หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ พฤษภาคม 10, 2018, 06:40:16 pm (https://www.img.in.th/images/18f8c710b7077d1d00ec506d1d9af604.jpg)
โรคโปลิโอ (Poliomyelitis) โรคโปลิโอคืออะไร โรคโปลิโอศึกษาค้นพบหนแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine ส่วนไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ ค.ศ. 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวแก่เด็กทั่วโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในอดีตกาลมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี เพราะนำมาซึ่งความพิกลพิการ ขา หรือ แขนลีบ และก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกรุ๊ปคนป่วยที่มีลักษณะอาการนั้นจำนวนมากจะมีอาการเพียงเล็กน้อยอย่างไม่เจาะจงแล้วก็หายได้เองภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่วัน แต่ว่าจะมีคนป่วยเพียงส่วนน้อยที่จะมีลักษณะของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าและเมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการรักษา ผู้ป่วยที่เคยมีอาการกล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อยนี้อาจจะเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนกำลังซ้ำขึ้นมาอีก รวมทั้งอาจเกิดกล้ามฝ่อลีบและเกิดความพิการของข้อตามมาได้ ในขณะนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่มีวัคซีนที่ใช้ปกป้องโรคได้ โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความจำเป็นมากมายโรคหนึ่ง เพราะเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งในรายที่อาการร้ายแรงจะมีผลให้มีความพิกลพิการชั่วชีวิต และก็บางรายบางทีอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พ.ศ. 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกำจัดโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วโลกลดน้อยลงไปๆมาๆกถึง 99% โดยต่ำลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั้งโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศ. 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังเจอโรคมากอยู่คือ ประเทศอินเดีย (400 กว่าราย) ปากีสถาน ไนจีเรีย แล้วก็อัฟกานิสถาน ส่วนในประเทศไทยไม่เจอผู้ป่วยโรคโปลิโอมาตรงเวลายาวนานหลายปีแล้ว โดยพบรายสุดท้ายในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แม้กระนั้นเด็กทุกคนยังคงจะต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรการกวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั้งโลก เพราะว่าโปลิโอเป็นโรคร้ายแรงที่สร้างความสูญเสียอีกทั้งทางด้านร่างกายและก็เศรษฐกิจ รวมทั้งปัจจุบันนี้ถึงแม้ องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับรองให้เป็นประเทศที่ปลอดโรคโปลิโอแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557 แต่ประเทศไทยยังที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ ด้วยเหตุว่ามีขอบเขตชิดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างเมียนมาร์รวมทั้งลาวที่พึ่งเจอเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พ.ศ. 2558 สาเหตุของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 รวมทั้ง 3 โดยแต่ละจำพวกอาจจะทำให้เกิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 ส่งผลให้เกิดอัมพาตและก็เกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆแล้วก็เมื่อติดเชื้อโรคแล้วจะมีภูมิต้านทานถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น เพราะฉะนั้น ตามแนวความคิดนี้แล้ว คน 1 คน บางทีอาจติดโรคได้ถึง 3 ครั้ง รวมทั้งแต่ละทัยป์ของไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น
โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในลำไส้ของคนเท่านั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในไส้ของคนที่ไม่มีภูมิต้านทานและอยู่ภายในลำไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาข้างนอก จะไม่สามารถเพิ่มได้ แล้วก็เชื้อจะอยู่ภายนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมมิได้นาน โดยเฉพาะในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) โดยประมาณ 48 ชั่วโมง อาการของโรคโปลิโอ เมื่อเชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในบริเวณ pharynx และก็ไส้ สองสามวันต่อมาก็จะกระจัดกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองรอบๆคอที่ทอนซิล และก็ที่ไส้แล้วก็ไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสเลือดไปยังไขสันหลังแล้วก็สมองโดยตรง หรือบางส่วนบางทีอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่ ติดโรคมีลักษณะอาการอักเสบมากจนถูกทำลายไป กล้ามที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปสุดท้าย ดังนี้สามารถแบ่งคนไข้โปลิโอตามกรุ๊ปอาการได้เป็น 4 กรุ๊ป คือ
ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอมักจะเจอที่ขามากยิ่งกว่าแขนและก็จะเป็นข้างเดียวมากกว่า 2 ข้าง (asymmetry) ชอบเป็นกล้ามเนื้อต้นขา หรือต้นแขนมากกว่าส่วนปลาย เป็นแบบอ่อนปวกเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้ทั่วไปคือเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามเนื้อส่วนลำตัวที่ทรวงอกและก็หน้าท้อง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับในการหายใจ ทำให้หายใจเองมิได้ อาจจนตายได้ถ้าช่วยไม่ทัน สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบมากได้ในเด็กมากกว่าคนแก่ โดยทั้งเพศชายและเพศหญิงได้โอกาสติดโรคนี้ได้เสมอกัน และก็มีโอกาสติดโรคโปลิโอได้ง่าย แม้กระนั้นมีผู้เจ็บป่วยน้อยมากที่จะมีลักษณะกล้ามอ่อนเพลีย เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเติบโตอยู่ในไส้ เชื้อก็เลยถูกขับออกจากร่างกายมาพร้อมกับอุจจาระรวมทั้งแพร่ไปสู่ผู้อื่นผ่านการกินของกินหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนเจ็บ ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากการขับถ่ายที่ผิดความถูกอนามัยและไม่ล้างมือก่อนอาหาร โรคนี้จึงพบได้บ่อยมากในประเทศที่ด้อยความเจริญแล้วก็กำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี ทั้งคนที่มิได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการตำหนิดเชื้อยิ่งขึ้นถ้าเกิดอยู่ในภายในกรุ๊ปเสี่ยงดังต่อไปนี้ หญิงมีท้องรวมทั้งผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ ได้แก่ ผู้ติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง และก็เด็กเล็กซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งจะมีการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้ เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดโรคโปลิโอ ดำเนินการในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส คนที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป กรรมวิธีการรักษาโรคโปลิโอ หมอจะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการถามไถ่อาการจากคนป่วยว่ารู้สึกเจ็บปวดรอบๆหลังและคอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจไหม ตรวจสอบปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมทั้งการตรวจทางน้ำเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในตอนระยะรุนแรงแล้วก็ระยะแอบแฝงของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG นอกจากนั้นเพื่อยืนยันให้มั่นใจอาจมีการตรวจค้นเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสารคัดเลือกหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองและก็ไขสันหลังส่งตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีคนไข้ที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบอ่อนปวกเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะจัดการสอบสวนโรค พร้อมด้วยเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่นอนเป็น แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ และก็ทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain) การเก็บอุจจาระส่งไปทำการตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จะต้องเก็บให้เร็วข้างใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่เจอมีลักษณะ AFP ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณเชื้อไวรัสในอุจจาระมากกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปตรวจจะต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโออาจตายได้ ปัจจุบันนี้โรคโปลิโอยังไม่มีแนวทางรักษาให้หายขาด หมอสามารถให้การดูแลรักษาคนป่วยตามอาการ และขณะนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยยิ่งไปกว่านั้น การดูแลรักษาจะเป็นแบบเกื้อกูล อาทิเช่น ให้ยาลดไข้ และลดอาการปวดของกล้าม ในรายที่มีลักษณะอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อแขน ขา วิธีการทำกายภาพ บำบัดรักษาจะช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น สำหรับเพื่อการรักษาผู้ป่วยกลุ่มอาการข้างหลังเกิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การรักษาหลักจะย้ำไปที่แนวทางการทำกายภาพบำบัดมากยิ่งกว่า อย่างเช่น การใส่เครื่องมือช่วยยึดลำตัว วัสดุอุปกรณ์ช่วยสำหรับเพื่อการเดิน เครื่องมือที่ช่วยคุ้มครองข้อบิดผิดรูปหรือบางทีอาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกหัดพูดและก็ฝึกกลืนในผู้ป่วยที่มีปัญหา การออกกำลังกายที่ย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายใต้ข้อเสนอแนะที่ถูกต้องจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้เครื่องช่วยหายใจในขณะหลับแม้คนเจ็บมีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ รวมถึงการดูแลทางด้านอารมณ์และจิตใจของผู้เจ็บป่วยร่วมด้วย (https://www.img.in.th/images/ecb52da55bc6ce9453747ea3c308ae99.jpg) การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคโปลิโอ
ในขณะนี้ประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง รวมทั้ง 4 ปี รวมทั้งให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน
สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาโรคโปลิโอ เพราะว่าโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย และก็ในผู้เจ็บป่วยที่มีความร้ายแรงของโรคนั้นอาจจะเป็นผลให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรจำพวกไหนที่ใช้รักษาหรือบรรเทาอาการของโรคโปลิโอได้เหมือนกัน เอกสารอ้างอิง
|