ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Saichonka ที่ พฤษภาคม 22, 2018, 09:04:58 am



หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหวาน-มีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้อย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: Saichonka ที่ พฤษภาคม 22, 2018, 09:04:58 am
(https://www.picz.in.th/images/2018/04/28/Y2e9o8.jpg)
หญ้าหวาน
ชื่อสมุนไพร หญ้าหวาน
ชื่อวิทยาศาสตร์   Stevia rebaudiana Bertoni
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Eupatorium rebaudianum Bertoni, Stevia rebaudiana (Bertoni) Hemsl.)
ชื่อสามัญ  Stevia
สกุล    Asteraceae
บ้านเกิดเมืองนอน  หญ้าหวาน เป็นพืชที่มนุษย์รู้จักมาเป็นเวลายาวนานกว่า 1,500 ปี ชนพื้นเมืองแถบอเมริกาใต้เป็นผู้ค้นพบรวมทั้งประยุกต์ใช้เป็นครั้งแรก มนุษย์ได้นำสารสกัดของหญ้าหวานมาเป็นองค์ประกอบในชาที่ชงดื่มรวมทั้งยาสมุนไพรโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศขว้างรากวัย รวมทั้งบราซิล ซึ่งชื่อเดิมของหญ้าหวานที่ชนท้องที่ปารากวัยเรียก คือ kar-he-e หรือภาษาประเทศสเปน เรียกว่า yerba ducle แสดงว่า สมุนไพรหวาน เป็นสมุนไพรที่คนท้องถิ้นของปารากวัย และบราซิล ใช้ผสมในของกิน หรือเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มความหวาน และใช้ชงเป็นชาดื่ม ที่เรียกว่า “ มะเตะ” มานานมากกว่า 400 ปีแล้วส่วนในแถบเอเชียพบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆที่มีการใช้สารสกัดจากหญ้าหวานอย่างมากมาย โดยนำไปเป็นองค์ประกอบของอาหารและก็เครื่องดื่มต่างๆ  เช่น ผักดอง ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว เนื้อปลาบด ฯลฯ
สำหรับในประเทศไทยหญ้าหวานเริ่มเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยเป็นการนำมาทดสอบปลูก ในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แล้วก็จังหวัดเชียงราย ในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้อนุญาตให้มีการใช้สารสตีวิโอไซด์เพื่อการบริโภค ต้นหญ้าหวานจึงจัดอยู่ในพืชสมุนไพรอีกประเภทหนึ่ง
ลักษณะทั่วไป

  • ลำต้น ต้นหญ้าหวาน เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นแตกกิ่งสาขาตั้งแต่ระดับโคนต้น ทำให้มองดูเป็นทรงพุ่มไม้เตี้ย สูงประมาณ 30-90 ซม. ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะทรงกลม เปลือกลำต้นบาง สีเขียวอ่อน หุ้มห่อชิดกับแกนลำต้น แกนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่าย
  • ใบ ต้นหญ้าหวานเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ แตกใบออกลำพังๆเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ตามลำต้น และก็กิ่ง และก็เหนือซอกใบจะแตกยอดสั้นๆทั้งสองข้าง แต่ละใบมีรูปหอกกลับ กว้างโดยประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยาว

ราว 3-4 ซม. แผ่นใบเรียบ สีเขียวสด ขอบของใบหยักเป็นฟันเลื่อย และโก่งเข้ากึ่งกลางแผ่นใบ เมื่อบดหรือต้มน้ำดื่มจะมีรสหวานจัด

  • ดอก ต้นหญ้าหวานมีดอกเป็นช่อที่ปลายยอด มีก้านดอกสั้น กลีบมีจำนวน 5 กลีบ รูปหอกหรือรูปไข่ แผ่นกลีบดอกไม้มีสีขาว ภายในมีเกสรตัวผู้สีเหลืองอมน้ำตาล และก็เกสรตัวเมีย 1 อัน ที่มีก้านเกสรสีขาวยาวยื่นออกมาจากกลางดอก เหมือนหนวดปลาดุก ทั้งนี้ ต้นหญ้าหวานจะออกดอกตลอดปี ในฤดูฝนจะมีดอกสีม่วง ส่วนฤดูอื่นๆมีดอกสีขาว
  • ผล ผล ได้ผลแห้งขนาดเล็ก ไม่ปริแตก ภายในมีเมล็ดผู้เดียวจำนวนไม่น้อย เม็ดสีดำ มีขนปุกปุยปกคลุม

การขยายพันธุ์  หญ้าหวาน เป็นพืชที่ชอบอากาศที่ค่อนข้างจะเย็น ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิราวๆ 20-26 องศาเซลเซียส เป็นพืชที่ถูกใจดินร่วนซุยหรือดินร่วนซุยคละเคล้าทรายที่ระบายน้ำเจริญ และพืชจำพวกนี้จะเจริญวัยได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อเพาะปลูกในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 600-700 เมตร
                ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยมีการนำเข้ามาทดลองปลูกเอาไว้ในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2518 ที่แถบภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน จังหวัดพะเยา ซึ่งปรากฏว่าได้ผลผลิตเป็นที่น่าพึงพอใจ จึงมีการเกื้อหนุนให้มีการปลูกมาจนถึงเดี๋ยวนี้
หญ้าหวานขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ

  • การเพาะกล้าจากเมล็ด มีจุดเด่นหมายถึงทำเป็นรวดเร็ว ลำต้นแตกกิ่งมาก ได้ผลผลิตสูง และนานหลายฤดู รวมทั้งทนต่อโรค รวมทั้งแมลงก้าวหน้า แม้กระนั้นมีข้อเสีย คือ มีค่าเมล็ดพันธุ์สูง และมีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์สูง อาจมีผลทำให้ปริมาณสารให้ความหวานลดลงหรือให้ผลผลิตใบลดลง
  • การปักชำกิ่ง มีข้อดีหมายถึงมัธยัสถ์ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม่มีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ แต่ว่ามีข้อเสียหมายถึงใช้เวลานาน มีต้นทุนการปักชำ ลำต้นแตกกิ่งน้อย แก่การเก็บเกี่ยวสั้น ผลิตผลให้ต่ำลงยิ่งกว่ากล้าจากเมล็ด รวมถึง ลำต้นอ่อนแอ ไม่ทนต่อโรค รวมทั้งแมลง

สำหรับการเก็บเกี่ยว  การเก็บใบต้นหญ้าหวานจะเริ่มเก็บหนแรกได้ 25-30 วัน หลังปลูก ถ้าเกิดต้นบริบูรณ์พอ จะเก็บได้สม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง ตลอดทั้งปี จะเก็บได้ประมาณ 10-12 ครั้ง แต่ละครั้งเก็บใบสดได้ราวๆ 40-60 กก./ไร่ ซึ่งได้ผลผลิตใบสูงสุดในฤดูฝน แล้วก็ให้ผลผลิตต่ำในฤดูหนาว และก็ฤดูแล้ง ทั้งนี้ หญ้าหวาน 1 รุ่นจะมีอายุเก็บเกี่ยวไดนานถึง 3 ปี
สำหรับหญ้าหวานสดที่เก็บเกี่ยวได้ จะต้องล้างชำระล้าง และผึ่งแดดให้แห้งก่อนส่งโรงงาน แบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ เกรด Aและก็เกรด B แม้ภาวะใบไม่สมบูรณ์ ใบมีสีเหลืองหรือซีดเผือด จะถูกคัดเป็นเกรด B แต่ว่าเกรดของใบไม่มีผลทำให้ความหวานต่างกัน
ต้นหญ้าหวานแห้ง เกรด B จะพบโดยประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณหญ้าหวานแห้งทั้งผอง ต้นหญ้าหวานแห้งเกรด A อาจขายเป็นใบชา ในราคา 200-500 บาท/กิโล ส่วนเกรด B จะถูกขายในราคาราว 150 บาท/โล แล้วก็ใช้บดเป็นผงหญ้าหวานแห้ง ที่ขายในกิโลกรัมละ 500 บาท 5 ส่วนราคารับซื้อหญ้าหวานแห้งหน้าโรงงาน อาจมีราคาในตอนเดียวกันหรือสูงยิ่งกว่า (ข้อมูล ราคาปี 2555)
