หัวข้อ: สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย เริ่มหัวข้อโดย: Bigbombboomz ที่ พฤษภาคม 24, 2018, 04:55:22 pm เหงือกปลาหมอ
ชื่อสมุนไพร เหงือกปลาหมอ ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน แก้มแพทย์ (สตูล) , อีเกร็ง (ภาคกลาง) , แก้มแพทย์เล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาหมอดอกสีขาว) Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาแพทย์ดอกสีม่วง) ชื่อสามัญ Sea Holly. ตระกูล ACANTHACEAE บ้านเกิด เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยเราเพราะว่ามีประวัติในการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้งรวมทั้งชอบมักพบในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตเจริญในที่ร่มและมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้ด้วยเหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้มากในภาคกลางรวมทั้งภาคทิศตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นชนิดไม่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย ลักษณะทั่วไป
การขยายพันธุ์ เหงือกปลาแพทย์สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ แม้กระนั้นแนวทางที่เป็นที่นิยมและเห็นผลผลิตที่ดีเป็นการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนกระทั่งเกินไป อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน คอยรดน้ำให้ชุ่ม ราวๆ 2 เดือน จะแตกออกราก จึงทำย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะจัดเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยหมัก ให้ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปุ๋ยบ่อยครั้งขึ้นในเรื่องที่เก็บเกี่ยวผลผลิตบ่อย ทำให้ต้นชำรุดทรุดโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชดูแลรักษาแปลงให้สะอาด หลังปลูก 1 ปี ก็เลยจะเก็บผลิตผล โดยตัดกิ่งให้แพทย์อีกทั้งต้น (โคน) ให้เหลือความยาวครึ่งเดียว เพื่อแตกใหม่ในปีถัดไป กิ่งที่ได้นำมาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปผึ่งแดดจนแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งและก็ใบสด 3 กิโลกรัม จะตากแห้งได้ 1 กก. รวมทั้งผลิตผลจากต้นอายุ 1 ปี จำนวน 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กิโลกรัม ส่วนประกอบทางเคมี ในใบเจอสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากพบสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol ต้นพบสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone คุณประโยชน์ ยาสมุนไพรประจำถิ่น ใช้ ใบ ต้มกับน้ำดื่ม แก้นิ่วในไต อีกทั้งต้น 10 ส่วน เข้ากับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ทั้งยังต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้ ใบแล้วก็ต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผุยผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน ตำรายาไทย ใช้ ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีด้านใน แล้วก็ข้างนอกทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยทำนุบำรุงรากผม แก้ประดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ตกขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ผื่นคันฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดนำมาตำอย่างละเอียด ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี แล้วก็แผลอักเสบ ต้นและเม็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เม็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี ต้น มีรสเค็มกร่อย ต้นสด รักษาโรคผิวหนังพวกพุพอง น้ำเหลืองเสีย และก็ผื่นคันตามร่างกาย ต้มกินแก้พิษฝีดาษ พิษฝีภายใน ตัดรากฝีทั้งมวล แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาศีรษะบำรุงรากผม ใช้ยั้ง/ต่อต้านมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดศีรษะ ราก ใช้รากสด นำมาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้อาการหอบหืด ขับเสลด เหงือกปลาหมอ ทั้ง 5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เมล็ด) มีคุณประโยชน์ช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยสำหรับการเจริญอาหาร ช่วยทำให้เลือดลดธรรมดา เป็นยาอายุวัฒนะ แบบ/ขนาดการใช้
ในตอนนี้เหงือกปลาหมอ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาหมอ ยาชงสมุนไพรแล้วก็ยาเม็ด มีคุณประโยชน์ใช้รักษาโรคผิวหนังอีกทั้งเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัวหมายถึงการอบตัวด้วยละอองน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร และการอบเปียกแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาแพทย์มีคุณประโยชน์สำหรับรักษาโรคผิวหนัง นอกนั้นเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นส่วนประกอบในสินค้าเครื่องแต่งหน้าต่างๆอาทิเช่น ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและสบู่สมุนไพร ฯลฯ การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ลดการอักเสบ ทดสอบน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคกรัม/มล. กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวถึงแล้วมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ โดยไปยั้งการผลิต leukotriene B-4 แต่สารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist เมื่อเร็วๆนี้ มีงานศึกษาวิจัยว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากต้น ขนาด 500 มคกรัม/มล. มีฤทธิ์ยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับในการลดการสร้าง leukotriene B-4 ถึง 64% และสารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคกรัม/มล. ลดได้ 44% และมีการวิเคราะห์สารสำคัญของเหงือกปลาหมอดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรโครงสร้างเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากอีกทั้งต้นแห้ง (ไม่รู้ความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แม้กระนั้นการทดลองเมล็ดเหงือกปลาแพทย์ พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ S. aureus ฤทธิ์ต้านทานการเกิดออกซิเดชั่น มีการทดลองสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาหมอดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลายประเภท ตัวอย่างเช่น superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical และก็ lipid peroxide เป็นต้น นอกจากนั้นสารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดสอบในหนูถีบจักร พบฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50)เป็น79.67 มคล./มล. และก็พบฤทธิ์ยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50)หมายถึง38.4 มคลิตร/มล. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบคายจากรากของเหงือกปลาหมอมาทำให้กึ่งบริสุทธิ์ โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อเล่าเรียนฤทธิ์เสริมภูมิต้านทานที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนธรรมดา 20 ราย โดยประเมินผลการเรียนจาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาหมอดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคก./มิลลิลิตร) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) การเรียนรู้ทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษรวมทั้งการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่กระตุ้นให้เกิดการก่อกลายประเภท ใน Salmonella typhimurium TA98 รวมทั้ง TA100 แต่เมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศเมียขนาด 2.7 รวมทั้ง 13.5 ก./กิโลกรัม เป็นเวลา 12 เดือน พบความเป็นพิษต่อตับในตัวทดลอง หลักฐานความเป็นพิษ และก็ยังมีการทำการศึกษาเกี่ยววกับการทดสอบความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์อีกจำนวนมากระบุว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชทั้งยังต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นปริมาณครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กิโลกรัม ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กิโลกรัม และก็สารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าท้องหนูถีบจักรเพศผู้อย่างเดียวกัน ค่า LD50 พอๆกับ 750 มก./กก. สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กิโลกรัม เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร (ไม่ระบุขนาด) ไม่นำไปสู่พิษ และเมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มก./สัตว์ทดลอง ไม่พบพิษ ทั้งยังมีการศึกษาถึงพิษของเหงือกปลาหมอดอกม่วงแบบกระทันหันและแบบครึ่งหนึ่งทันควันในหนูจำพวกสวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบและรากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วไม่มีพิษอย่างกระทันหัน แม้กระนั้นการใช้เหงือกปลาแพทย์ในขนาดสูงๆเป็นระยะเวลานานอาจจะก่อให้เป็นผลข้างๆต่อระบบทางเดินเยี่ยวได้ รวมทั้งมีการทดสอบนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนในหลอดทดลองโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบคาย พบว่าสารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ขนาด 100 มคกรัม/มล. เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แต่ว่าเมื่อนำสารสกัดหยาบมาทำให้กึ่งบริสุทธิ์โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงไว้ในหลอดทดลองถึงแม้ว่าจะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มก./กก. กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ข้อเสนอ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง ถึงแม้ในการศึกษาทางด้านพิษวิทยาและการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์ประเภทดอกสีม่วงรวมทั้งจำพวกดอกสีขาว จะส่งผลการเล่าเรียนชี้ว่า ไม่มีพิษแต่อย่างไรก็ดี การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรประเภทอื่นซึ่งก็คือ ไม่ควรใช้ในขนาดและจำนวนที่สูง รวมทั้งใช้เป็นเวลานาน เนื่องจากอาจทำให้กำเนิดความผิดแปลกหรือผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกายได้ เอกสารอ้างอิง
|