หัวข้อ: ผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคืองง่าย ไม่เหมือนกัน อย่าสับสน เริ่มหัวข้อโดย: Navaphon11991 ที่ พฤษภาคม 04, 2018, 08:32:11 am จะลองใช้ครีมที่ซื้อมาใหม่ มีวิธีทดสอบอย่างไร ว่าเราจะแพ้มั้ย
วิธีทดสอบว่าเราจะแพ้ผลิตภัณฑ์หรือสารดังกล่าวหรือไม่ ทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธี Open patch test ดังนี้ ทาผลิตภัณฑ์นั้นบางๆ บริเวณท้องแขนด้านใดด้านหนึ่ง วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ทาจุดเดิมทุกครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน หรือเพิ่มเป็น 7 วันเพื่อความแน่นอน ถ้ามีอาการคันหรือผื่นทั่วบริเวณที่ทา ในระหว่างการทดสอบ สรุปได้ว่าคุณอาจแพ้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ห้ามเอามาทาหน้าเด็ดขาด ผิวแพ้ง่าย[/b] วิธีนี้เป็นการทดสอบเบื้องต้น โดยดูผลที่ 3-7 วัน แต่ก็มีรายงานว่าการแพ้บางอย่างในบางคนใช้เวลานานกว่านั้น เช่น เริ่มมีอาการแพ้หลังใช้ติดต่อกันไปแล้วหลายเดือนหรือเป็นปีและหลังจากนั้นก็ มีอาการทุกครั้งที่ใช้ หมายถึงถ้าได้แพ้แล้ว ใช้ซ้ำอีกกี่ครั้งก็แพ้ตลอด อาการผิดปกติจากการใช้เครื่องสำอางมี 2 ประเภทหลักๆ 1. การระคายเคือง Irritant contact dermatitis : พบได้ 80-90% เลยทีเดียวและมักเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ ไม่่ใช่แค่เราคนเดียว คนอื่นๆใช้ก็มีอาการเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า ครีมนั้นๆอาจมีส่วนผสมของสารบางชนิดที่ก่อการระคายเคือง การระคายเคืองขึ้นกับ
กลุ่มเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายกว่าคนทั่วไป การดูแลผิวให้ถูกต้อง เน้นเสริมสร้าง skin barrier จะช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและทนต่อการระคายเคืองได้ดีขึ้น [/*]
ก็จะรู้สึกแสบยิบๆเหมือนโดนเข็มแทง [/*][/list]2. การแพ้ Allergic contact dermatitis : พบเพียง 10-20% การแพ้ถือเป็นปฏิกิริยาส่วนบุคคล ผิวของแต่ละคนก็แพ้สารแตกต่างกันไป การจะรู้ว่าตนนั้นแพ้สารเคมีตัวไหน ต้องทำการทดสอบในห้องแลบของ รพ. เรียกว่าการทำ patch test คำถามที่ว่า ครีมนี้หนูใช้ได้มั๊ย ใช้แล้วจะแพ้มั๊ย ไม่มีใครตอบได้ หมอที่เก่งที่สุดในโลกก็ตอบไม่ได้ค่ะ นอกจากจะลองใช้และลองแพ้ดูสักครั้ง การทำ patch test เพื่อทดสอบหาสารที่แพ้ก่อนเป็นเรื่องที่ดี จากนั้นก็ค่อยมาเลือกเครื่องสำอางว่ามีสารที่แพ้ผสมอยู่หรือไม่ ผลการทำ patch test สามารถใช้อธิบายการแพ้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย หมายความว่า ถ้าทำ patch test ที่แผ่นหลังแล้วพบว่าเราแพ้สาร A ถ้าเอาสาร A ไปทาที่หน้า ขา แขน หรือส่วนอื่นของร่างกาย ก็จะเกิดอาการแพ้เช่นกัน ข้อควรจำ 1. ถ้าเราแพ้ ไม่ว่าจะทาผลิตภัณฑ์นั้นบนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ก็จะเกิดอาการ ผื่น บวม แดง คันได้เหมือนกันหมด ข้อนี้เป็นความแตกต่างจากการระคายเคืองที่ชัดเจน อย่างที่ได้บอกไปว่าการระคายเคืองนั้นขึ้นกับความแข็งแรงและความสมบูรณ์ของผิวหนัง บางคนกัดหน้า ใช้ยารักษาสิวมาตลอด พอมาทาครีมก็เกิดอาการระคายเคืองได้ แต่พอเอาครีมนั้นไปทาท้องแขน ทาขา ทาแผ่นหลัง กลับไม่เป็นไรเลย 2. ผิวจะแข็งแรงสมบูรณ์หรือบางอ่อนแอ ก็แพ้ได้เหมือนกัน : การแพ้ไม่ได้ขึ้นกับว่าคุณจะมีผิวแข็งแรงหรือบางอ่อนแอ แต่คนที่ผิวบางอ่อนแอและกำลังเกิดการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์บางอย่าง กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น 3. แค่ความเข้มข้นน้อยๆก็แพ้ได้ : ไม่ต้องทาเยอะ ทาบางๆก็แพ้ เพียงความเข้มข้นต่ำๆก็สามารถกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดีต่อต้านได้ อาการแพ้ ที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือ ผื่นแดง คัน บางคนอาจพัฒนาเป็นสิวและลุกลาม ควรแยกการแพ้และการระคายเคืองให้ออก แม้จะเป็นอะไรที่แยกยาก เพราะอาการใกล้เคียงกันมาก แต่ก็อยากให้พยายามแยกให้ได้ โดยหาเหตุผล เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ใช้กับอาการที่เกิดขึ้น จะได้ป้องกันตัวเองได้ถูกและไม่เป็นการปิดโอกาสตัวเองที่จะได้ใช้สกินแคร์ตัวอื่น เคยเจอหลายคน บอกว่าตัวเองแพ้วิตามินซี อะไรที่ผสมวิตามินซี ใช้ไม่ได้เลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว แพ้ส่วนผสมอื่นที่อยู่ในสูตร แม้หลายคนจะบอกว่าตนเองมีผิวหน้ามัน ผิวผสม ผิวธรรมดา หรือบางครามีผิวแห้ง แต่คุณทราบหรือไม่ว่า มีเจ้าสภาพผิวประเภทหนึ่งที่สามารถมาเยือนคุณได้ทุกเมื่อคือ ผิวแพ้ง่าย ผิวแพ้ง่าย[/b]พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงไทยกว่า 50% มีผิวที่แพ้ง่าย ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากชั้นไขมันปกป้องผิวถูกทำลายจากสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะแสงแดดหรือมลภาวะ หรือการใช้สารเคมีต่างๆบนผิวหนัง จนเกราะป้องกันผิวหนังอ่อนแอลง เป็นเหตุให้สารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองเข้าสู่ผิวได้ง่าย อาการผิวแห้งและระคายเคืองจึงตามมา สาเหตุของผิวแพ้ง่ายเกิดจากความไม่สมดุลและความไม่แข็งแรงของผิว อันได้แก่ ผิวหน้าที่ขาดน้ำ สังเกตได้จากการเกิดริ้วรอยเล็กๆ ที่ฟ้องว่าความชุ่มชื้นใต้ผิวหนังไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ผิวแตก อายุที่มากขึ้นมีแนวโน้มที่ผิวจะมีความอ่อนไหวมากขึ้น และปัจจัยภายนอกเช่นแสงแดดและมลภาวะ เป็นต้น แม้บางคนจะเคยมีผิวแข็งแรงมาตลอด แต่ก็มีโอกาสมีผิวที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ผิวแพ้ง่ายได้ ทั้งจากสารเคมี มลภาวะ ผิวสูญเสียน้ำ เกราะป้องกันผิวทำงานไม่เต็มที่ โดยอาการที่บ่งบอกว่าคุณมีผิวแพ้ง่าย คือ ผื่น แดง อาการบวม ผิวแตก แห้ง หยาบ กร้าน ลอกเป็นขุย คัน หรือบางกรณีมีอาการแสบตึงร่วมด้วย [img width=600,height=445]https://s.isanook.com/wo/0/ud/8/40377/14383255201438325651l.jpg[/img] ฟิซิโอเจล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการดูแลผิวที่ล้ำหน้าด้วยความเข้าใจในโครงสร้างและความต้องการของผิวอย่างแท้จริง จึงขอมอบวิธีการกู้ภัยผิวหน้าจากอาการแพ้ง่าย มี 5 ขั้นตอนและหากทำอย่างเคร่งครัด ก็เชื่อเลยว่าผิวคุณจะกลับมาสดใสแข็งแรงได้สบาย 1.หลีกเลี่ยงจากสาเหตุตัวการทำให้แพ้ : ให้ลองฝึกสังเกตว่าอาการแพ้ผื่น สิวผด คัน ลอก ขุย ฯลฯ มาเมื่อคุณทำพฤติกรรมใด แล้วทดลองหยุดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น เช่น เปลี่ยนครีมทาหน้าใหม่ เปลี่ยนน้ำหอม เปลี่ยนอาหารการกิน วิตามินหรือยา? เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ที่นอน หรือสภาพอากาศ แล้วหันมาใช้ครีมบำรุงที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ปราศจากน้ำหอม ไม่มีการแต่งสี สารเคมีที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และสำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 2.