องค์ประกอบทางเคมี  ใบต้นหญ้าหวานแห้ง สกัดด้วยน้ำได้สารหวานราวร้อยละหนึ่ง ซึ่งสารหวานเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า สตีวิโอไซด์ (Stevioside) ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 150 - 300 เท่า มีความคงตัวสูงทั้งยังในตัวทำละลาย กรดอ่อน เบสอ่อน และก็ทนไฟได้ถึง 200 องศาเซลเซียส จึงไม่เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนสภาพจากความร้อนสำหรับการทำอาหาร ใช้ในปริมาณน้อย ไม่มีพิษรวมทั้งไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการบริโภคซึ่งนักวิทยาศาสตร์ศึกษาและทำการค้นพบว่าสารสกัดจากหญ้าหวานประกอบไปด้วยกรุ๊ปสารที่มีชื่อเรียกว่า ไกลโคไซด์ (Glycoside) และ อะไกลโคน (Aglycone) สารไกลโคไซด์จะประกอบไปด้วยโมเลกุลของน้ำตาลกลูโคส (Glucose) ส่วนสารอะไกลโคนจะประกอบไปด้วยน้ำตาลที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้นหรืออาจเรียกรวมๆว่า โพลีแซคค้างไรด์ (Polysaccharides) ซึ่งกลุ่มน้ำตาลกลุ่มนี้นี่เองที่ทำให้สารสกัดของต้นหญ้าหวานมีรสหวาน
ขึ้นรถสำคัญต่างๆที่เจอในหญ้าหวานมีหลายชนิด ดังเช่น
– Stevioside พบได้ทั่วไปที่สุด 2.0-7.7%
– Rebaudioside A ถึง F พบลำดับรองลงมา ราวๆ 0.8-2.9%
– Steviol
– Steviolbioside
– Dulcoside A
สารสติวิออลไกลโคไซด์ (รูปที่ 1) มีลักษณะเป็นผงสีขาวถึงสีเหลืองอ่อนไม่มีกลิ่น มีความคงตัวสูงในตัวทำละลาย กรดอ่อน เบสอ่อน รวมทั้งทนไฟ
คุณลักษณะทางกายภาพ และเคมีของ stevioside
– สูตรทางเคมี : C35H60O18
– น้ำหนักโมเลกุล : 804.9
– จุดหลอมเหลว : 198 °C
รูปที่   2    Stevioside
ที่มา : อ้างถึงใน ศิวาพร (2546) รวมทั้งสาโรจน์ (2547)
ประโยชน์/สรรพคุณ 
สารสกัดที่ได้จากหญ้าหวานชื่อว่า สตีวิโอไซด์ (stevioside) เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่า 200-300 เท่าของน้ำตาลแต่ว่าไม่ก่อเกิดพลังงาน (แคลลอปรี่) ในร่างกายอะไร ด้วยความพิเศษของหญ้าหวานนี้  ก็เลยมีคุณประโยชน์แล้วก็ผลดีต่างๆเยอะมาก ดังเช่น
ลดระดับน้ำตาลในเลือด คนป่วยโรคเบาหวานนั้นเสี่ยงมีสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ง่าย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดเซลล์ที่ผลิตอินซูลินหรือเกิดภาวะดื้อรั้นอินซูลิน ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ ดังเช่น ไม่ได้รับอินซูลินหรือยารักษาเบาหวาน รับประทานคาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไป กำเนิดความเครียด ได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการผ่าตัด หรือติดเชื้อโรค ซึ่งคุณประโยชน์อีกประการหนึ่งของต้นหญ้าหวานที่บางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานก็คือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยปรากฏงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้จำนวนมาก งานศึกษาค้นคว้าวิจัยหนึ่งได้ให้คนป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กินสารสกัดหญ้าหวาน 1 กรัม พร้อมเข้ารับการวิเคราะห์เลือดหลังผ่านไป 4 ชั่วโมง พบว่าผู้ป่วยหรูหราน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง สอดคล้องกับงานศึกษาค้นคว้าวิจัยอีกชิ้นที่ค้นพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 ลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังหลังจากรับประทานแป้งที่ทำมาจากหญ้าหวาน
