หัวข้อ: สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ พฤษภาคม 25, 2018, 11:22:15 am เหงือกปลาหมอ
ชื่อสมุนไพร เหงือกปลาหมอ ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น แก้มแพทย์ (สตูล) , อีเกร็ง (ภาคกลาง) , แก้มหมอเล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาหมอดอกสีขาว) Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาหมอดอกสีม่วง) ชื่อสามัญ Sea Holly. วงศ์ ACANTHACEAE ถิ่นกำเนิด เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยเราเนื่องจากมีประวัติสำหรับการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้งแล้วก็มักจะพบได้บ่อยในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งคลอง เติบโตก้าวหน้าในที่ร่มและมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ชอบที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 ชนิดหมายถึงชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl มักพบในภาคกลางแล้วก็ภาคทิศตะวันออก จำพวกดอกสีม่วง Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นพันธุ์ไม่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย ลักษณะทั่วไป
การขยายพันธุ์ เหงือกปลาแพทย์สามารถเพาะพันธุ์ได้ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วก็การใช้กิ่งปักชำ แต่ว่าแนวทางที่ได้รับความนิยมและก็เห็นผลผลิตที่ดีหมายถึงการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนกระทั่งเกินความจำเป็น อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน คอยรดน้ำให้เปียกแฉะ โดยประมาณ 2 เดือน จะงอกราก ก็เลยกระทำการย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะจัดเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 เซนติเมตร รองตูดหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ให้ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ให้ปุ๋ยบ่อยขึ้นในเรื่องที่เก็บเกี่ยวผลผลิตบ่อยครั้ง ทำให้ต้นโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชดูแลแปลงให้สะอาด หลังปลูก 1 ปี ก็เลยจะเก็บผลผลิต โดยตัดกิ่งให้หมอทั้งยังต้น (ตอ) ให้เหลือความยาวกึ่งหนึ่ง เพื่อแตกใหม่ในปีต่อไป กิ่งที่ได้นำมาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปผึ่งแดดจนถึงแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งแล้วก็ใบสด 3 กก. จะตากแห้งได้ 1 กิโลกรัม และก็ผลิตผลจากต้นอายุ 1 ปี ปริมาณ 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กก. ส่วนประกอบทางเคมี ในใบเจอสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากเจอสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol ต้นพบสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone คุณประโยชน์ ยาสมุนไพรประจำถิ่น ใช้ ใบ ต้มกับน้ำ แก้นิ่วในไต อีกทั้งต้น 10 ส่วน เข้ากับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ อีกทั้งต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้ ใบแล้วก็ต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผุยผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน หนังสือเรียนยาไทย ใช้ ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีด้านใน และข้างนอกทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยทำนุบำรุงรากผม แก้ประดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ตกขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ลมพิษฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดเอามาตำให้รอบคอบ ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี และแผลอักเสบ ต้นรวมทั้งเม็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เมล็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี อีกทั้งต้น มีรสเค็มกร่อย ต้นสด รักษาโรคผิวหนังประเภทพุพอง น้ำเหลืองเสีย และก็ผื่นคันตามร่างกาย ต้มกินแก้พิษฝีดาษ พิษฝีภายใน ตัดรากฝีทั้งมวล แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาศีรษะบำรุงรากผม ใช้ยั้ง/ต้านมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดหัว ราก ใช้รากสด นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้หอบหืด ขับเสลด เหงือกปลาแพทย์ 5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มีคุณประโยชน์ช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยในการเจริญอาหาร ช่วยทำให้เลือดลดปกติ เป็นยาอายุวัฒนะ แบบอย่าง/ขนาดการใช้
