หัวข้อ: โรคธาลัสซีเมีย มีสรรพคุณที่สามารถช่วยรักษาได้อย่าน่าอัศจรรย์ เริ่มหัวข้อโดย: pramotepra222 ที่ พฤษภาคม 12, 2018, 09:37:50 am (https://www.img.in.th/images/facbb5613cfc21f601619a458166f9bd.jpg)
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) โรคธาลัสซีเมีย [/b]เป็นอย่างไร โรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยา (thalassemia) เป็นโรคโลหิตจาง จากกรรมพันธุ์สาเหตุจากความไม่ดีเหมือนปกติของการสร้างฮีโมโกลบิน ทําให้สร้างลดน้อยลง (thalassemia) และก็หรือสร้างฮีโมโกลบินแตกต่างจากปกติ (hemoglobinopathy) ได้ผลสำเร็จให้เม็ดเลือดแดงมีลักษณะผิดปกติและก็มีอายุสั้น (hemolytic anemia) และก็แตกง่าย โรคธาลัสซีภรรยามีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal กล่าวคือ ทั้งยังบิดารวมทั้งมารดาของผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีภรรยาจะมีธาลัสซีเมียแอบแฝง หรือเรียกว่าเป็นพาหะของธาลัสซีภรรยา (thalassemia trait, carrier, heterozygote) หรือเป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งจะมีผลทำให้คนป่วยกำเนิดอาการซีดเหลืองเรื้อรังและก็มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา ทั้งนี้โรคธาลัสซีเมียจัดเป็นโรคโลหิตจางด้านกรรมพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดในโลก สามารถพบได้ทั้งโลก แต่เจอได้สูงในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วก็คนภายในถิ่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในประเทศไทย ในประเทศไทย พบคนป่วยโรคนี้ร้อยละ 1 และก็พบผู้เป็นพาหะของโรค หรือคนที่มียีนแฝงโดยประมาณปริมาณร้อยละ 30-40 สุดแต่ภูมิภาค ในจังหวัดพิษณุโลกเจอผู้เป็นพาหะจำนวนร้อยละ 30.5 สาเหตุของโรคธาลัสซีภรรยา มีต้นเหตุที่เกิดจากความผิดแปลกทางพันธุกรรม ซึ่งสามารถถ่ายทอดต่อๆกันมาจากบรรพบุรุษในลักษณะยีนด้อย (autosomal recessive) กล่าวคือคนเจ็บ (ผู้ที่มีลักษณะอาการแสดงของโรคนี้) จะต้องรับคู่ยีนที่ไม่ดีเหมือนปกติมาจากข้างพ่อแล้วก็แม่ทั้งสองยีน ส่วนคนที่รับยีนแตกต่างจากปกติมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงแค่ฝ่ายเดียว จะไม่มีอาการป่วยเป็นโรคนี้รวมทั้งมีสุขภาพปกติดี แต่จะมียีนเปลี่ยนไปจากปกติซ่อนเร้นอยู่ในตัวและสามารถถ่ายทอดไปยังบุตรหลานต่อไป เรียกว่า พาหะธาลัสซีเมีย ด้วยเหตุว่าความไม่ปกติทางพันธุกรรมมีได้นานัปการลักษณะ โรคนี้จึงแบ่งออกเป็น 2 กรุ๊ป อาทิเช่น แอลฟาทาลัสซีเมีย (alpha-thalassemia) และบีตาทาลัสซีเมีย (beta-thalassemia) ซึ่งเกี่ยวพันกับความแปลกของยีนสำหรับเพื่อการควบคุมการสร้างโปรตีนโกลบินชนิดแอลฟาแล้วก็เบตาเป็นลำดับทั้ง 2 กลุ่มนี้ ยังสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆได้อีกหลายชนิด ซึ่งมีความรุนแรงมากมายน้อยนาๆประการ ซึ่งได้ผลจากการจับคู่ระหว่างยีนแตกต่างจากปกติจำพวกต่างๆอย่างเช่น ถ้าหากคนใดรับการถ่ายทอดสารพัดธุกรรมจำพวก อัลฟา - ธาลัสซีเมีย หรือ เบต้า - ธาลัสซีเมีย มาจากพ่อหรือมารดาเพียงฝ่ายเดียว ก็นับว่าผู้นั้นเป็นพาหะอัลฟาธาลัสซีเมีย พาหะฮีโมโกลบินคอนแสตนสปริงค์ พาหะเบต้าธาลัสซีภรรยา หรือพาหะฮีโมโกลบินอี แต่ถ้าหากใครได้รับการถ่ายทอดสารพันธุบาปชนิด