นอกเหนือจากนี้ การรับประทานหญ้าหวานบางทีอาจลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่มีสุขภาพปกติเหมือนกัน การค้นคว้าหนึ่งได้สุ่มให้ผู้เข้าร่วมทดลองกินซูโครส แอสปาแตม และหญ้าหวานก่อนกินอาหารมื้อกลางวันรวมทั้งมื้อเย็น ตรงเวลา 3 วัน ผลวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานหญ้าหวานหรูหราน้ำตาลในเลือดรวมทั้งอินซูลินหลังรับประทานอาหารน้อยลงมากยิ่งกว่าผู้ที่รับประทานซูโครสรวมทั้งแอสปาแตมอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ กรุ๊ปที่รับประทานหญ้าหวานและแอสปาแตมก่อนมื้อของกินยังรู้สึกอิ่มและไม่ทานอาหารอื่นเพิ่มอีกจากมื้อหลัก เช่นเดียวกับงานวิจัยอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากใบต้นหญ้าหวานช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ไม่ได้ป่วยด้วยเบาหวานหรือมีสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้
ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียในปากหลายแบบ ก็เลยไม่ทำให้อาหารหรือเครื่องดื่มที่เก็บไว้นานเกิดการบูดเน่า ไม่ทำให้ฟันผุหรือเหงือกบวมอักเสบได้ง่าย ก็เลยมีการใช้ ผสมในของกิน แล้วก็เครื่องดื่ม รวมทั้งผสมในยาสีฟันหรือยาบ้วนปาก เพื่อแต่งรส และก็ช่วยคุ้มครองโรคฟันผุ
อนึ่งฤทธิ์ในการมีรสหวานของสารสตีวิโอไซด์จะแตกต่างจากน้ำตาลซะทีเดียว เนื่องจากสารสตีวิโอไซด์จะออกรสหวานช้ากว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อย จะเลือนลางจางหายไปช้ากว่าน้ำตาลทราย นอกนั้นสารดังกล่าวยังเป็นสารที่ไร้ค่าทางอาหารอะไร เพราะว่ามีแคลอรีต่ำมากหรือเปล่ามีเลย แล้วก็จะผิดย่อยให้เกิดเป็นพลังงานกับร่างกาย แม้กระนั้นจากข้อเสียนี้นี่เองก็ถือเป็นลักษณะเด่นที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันเลือด โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน และโรคหัวใจ
ในตอนนี้มีการอนุญาตให้ใช้สารสกัดจากต้นหญ้าหวานเป็นสารทดแทนน้ำตาลในประเทศต่างๆไม่น้อยกว่า 30 ประเทศ ตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น จีน ประเทศเกาหลี แคนที่นาดา ออสเตเลีย นิวซีแลนด์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมทั้งมีลักษณะท่าทางเยอะขึ้นองค์การอาหารและก็ยาของสหรัฐอเมริกาแล้วก็กรุ๊ปประเทศในยุโรปอนุญาตให้มีการใช้สารหวานจากหญ้าหวานเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 และก็ พ.ศ. 2554 ตามลำดับ ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข ประกาศอนุญาตให้มีการผลิต และก็ต้นหญ้าหวานในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 262) พ.ศ. 2545 เรื่อง สตีวิโอไซด์รวมทั้งอาหารที่มีส่วนผสมของสตีวิโอไซด์) และก็ประกาศให้สารสกัดสติวิออลไกลโคไซด์เป็นวัตถุเจือปนของกิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 360) พ.ศ. 2556 เรื่อง สตีวิออลไกลโคไซด์) โดยอ้างอิงข้อมูลของคณะกรรมการผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหารขององค์การของกินและก็เกษตร และก็องค์การอนามัยโลก แห่งยูเอ็น (The Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives, JECFA) ซึ่งได้ประเมินแล้วก็ระบุค่าความปลอดภัย (Acceptable Daily Intake, ADI) แล้ว
