หัวข้อ: สมุนไพรพิมเสน มีวิธีรักษาโรคพร้อมทั้งสรรพคุณ-ประโยชน์ดีๆ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ พฤษภาคม 25, 2018, 03:25:27 pm (https://www.img.in.th/images/fed6af07ef7d9cbe2f2714de3702e2e7.jpg)
พิมเสน (Bomed Camphor) พิมเสนคืออะไร พิมเสนมีชื่อเรียกหลายชื่อ ตัวอย่างเช่น ภิมเสน น่ากลัวเสน พิมเสนเกล็ด พิมเสนจังหวัดตรังกานู พรมแสน มีชื่อสามัญว่า “Borneo Camphor” แขกประเทศอินเดียในบอมเบย์เรียก “Bhimseni” หรือ “Boras” ชาวฮินดูเรียก “Bhimsaini-kapur” หรือ “Barus kapur” โดยทั่วไปแล้วพิมเสนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทเป็นพิมเสนที่ได้จากธรรมชาติหรือพิมเสนแท้ ชื่อสามัญ Borneol camphorและพิมเสนสังเคราะห์ หรือพิมเสนเทียม ชื่อสามัญ Borneolum Syntheticum (Borneol) ซึ่งพิมเสนจะมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆแบนๆมีสีขาวขุ่นหรือออกแดงเรื่อๆ(แม้เป็นพิมเสนบริสุทธิ์จะเป็นผลึกรูปแผ่นหกเหลี่ยม) มีเนื้อแน่นกว่าการบูร ระเหิดได้ช้ากว่าการบูร ติดไฟให้แสงแรงและก็มีควันมากมาย ไม่มีเถ้าถ่าน ละลายได้ยากในน้ำ ละลายเจริญในตัวทำละลายจำพวกขั้วต่ำ พิมเสนมีกลิ่นหอมยวนใจเย็น ฉุน รสหอม เย็นปากเย็นคอ แต่ก่อนคนไทยนิยมใช้ใส่ด้านในหมากพลูเคี้ยว สูตรทางเคมีและก็สูตรโครงสร้าง พิมเสนแท้ (Borneo Camphor) เป็นสารประกอบอินทรีย์ประเภทไบไซคิก และก็เป็นสารกรุ๊ปเทอร์พีน มีสูตรเคมีคือ C10H18O มีชื่อทางเคมีว่า(+)-borneol หรือ endo-2-camphanol หรือ endo-2-hydroxycamphane มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว 6 เหลี่ยม มีกลิ่นหอมฉุนเหมือนการบูร ติดไฟให้แสงสว่างแรงรวมทั้งมีควันมาก ไม่มีเถ้า มีมวลโมเลกุล 154.25 gmd -1 แล้วก็มีความถ่วงจำเพาะพอๆกับ 1.011 มีจุดหลอมละลาย 208 องศาเซลเซียส เกือบไม่ละลายน้ำ ละลายได้ในตัวทำละลายชนิดขั้วต่ำ ได้แก่ ปิโตรเลียมอีเธอ(1:6) ในเบนซีน (1:5) ที่มา : Wikiperdia(http://www.disthai.com/images/editor/Untitled-5.jpg) มูลเหตุ พิมเสนธรรมชาติ หรือ พิมเสนแท้ คือ พิมเสนที่ได้มาจากการระเหิด (การกลั่นของเนื้อไม้โดยธรรมชาติ) ของยางจากต้นไม้จำพวก (รู้เรื่องว่าตัวต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้มิได้ถูกข้อบังคับชื่อไทยไว้ ซึ่งในแบบเรียนยาแผนโบราณส่วนใหญ่ก็จะเอ่ยถึงแม้กระนั้นสิ่งที่สกัดได้จากเจ้าพืชต้นใหญ่นี้ว่า พิมเสน เพราะว่าถ้าเกิดเรียกว่าต้นพิมเสนอาจเกิดความสับสน เพราะเหตุว่าต้นพิมเสน นั้นยังหมายถึงพืชอีกชนิด เป็นไม้เนื้ออ่อน มีชื่อวิทยาศาสตร์ Pogostemon cablin (Blanco) Benth. เครือญาติ Labiatae ซึ่งเจ้าต้นนี้ สกัดได้น้ำมันหอมระเหย ที่ฝรั่งเรียกว่า Patchouli) ซึ่งมีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Dryobalanops aromatica Gaertn. จัดอยู่ในวงศ์ยางที่นา (DIPTEROCARPACEAE) (ภาษาจีนกลางเรียกว่า “หลงเหน่าเซียงสู้”) ซึ่งพบได้มากในเมืองจังหวัดตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพืชประเภทนี้(Dryobalanops aromatic Gaertn.) มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ Borneo Camphor Tree, Pokok Kapur Barus (มลายู), Pokok Kapurum (อินโดนีเซีย-เกะสุมาตรา), Mahoborn Teak(อินโดนีเซีย-บอร์เนียว) เป็นไม้ขนาดใหญ่ บางทีอาจสูงได้ถึง 70 เมตร มีพูพอนใหญ่มาก วัดโดยรอบลำต้นได้ 2-10 เมตร เปลาตรง เรือนยอดเป็นรูปฉัตร มีกิ่งก้านใหญ่ ปลายกิ่งตก ยอดทรงแหลม ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ใบที่อยู่ตอนบนของต้นเรียงสลับกัน ส่วนใบที่อยู่ตอนล่างของต้นออกตรงกันข้าม รูปไข่ ค่อยๆเรียวแหลมสู่ปลายใบ ขนาดกว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 7.5-17.8 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบ ก้านใบสั้น