ในปัจจุบันเหงือกปลาหมอ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาแพทย์ ยาชงสมุนไพรและยาเม็ด มีสรรพคุณใช้รักษาโรคผิวหนังอีกทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัวเป็นการอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร และการอบเปียกแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์สำหรับรักษาโรคผิวหนัง ยิ่งกว่านั้นเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าต่างๆดังเช่น ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมรวมทั้งสบู่สมุนไพร ฯลฯ การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ลดการอักเสบ ทดลองน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคกรัม/มล. กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวมาแล้วมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ โดยไปยั้งการสร้าง leukotriene B-4 แต่สารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist เมื่อเร็วๆนี้ มีงานศึกษาเรียนรู้ว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากต้น ขนาด 500 มคก./มล. มีฤทธิ์ยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับเพื่อการลดการสร้าง leukotriene B-4 ถึง 64% แล้วก็สารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคกรัม/มล. ลดได้ 44% แล้วก็มีการพินิจพิจารณาสารสำคัญของเหงือกปลาหมอดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรโครงสร้างเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากทั้งต้นแห้ง (ไม่เคยรู้ความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แม้กระนั้นการทดสอบเมล็ดเหงือกปลาแพทย์ พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ S. aureus ฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชั่น มีการทดลองสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลายอย่าง ดังเช่นว่า superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical รวมทั้ง lipid peroxide เป็นต้น นอกจากนั้นสารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดสอบในหนูถีบจักร เจอฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50)เป็น79.67 มคล./มิลลิลิตร รวมทั้งพบฤทธิ์ยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50)เป็น38.4 มคลิตร/มล. ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิต้านทาน มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบจากรากของเหงือกปลาหมอมาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อศึกษาฤทธิ์เสริมภูมิต้านทานที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนปกติ 20 ราย โดยวัดผลการศึกษาเล่าเรียนจาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคก./มิลลิลิตร) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) การเล่าเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่นำมาซึ่งการก่อกลายชนิด ใน Salmonella typhimurium TA98 และก็ TA100 แต่เมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศเมียขนาด 2.7 และ 13.5 กรัม/กิโลกรัม ตรงเวลา 12 เดือน พบความเป็นพิษต่อตับในหนูทดลอง หลักฐานความเป็นพิษ และยังมีการทำการวิจัยเกี่ยววกับการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาหมออีกหลายชิ้นกล่าวว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นจำนวนครึ่งเดียว (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 1 ก./กิโลกรัม ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลและน้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กิโลกรัม และสารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลและน้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ด้วยเหมือนกัน ค่า LD50 เท่ากับ 750 มิลลิกรัม/กก. สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กก. เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร (ไม่เจาะจงขนาด) ไม่ทำให้เกิดพิษ รวมทั้งเมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มิลลิกรัม/สัตว์ทดสอบ ไม่พบพิษ อีกทั้งมีการเรียนถึงพิษของเหงือกปลาหมอดอกม่วงแบบรุนแรงแล้วก็แบบครึ่งหนึ่งกระทันหันในหนูจำพวกสวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบและรากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วไม่มีพิษอย่างเฉียบพลัน แต่ว่าการใช้เหงือกปลาแพทย์ในขนาดสูงๆเป็นเวลานานอาจจะทำให้เป็นผลข้างเคียงต่อระบบฟุตบาทเยี่ยวได้ รวมทั้งมีการทดลองนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนในหลอดทดลองโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบ พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวมาแล้ว ขนาด 100 มคก./มล. เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แต่เมื่อนำสารสกัดหยาบมาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงเอาไว้ภายในหลอดทดสอบถึงแม้จะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคกรัม/มิลลิลิตร การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มก./กิโลกรัม กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ข้อแนะนำ/ข้อควรตรึกตรอง แม้ในการศึกษาทางด้านพิษวิทยาและก็การทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์ประเภทดอกสีม่วงแล้วก็ชนิดดอกสีขาว จะส่งผลการศึกษาเล่าเรียนระบุว่า ไม่มีพิษแต่แม้กระนั้น การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นนั้นก็คือ ไม่ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่สูง และใช้เป็นเวลานาน เพราะเหตุว่าอาจทำให้เกิดความแตกต่างจากปกติหรือผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกายได้ เอกสารอ้างอิง
Tags : เหงือกปลาหมอ
|