แบบ/ขนาดการใช้  จากผลจากงานวิจัยของทีมงานวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สรุปว่า สารสกัดจากหญ้าหวานมีความปลอดภัยในทุกๆกรณี โดยค่าสูงสุดที่กินได้อย่างปลอดภัยคือ 7,938 มิลลิกรัม/กิโล(น้ำหนักตัว)/วัน ซึ่งสูงมากมายถ้าเกิดเทียบกับการผสมในเครื่องดื่มหรือกาแฟถึง 73 ถ้วยต่อวัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เนื่องจากว่าคนส่วนมากกินกันราวๆ 2-3 ก็จัดว่ามากมายเพียงพอต่อวันแล้ว ซึ่งการใช้ต้นหญ้าหวานอย่างปลอดภัย คือ โดยประมาณ 1-2 ใบต่อเครื่องดื่ม 1 ถ้วย ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมและไม่หวานมากจนเกินไป  แม้กระนั้นคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของของกินและก็เกษตรที่องค์การสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลกที่เกี่ยวกับสารเจือปนในของกิน ได้ระบุค่าความปลอดภัย เบื้องต้นไว้ไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกก.ต่อวัน แม้กระนั้นบางทีอาจต้องระมัดระวังการใช้ในใช้ในขนาดสูงติดต่อกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีภาวะโรคไตแล้วก็ตับ
ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 360 พ.ศ.2556 เรื่องสตีวิออลไกลโคไซด์) สตีวิออลไกลโคไซด์ แปลว่า สารสกัดบริสุทธิ์จากใบต้นหญ้าหวาน ซึ่งประกอบด้วย สตีวิโอไซด์ รีบาวดิโอไซด์ เอ รีบาวดิโอไซด์ บี รีบาวดิโอไซด์ ซี รีบาวดิโอไซด์ ดี รีบาวดิโอไซด์ วัวไซด์ เอ รูบุโซไซด์ แล้วก็ สตีวิออลไบโอไซด์ สารสกัดจากต้นหญ้าหวานที่อนุญาตให้ใช้เป็นส่วนประกอบอาหารต้องมีจำนวนสารในกลุ่มสตีวิออลไกลโคไซด์ รวมยอดไม่น้อยกว่าจำนวนร้อยละ 95 ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งอ้างอิงจากมาตรฐาน องค์การของกินแล้วก็เกษตร รวมทั้งองค์การอนามัยโลก แห่งองค์การสหประชาชาติ
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา  ในปี คริสต์ศักราช1991 มีนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Emily Procinska รวมทั้งคณะ ได้ออกมาค้นคว้ารายงานวิจัยของ John M. Pezzuto ว่าอาจมีข้อผิดพลาด โดยเผยแพร่ในวารสาร Mutagenesis ระบุว่า หญ้าหวานไม่เป็นผลนำมาซึ่งการก่อให้เกิด Mutagenic (สารก่อกลายพันธุ์) แต่อย่างใด ดังนี้ได้ทำทดสอบซ้ำอยู่หลายครา ต่อจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีรายงานต่างๆออกตามมาอีกเพียบเลยที่ระบุว่าผลของ mutagenic ในสารสกัดหญ้าหวานมีผลน้อยมาก หรือบางทีก็อาจจะไม่มีผลเลย รวมทั้งถัดมาจึงได้มีการวิเคราะห์ความเป็นพิษพบว่า งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยโดยมากระบุว่าหญ้าหวานไม่มีพิษ และไม่มีหลักฐานใดๆกล่าวว่าหญ้าหวานให้เกิดโรคมะเร็งแต่อย่างใด  รวมทั้งยังมีการเรียนทางสถานพยาบาลอีกหลายๆฉบับ ซึ่งส่ววนใหญ่ส่งผลการเล่าเรียนกำหนดถึงกลไกการออกฤทธิ์ในร่างกายมนุษย์เป็น   