอร์ภายในบ้านเป็นต้น ออกแบบ เพื่อนำเสนอห้าง โครงการ : ร้านอาหาร / เครื่องดื่ม style : cottage style พื้นที่ใช้สอย : 40 ตร.ม. ค่าออกแบบ : 220 บ./ตร.ม. (https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/22861798_1646698002027186_1523681800247270995_o.jpg?oh=36b0f5c6357873ca419cdeba06e63c77&oe=5A97A183)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/23000402_1646697858693867_1417914445273787163_o.jpg?oh=b2b7fde86a9cca98c83a0bcb38181638&oe=5A94DDD9)(https://scontent.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/22829723_1646698065360513_8222756933322651231_o.jpg?oh=e51195335c0844bf7725a727809722c9&oe=5AD0CA38) รับทำออกแบบ Design & RE-NOVATE BUILD มีจำลอง3D ติดต่อ สาขากทม. 098 292 4496 หัวหิน 094 982 2636 เครดิตบทความจาก : http://www.alldecorate.com/ Tags : ออกแบบเคาน์เตอร์,ตกแต่งร้านกาแฟ,รับออกแบบบ้าน
|