อัลฟา - ธาลัสซีภรรยา หรือจำพวก เบต้า - ธาลัสซีเมีย มากมายจากทั้งบิดาและคุณแม่ ก็นับว่าผู้นั้นเป็น โรคธาลัสซีภรรยา เป็นต้นว่า โรคฮีโมโกลบินเฮช โรคฮีโมโกลบินบาร์ท โรคเบต้าธาลัสซีภรรยา หรือ โรคเบต้าธาลัสซีภรรยาฮีโมโกลบิน ฯลฯ สรุปได้ว่าเนื่องด้วยธาลัสซีเมียเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ก็เลยแสดงว่า บิดาหรือแม่ของผู้ป่วยบางทีอาจเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือเป็นพาหะและก็ส่งต่อกรรมพันธุ์เหล่านี้มายังลูก ผู้ที่ได้รับพันธุกรรมหรือยีนจากพ่อหรือแม่เพียงแต่ฝ่ายเดียวเรียกว่าธาลัสซีภรรยาแอบแฝง ไม่นับว่าเป็นโรค โดยผู้ที่เป็นธาลัสซีเมียซ่อนเร้นจะไม่เกิดอาการอะไรก็ตามแต่ว่าสามารถเป็นพาหะและส่งต่อยีนนี้ไปสู่รุ่นถัดไปได้ ช่องทางเสี่ยงที่บุตรจะเป็นโรคธาลัสซีเมียจากกรรมพันธุ์
ยิ่งไปกว่านี้ธาลัสซีเมียแต่ละประเภทยังปรากฏลักษณะเฉพาะอีกหลายประการ ซึ่งนำมาซึ่งความรุนแรงของอาการในระดับที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย อาการของโรคธาลัสซีภรรยา โรคทาลัสซีเมียจำพวกที่รุนแรงที่สุด ยกตัวอย่างเช่น โรคฮีโมโกลบินบาร์ตไฮดคอยปส์ฟีทัลลิส (haemoglobin Bart’s hydrops fetalis) มีต้นเหตุที่เกิดจากยีนที่สร้างโกลบินจำพวกแอลฟาขาดหายไปทั้งสิ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างโกลบินจำพวกแอลฟา ซึ่งเป็นโกลบินที่สำคัญที่สุดได้เลย แต่ว่าจะสร้างเฮโมโกลบินบาร์ตแทนทั้งปวง ซึ่งจะจับออกซิเจนไว้เอง ไม่ปลดปล่อยให้แก่เยื่อ ทำให้คนที่เป็นโรคนี้มีความผิดธรรมดาตั้งแต่เป็นทารกในครรภ์มารดา โดยเด็กทารกมีอาการบวมน้ำจากภาวะซีดรุนแรง จำนวนมากจะเสียชีวิตตั้งแต่ในท้อง ส่วนน้อยเสียชีวิตขณะคลอดหรือข้างหลังคลอด เพียงแค่เล็กๆน้อยๆ เด็กแบเบาะจะมีอาการซีดเผือด บวม พุงยื่น ตับและม้ามโต มารดาที่ตั้งท้องเด็กแบเบาะที่เป็นโรคนี้ ชอบมีภาวะท้องเป็นพิษแทรก มักจะมีการคลอดไม่ปกติ และก็ตกเลือดก่อนหลังคลอด โรคทาลัสซีเมียที่มีอาการร้ายแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก จำนวนมากเป็นอนุภาคบีตาทาลัสซีเมียประเภทโฮโมไซกัส (homozygous beta-thalassemia) และก็นิดหน่อยของอนุภาคเบตาทาลัสซีเมียจำพวกฮีโมโกลบินอี (beta-thalassemia/heamoglobim E) มีเหตุที่เกิดจากความไม่ปกติของยีนที่สร้างโกลบินจำพวกบีตา คนไข้กลุ่มนี้เมื่อทารกมีลักษณะปกติ ไม่ซีดเผือด จะซีดตั้งแต่อายุ 2-3 เดือน (ในกรุ๊ปอาการร้ายแรงมาก) หรือเมื่ออายุเป็นปีไปแล้ว (ในกลุ่มรุนแรงปานกลาง) อาการสำคัญเป็น ซีดเผือด เหลือง ตับโต ม้ามโต ตัวเล็กแคระ น้ำหนักน้อยไม่สมอายุ เป็นชายหนุ่มเป็นสาวช้า ใบหน้าแปลก (ตามที่เรียกว่า หน้าทาลัสซีเมีย) กรุ๊ปที่มีอาการร้ายแรงมาก ถ้าเกิดไม่ได้รับการรักษาจะแก่สั้น (50% เสียชีวิตภายในระยะเวลา 10 ปี และ 70% เสียชีวิตภายใน 25 ปี) ส่วนกลุ่มที่อาการรุนแรงปานกลางอาจมีอายุยืนยาวจนถึงเป็นผู้ใหญ่สามารถสมรสมีบุตรหลานได้ โรคทาลัสซีเมียที่มีลักษณะอาการน้อย ส่วนมากเป็น โรคเฮโมโกลบินเอช (haemoglobin H disease ซึ่งอยู่ในกรุ๊ปแอลฟาทาลัสซีเมีย) แล้วก็นิดหน่อยของบีตาทาลัสซีเมียประเภทมีฮีโมโกลบินอี ผู้ป่วยมีภาวการณ์ซีดนิดหน่อยเหลืองเล็กน้อย