กลไกการออกฤทธิ์ของต้นหญ้าหวานคือ สารสกัดของหญ้าหวานที่เป็นไกลโคไซด์ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำตาลเดกซ์โทรสรวมทั้งสารอะไกลโคนซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น (Polysaccharides) จะทำปฏิกิริยากับต่อมรับรสของลิ้น ทำให้พวกเรารับรสความหวานซึ่งมีมากยิ่งกว่าน้ำตาลถึง 150 เท่า และต่อมรับรสบางส่วนจะทำปฏิกิริยากับสารอะไกลโคนซึ่งทำให้มีความรู้สึกถึงรสขมได้เล็กน้อย  รวมทั้งระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ก็สามารถสลายตัวและก็แยกไกลโคไซด์ของหญ้าหวานออกมาเป็นน้ำตาลกลูโคสได้อีกด้วย โดยน้ำตาลเดกซ์โทรสที่ได้นี้จำนวนมากจะถูกแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ดึงไปใช้เป็นพลังงานของตัวไส้เอง จึงมีเดกซ์โทรสจากสารสกัดหญ้าหวานเพียงแค่ส่วนน้อยที่ถูกซึมซับไปสู่กระแสโลหิต ส่วนสารสตีวิออลแล้วก็สารโพลีแซคติดอยู่ไรด์ (Poly saccharides) บางส่วนจะถูกซับเข้าสู่ร่างกาย แล้วก็ส่วนมากที่เหลือจะถูกขับทิ้งไปกับอุจจาระ
(https://www.picz.in.th/images/2018/04/28/Y2eTJR.jpg)
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา จากการเล่าเรียนความเป็นพิษในหนูหลายๆการเรียน
โดยให้สาร สตีวิโอไซด์ ผสมในอาหารในขนาดต่างๆจนถึง 5% (ขนาดมากถึง 2 g/kg น้ำหนักตัว ให้ต่อเนื่องกัน 3 เดือน จนกระทั่ง 2 ปี ไม่พบความเป็นพิษที่ร้ายแรงต่อตับ รวมทั้งไต แม้กระนั้นมีแถลงการณ์ว่าหนูที่ได้รับ สตีวิโอไซด์ โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังในขนาดมากถึง 1.5 g/kg น้ำหนักตัว มีผลต่อไตโดยมี blood urea nitrogen (BUN) และ creatinine ในเลือดสูงขึ้น แม้กระนั้นขนาดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็นขนาดที่สูงขึ้นยิ่งกว่าขนาดที่ใช้รับประทานในคนมากประกอบกับเป็นการให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ดังนั้นผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยถึงความปลอดภัยของสตีวิโอไซด์ในของกิน เป็นระยะเวลานานจนถึงเดี๋ยวนี้ปรากฏว่ามีลัษณะทิศทางทางด้านความปลอดภัยที่ดี เมื่อต้นปี ค.ศ. 2009 ประเทศอเมริกาโดย USFDA ได้ตรึกตรองรวมทั้งประกาศว่า ต้นหญ้าหวานได้รับการยอมรับโดยธรรมดาว่าปลอดภัย "Generally Recognized As Safe (GRAS)  ส่วนการทดสอบการกลายพันธุ์ของสารสกัดหญ้าหวาน โดย Fujita แล้วก็แผนก (1979), Okumura
และก็ภาควิชา (1978) รวมทั้ง Tama Biochemical Co-Ltd. (1981) ทำการทดสอบกับเชื้อ Salmonella typhimurium, Escherichia coli แล้วก็ Bacillus subtilis ผลของการทดสอบ พบว่า สารดังที่กล่าวผ่านมาแล้วไม่ก่อกลายพันธุ์แต่อย่างใด
คำแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม
หากแม้ปัจจุบันยังไม่พบข้อกำหนดใช้ต้นหญ้าหวานที่แจ่มกระจ่าง แต่ข้อควรตรึกตรองคือ

  • ไม่ควรบริโภคต้นหญ้าหวานใน ปริมาณที่เกินกว่าที่ระบุในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับคำยืนยันความปลอดภัยการบริโภคจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (อย)
  • เลี่ยงบริโภคต้นหญ้าหวานในเรื่องที่แพ้พืชเครือญาติเดียวกับหญ้าหวาน ยกตัวอย่างเช่น ดอกเบญจมาศ ดาวเรือง ฯลฯ เนื่องจากว่าผู้ที่แพ้พืชกลุ่มนี้อาจเสี่ยงมีอาการแพ้หญ้าหวานได้เหมือนกัน