งดการขัดผิว และทำทรีทเม้นท์บนใบหน้า :สาวๆ บางคนเมื่อมีอาการแพ้ ผื่นขึ้น ผิวหน้าลอก สิวบุก จะเข้าใจว่าต้องรีบเยียวยาหนังหน้าด่วนจี๋ ระดมทรีทเม้นใส่อาหารผิว ทั้งนวดทั้งขัดไม่ยั้งหวังจะให้ผิวกลับมาแข็งแรงโดยไว แต่หารู้ไม่ว่าการขัดผิวหน้า จะทำให้ชั้นไขมันปกป้องผิว (Skin lipid barrier) ถูกทำลาย ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้นไปอีก(จริงอยู่ที่เราควรขัดผิวเพื่อผลัดเซลส์ผิวใหม่บ้างแต่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจว่า ห้ามทำในช่วงที่ผิวไม่แข็งแรงนะจ๊ะ) 3.ห่างไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และบุหรี่ : งานวิจัยหลายฉบับพบว่าการสูบบุหรี่มีผลเสียต่อผิว ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ปัญหาสิว และเป็นต้นตอของมะเร็วผิวหนัง เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระทำลายโครงสร้างของผิวในชั้นเซลส์ ทั้งยังลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในส่วนของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นั้น จะส่งผลให้ร่างกายปัสสาวะบ่อย ขาดน้ำ ทั้งยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินบีทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการคันตามผิวหนัง ยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดการเกา (ในช่วงมึนเมา ฮาาาาา…) ทำให้อาการแพ้ลุกลาม 4.หลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดด : บางคนเมื่ออกแดดรู้สึกว่าผิวมีอาการระคายเคือง เกิดอาการคันนั้น อาจเกิดจากผิวหน้ามีอาการแพ้แดด โดยอาการจะคล้ายคลึงกับอาการผิวแพ้ง่ายทั่วไป พบร่วมกับอาการผิวแดง คัน อาจมีตุ่ม ผื่น หรือพุพองร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรังสียูวี ดังนั้นจึงควรหมั่นทาครีมกันแดดในช่วงระหว่าง 10.00 – 15.00 น. โดยควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายปราศจากสารระคายเคืองผิว เช่น น้ำหอม แนะนำควรเลือกครีมกันแดดแบบเนื้อเจลที่ปราศจากความมันทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น เนียนนุ่ม และไม่ก่อให้เกิดสิว โดยเลือกค่า SPF ตั้งแต่ 40 PA+++ ขึ้นไป เพื่อการปกป้องทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีในช่วงกว้าง ไม่เสื่อมสลายเร็วเมื่อโดนแสง 5.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ “ใช่” กู้ภัยหนังหน้าพัง : มาถึงตรงนี้หลายคนใจร้อน อยากให้ฟันธงกันมาเลยว่าควรใช้ครีมอะไร ซึ่งผู้เขียนแนะนำได้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือควรเลือกครีมที่มีค่า PH ใกล้เคียงกับผิว โดยควรใส่ใจตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า ที่อ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบางปราศจากสารสบู่ มีค่าใกล้เคียงกับน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้หน้าไม่แห้งตึง หลังจากล้างหน้า และสำหรับครีมบำรุงควรเลือกครีมที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของตัวการหลักที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ได้แก่ สี น้ำหอม และสารกันเสีย
|