ม้ามไม่โตหรือโตเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ การเจริญเติบโตค่อนข้างปกติ ลักษณะบริเวณใบหน้าธรรมดา (ไม่เป็นทาลัสซีเมีย) สุขภาพค่อนข้างจะแข็งแรงรวมทั้งอายุยืนยาวเช่นคนธรรมดา โดยธรรมดามักไม่ต้องมาเจอแพทย์และไม่จำเป็นต้องได้รับเลือดรักษา คนไข้เยอะมากๆไม่เคยรู้ว่าตนเองเป็นโรคนี้ และก็บางทีอาจได้รับการวิเคราะห์เมื่อมาพบแพทย์ด้วยมูลเหตุอื่น หรือเมื่อมีภาวะแทรกซ้อน ผู้เจ็บป่วยฮีโมโกลบินเอชบางโอกาสอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกกระทันหัน (acute hemolysis) ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อเป็นไข้จากการติดเชื้อ คนไข้จะมีอาการซีดเผือดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนถึงจำเป็นต้องได้รับเลือด กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงที่จะเป็นโรคธาลัสซีภรรยา พสกนิกรไทยเป็นพาหะสูงถึงจำนวนร้อยละ 35 ถ้ามีพี่น้องเป็นธาลัสซีภรรยา อัตราเสี่ยงที่จะเป็นพาหะจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สามีภรรยาที่เป็นพาหะทั้งสองอาจมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมียได้ ฉะนั้นคนที่มีโอกาสเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือพาหะธาลัสซีภรรยาจะมีประวัติและก็อากาต่างๆดังต่อไปนี้ ผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคหรือพาหะเป็น
ถ้าท่านมีข้อบ่งชี้อาการข้อใดข้อหนึ่งดังที่กล่าวมา ก็ควรจะตรวจวินิจฉัยยืนยันว่าเป็นโรคหรือพาหะโรคธาลัสซีภรรยาหรือเปล่า รวมถึงคู่ที่กำลังจะแต่งงาน และวางแผนเพื่อมีบุตรหรือกำลังตั้งท้องอ่อนๆก็ควรได้รับการตรวจด้วยเช่นกัน เพื่อประเมินตนเองรวมทั้งช่องทางเสี่ยงต่อโรคหรือพาหะของบุตรในท้อง กรรมวิธีการรักษาโรคธาลัสซีเมีย การวิเคราะห์แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากความเป็นมาผู้ป่วยมีลักษณะอาการซีดเซียวเหลืองมาตั้งแต่เล็ก และบางทีอาจพบว่ามีพี่น้องประชาชนผู้ใดผู้หนึ่งเป็นโรคนี้ด้วย นอกเหนือจากนี้ ยังจะต้องตรวจร่างกายของคนเจ็บว่าผู้ป่วยมีตับโต ม้ามโต พุงยื่น รูปร่างผอมและเล็กไม่สมอายุ กล้ามลีบแล้วก็แขนเล็ก ผิวหนังคล้ำออกเป็นสีเทาอมเขียว เค้าหน้าแปลก ได้แก่ กะโหลกศีรษะนูนเป็นพู หน้าผากโหนก ตาห่าง ดั้งจมูกแบน โหนกแก้มสูง คางแล้วก็ขากรรไกรกว้าง ฟันบนยื่น ฟันไม่สบกัน ฟันเรียงตัวไม่ปกติ ตามที่เรียกว่า “หน้าทาลัสซีเมีย” หรือเปล่า อาการและก็ลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วยเป็นข้อมูลที่สําคัญสำหรับการวินิจฉัยโรคแต่มีคนไข้โรคธาลัสซีเมียบางจำพวก อาการอาจไม่ร้ายแรงการตรวจทางห้องทดลองก็เลยมีความจําเป็นและก็สามารถช่วยแยกชนิดต่างๆของโรคได้ ซึ่งการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์เลือด (complete blood count, CBC) เพื่อมองภาวะซีดเซียวค่าดรรชนีเม็ดเลือดแดง (red cell indices) และลักษณะ เม็ดเลือดแดง (morphology) เป็นสิ่งที่ช่วยสำหรับในการวินิจฉัยโรคได้เม็ดเลือดแดงบนสภรรยาร์เลือดของคนไข้ homozygous β-thalassemia, β-thalassemia/Hb E แล้วก็ Hb H disease มีลักษณะติดสีจาง (hypochromia) ขนาดเล็ก(microcytic) และรูปร่างไม่ดีเหมือนปกติ(poikilocytosis) ฯลฯ ค่าดัชนีเม็ดเลือดแดง MCV รวมทั้ง MCH มีขนาดเล็กกว่า