  • คนไข้โรคเบาหวานที่รับประทานต้นหญ้าหวานควรหมั่นวัดระดับน้ำตาลในเลือด และก็ขอความเห็นหมอทันทีถ้าหากมีลักษณะอาการผิดปกติอะไรก็ตามด้วยเหตุว่าต้นหญ้าหวานหรือสินค้าที่มีสารสกัดจากหญ้าหวานอาจจะเป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินความจำเป็นได้
  • สตรีท้อง สตรีให้นมบุตร แล้วก็เด็ก ควรจะขอความเห็นหมอก่อนการบริโภคต้นหญ้าหวานเสมอ
  • ผู้บริโภคหญ้าหวานบางรายอาจกำเนิดอาการท้องอืด อาเจียน ตาลายศีรษะ ปวดกล้าม หรือชะตามร่างกายได้
  • ไม่บริโภคผลิตภัณฑ์หญ้าหวานที่หมดอายุ

    เอกสารอ้างอิง

  • รศ.ดร.ภก.พิสมัย กุลกาญจนาธร. หญ้าหวาน.....หวานทางเลือก....เพื่อสุขภาพ.ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • มตรี สุทธจิตต์ และคณะ, 2540, การรวบรวม การทบทวน การวิเคราะห์ข้อมูลวิจัยและการสังเคราะห์แนวความคิดที่-เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของหญ้าหวาน-และผลิตภัณฑ์จากหญ้าหวาน.
  • เชาวนี สุวรรณโชติ, 2556, การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน-โรงงานสกัดผงหญ้าหวาน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่.
  • Rajab R., Mohankumar C., Murugan K., Harish M. and Mohanan PV. Purification and toxicity studies of stevioside from Stevia rebaudiana Bertoni.Article. 2009; 16(1):49-54.
  • มัทนียา วังประภา, 2548, การผลิตสารสตีวิโอไซด์-โดยการเพาะเลี้ยงหญ้าหวาน-ในเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพ.
  • หญ้าหวาน.วิกิพีเดีย.สารานุกรมเสรี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จากhttp://www.th.wikipedia.org/wiki/
  • กล้าณรงค์ ศรีรอต. 2542. สารให้ความหวาน(sweeteners) : คุณสมบัติและการใช้ประโยชน์. http://www.disthai.com/[/b]
  • หญ้าหวาน(Stevia) สรรพคุณและการปลูกหญ้าหวาน.พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพือเกษตรกรไทย
  • CODEX-2010: JECFA Monograph (2010) INS no. 960
  • Kroyer G. Stevioside and Stevia-sweetener in food: application, stability and interaction with food ingredients. J. Verbr. Lebensm. 2010; 5:225-229
  • หญ้าหวานต้านโรค พิสูจน์ได้จริงหรือไม่.พบแพทย์ดอทคอม
  • Goyal SK., Samsher And Goyal RK. Stevia (Stevia rebaudiana) a bio-sweetener: a review. International Journal of Food Sciences and Nutrition. 2010; 61(1):1-10.
  • การใช้หญ้าหวานมีผลอย่างไรต่อผู้ป่วยเบาหวาน.กระดานถาม-ตอบ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • Munish P, Deepika S, Ashok T and Kdownstream. Processing of stevioside and its potential applications. Biotechnology Advances 2011; 29: 781-791.
  • Madan S, Ahmad S; Singh G.N, Kohli, Kanchan, Kumar Y, Singh R, Garg M. Stevia rebaudiana (Bert.) Bertoni-A review. Indian Journal of Natural Products and Resources 2010; 1:267-286.


Tags : ต้นหญ้าหวาน
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