ปกติแล้วก็การตรวจเจอ inclusion body ในเม็ดเลือดแดง สามารถให้การวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียได้ (https://www.img.in.th/images/48dd95185b6d92607d578401d967de12.jpg) การวินิจฉัยธาลัสซีภรรยา (definite diagnosis) จะต้องทําโดยการตรวจวิเคราะห์ประเภทของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin analysis) โดยเครื่องตรวจอัตโนมัติจำพวก high performance liquid chromatography (HPLC), low -pressure liquid chromatography (LPLC), หรือ hemoglobin electrophoresis เพื่อจําแนกชนิดของโรคธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบินเปลี่ยนไปจากปกติให้แน่ๆ การดูแลและรักษาโรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยาขึ้นกับความร้ายแรงของโรค สามารถจัดตามความรุนแรงได้ดังต่อไปนี้
(Hct<20%) ได่แก่ β-thal/ β-thal รวมทั้งของ β-thal/Hb E disease ส่วนน้อย มีทางเลือกสำหรับในการรักษาดังต่อไปนี้
การติดต่อของโรคธาลัสซีเมีย เนื่องมาจากโรคธาลัสซีเมียเป็นโรคโบหิตจางที่เกิดขึ้นมาจากการถ่ายทอดทางประเภทกรรมหรือกรรมพันธุ์ซึ่งไม่มีการติดต่อของโรคนี้ จากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย ผู้ที่ตรวจพบว่าเป็นพาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยา สามารถดำรงชีวิตราวกับคนธรรมดา ไม่มีความจำเป็นต้องกินยาใดๆแต่คนที่เป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยาจะมีลักษณะของโรคไม่เหมือนกัน บางบุคคลตัวซีดเซียวมากมาย ตับม้ามโตมาก บางครั้งก็อาจจะจำเป็นต้องได้รับการให้เลือดรวมทั้งยาขับธาตุเหล็กส่วนเกินออกมาจากร่างกายเป็นระยะๆหรือผ่าตัดม้ามออกเพื่อลดการทำลายเม็ดเลือดแดง ส่วนบางบุคคลจะมีลักษณะอาการซีดไม่มากมาย จะรักษาตามอาการ สามารถให้กินกรดโฟลิก แม้กระนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องให้ยาบำรุงเลือด (ธาตุเหล็ก) เนื่องจากมีธาตุเหล็กใน ร่างกายเกินปกติอยู่แล้ว ส่วนการกระทำตนของคนป่วยแล้วก็การดูแลผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียควรปฏิบัติอย่างแม่นยำ รวมทั้งเหมาะสมกับภาวะอาการโรคดังต่อไปนี้
o ให้ความรักเอาใจใส่ ให้กำลังใจ เนื่องด้วยโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ควรจะสนับสนุนให้คนเจ็บได้ดำรงชีวิตตามธรรมดา ไม่ห่อเหี่ยวต่อการเจ็บป่วย o ทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ มีโปรตีนสูง (ตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ) แล้วก็มีสารโฟเลตสูง (พืชผักต่างๆ) เพื่อใช้สำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงโดย ของกินที่เหมาะสมสำหรับคนไข้โรคธาลัสซีเมียมีลักษณะดังนี้ คนไข้โรคธาลัสซีภรรยาโดยทั่วไปชอบมีการเติบโตของร่างกายน้อยกว่าธรรมดา มีภูมิคุ้มกันต่ำและก็ความหนาแน่นของมวลกระดูกน้อย โดยเหตุนั้นของกินที่เหมาะสมกับคนเจ็บธาลัสซีเมีย เป็นของกินที่มีโปรตีนสูง ดังเช่น เนื้อปลาทะเล เนื้อไก่ ธัญพืชต่างๆอย่างเช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าวซ้อมมือ ข้าวบาเลย์ ฯลฯ ของกินทีมีกรดโฟลิก (Folic acid) สูง เพื่อช่วยสำหรับเพื่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังเช่นว่า ตำลึง กะหล่ำ มะเขือเทศ คะน้า ถั่วงอก เป็นต้น ของกินที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม รวมทั้งวิตามินดีสูงเพื่อคุ้มครองปกป้องภาวะกระดูกพรุน อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์นม ใบย่านาง ใบชะพลู ใบแค ใบยอ ผักโขม ใบสะระแหน่ ผักหวาน ฟักอ่อน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ผลไม้ อาทิเช่น ส้มเขียวหวาน มะขามหวาน มะม่วงแก้วสุก นอกเหนือจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอีและวิตามินซีสูง เพื่อช่วยลดภาวการณ์การเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายจากการที่เม็ดเลือดแดงแตกง่าย ตัวอย่างเช่น มะละกอ ฟักทอง เสาวรส ฝรั่ง มะยม ผักหวาน ฯลฯ การปกป้องตัวเองจากโรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม วิธีคุ้มครองป้องกันที่ดีที่สุดเป็น
สมุนไพรที่สามารถรักษา/บรรเทาลักษณะของโรคธาลัสซีภรรยา โรคธาลัสซีภรรยาเป็นโรคที่มีภาวะเลือดจากเรื้อรังจากความผิดปกติด้านกรรมพันธุ์ ซึ่ง ณ.เดี๋ยวนี้ไม่มีกล่าวว่ามีสมุนไพรประเภทใดที่ใช้รักษาโรคธาลัสซีภรรยาที่ได้ผลอย่างจริงจัง แต่มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยรวมทั้งทดสอบที่น่าดึงดูดเกี่ยวกับ ขมิ้นชัน กับโรคธาลัสซีภรรยา ดังนี้ ในการทดสอบทางสถานพยาบาลของขมิ้นชัน ในคนไข้ธาลัสซีภรรยา เริ่มจาก จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้ทดสอบให้คนเจ็บเบต้าธาลัสซีเมีย/ ฮีโมโกลบินอีกินแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน วันละ 2 แคปซูล ต่อเนื่องกัน นาน 3 เดือน พบว่าช่วยลดภาวะที่มีอนุมูลอิสระสูง(oxidative stress) ลงได้และมีอีกการทดลองที่ทำงานทดลองจากแผนกแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าเมื่อให้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันวันละ 2 แคปซูลแก่คนป่วยธาลัสซีเมียเด็กชนิดเบต้าธาลัสซีภรรยา/ฮีโมโกลบินอี พบว่าผู้เจ็บป่วย 5 คนภายใน 8 คน มีอายุของเม็ดเลือดแดงนานขึ้น ซึ่งสำหรับเพื่อการทดสอบทั้งคู่ครั้งไม่เจออาการข้างเคียงใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นมาจากแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน นอกจากนี้ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยในหลอดทดลองของภาควิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้เห็นว่าเคอร์คูไม่นอยด์สามารถลดระดับของเหล็กรูปที่มิได้จับกับทรานสิเฟอร์ริน (non-transferrin bound iron, NTBI) ในพลาสม่าของคนป่วยโรคธาลัสซีเมียประเภทเบต้าธาลัสซีเมีย รวมทั้งยังเสริมฤทธิ์ของยาขับเหล็กในการลดเหล็กรูป NTBI ได้อีกด้วยและในขณะนี้ยังมีการทำการวิจัยทางคลินิกประเด็นการใช้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันในคนไข้ธาลัสซีเมีย อีกหลายโรงหมอ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมุนไพรนี้ จะได้รับการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยต่อยอดให้เป็นสมุนไพรที่ใช้คุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคธาลัสซีภรรยาได้อย่างมีประสิทธิภาพถัดไป เอกสารอ้างอิง
ดร.ชฎก พิศาลพงศ์.แคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน.มูลนิ
|