ใบอ่อนสีแดงและแขวน ดอกเป็นดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งหรือที่ซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมสดชื่น กลีบชั้นนอกมี 5 กลีบ ขนาดเท่าๆกัน แข็ง กลีบชั้นในห่อตามทางยาว เกสรตัวผู้มีเยอะมาก ก้านเกสรชิดกันเป็น 2 แถว รวมกันเป็นหลอดยาวกว่าเกสรตัวเมีย เกสรตัวเมียมีรังไข่อยู่เหนือกลีบดอกไม้ มี 3 ห้อง ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก กลีบนอกจะแบออกเป็นปีก มี 1 เม็ด พิมเสนสังเคราะห์ หรือ พิมเสนเทียมเป็นพิมเสนที่ได้จากสารสกัดจากต้นการบูร (ชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum camphora (L.) Presl. จัดอยู่ในจัดอยู่ในสกุลอบเชย (LAURACEAE), แล้วก็ต้นหนาด (หนาดหลวง หนาดใหญ่ หรือพิมเสนหนาด ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Blumea balsamifera (L.) DC. จัดอยู่ในตระกูลทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE) โดยผ่านวิธีทางเคมีวิทยา ซึ่งพิมเสนที่ได้จากผู้กระทำลั่นพืชชนิดนี้ จีน(แต้จิ๋ว) เรียก “ไหง่เผี่ยง” จึงเรียกกันว่า “Ngai Camphor” หรือ “Blumea Camphor” นิยมใช้กันมากในเกาะไหหลำ คุณประโยชน์/สรรพคุณ ถึงแม้พิมเสนจะสกัดได้มาจากต้นไม้แต่ ตามตำรายาแผนโบราณ จัดพิมเสน เป็นชนิดธาตุวัตถุ ไม่ใข่พืชวัตถุ หมอแผนโบราณใช้พิมเสนเป็นยาขับเหงื่อ ขับเสลด กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นสมองบำรุงหัวใจ ใช้เป็นยาระงับความกระวนกระวาย ทำให้ง่วงซึมแก้กลยุทธ์ปวดเมื่อยคลายเส้นการอบสมุนไพรมีพิมเสนเป็นองค์ประกอบในตัวยา พิมเสนซึ่งระเหิดเมื่อถูกความร้อน มีกลิ่นหอมสดชื่น ใช้แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ แก้โรคผิวหนัง ผสมในลูกประคบ เพื่อช่วยแต่งกลิ่น มีฤทธิ์แก้พุพอง แก้หวัดนอกจากนั้นยังผสมอยู่ในยาหม่อง น้ำอบไทย ในตำราเรียนพระโอสถพระนารายณ์: เจาะจง “ตำรับยาทรงจมูก” เข้าเครื่องยา 17 สิ่ง ใช้ปริมาณเท่าๆกัน และ พิมเสนด้วย ผสมกัน บดเป็นผงละเอียด ใช้จมูกแก้ลมทั้งหลาย ตลอดจนโรคที่เกิดในศีรษะ ตา รวมทั้งจมูก อีกขนานหนึ่งเข้าเครื่องยา 15 สิ่ง และก็พิมเสนด้วย บดเป็นผงละเอียด ห่อผ้าบาง ทำเป็นยาดม แก้ปวดศีรษะ วิงเวียน แก้สลบ แก้ริดสีดวงจมูก คอ แล้วก็ตา นอกจากนี้พิมเสนยังใช้เป็นส่วนประกอบใน “ตำรับยาสีผึ้งบี้พระเส้น” ใช้ถูนวดเส้นที่แข็งให้หย่อนได้ แล้วก็ในตำรับ “ขี้ผึ้งขาวแก้พิษแสบร้อนให้เย็น” การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา หากแม้ชาวไทยเราจะรู้จักพิมเสนกันมานาน แต่ว่าข้อมูลเกี่ยวกับพิมเสนกลับไม่มีให้ค้นคว้ามากนัก เนื่องจากว่าต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้ เป็นพืชที่มีเฉพาะถิ่นที่ขึ้นกับเฉพาะในเขตป่าของ เกาะเกะสุมาตรา บอร์เนียว และคาบสมุทรมลายู ก็เลยทำให้การวิจัยในต้นไม้ประเภทนี้เป็นไปแบบแคบๆไม่กว้างใหญ่แต่ว่าก็ยังมีตัวอปิ้งข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพิมเสนบางฉบับที่มีการเผยแพร่กัน เช่น
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา เช่นเดียวกับการศึกษาทางเภสัชวิทยาพิมเสนกับการศึกษาทางพิษวิทยานี้ก็การศึกษาต่ำกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเนื่องมาจากการที่ต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้ฯลฯไม้เฉพาะถิ่น แม้กระนั้นก็มีการระบุข้อจำกัดในการใช้พิมเสนไว้ว่า ถ้าเกิดดมกลิ่นต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆบางทีอาจทำให้เป็นอันตรายได้ เนื่องจากสารนี้กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการระคายรอบๆทางเท้าหายใจ นอกจากนั้นสารนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นรวมทั้งสงบระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งรวมถึงการใช้กำเนิดขนาดด้วย ขนาด/ปริมาณที่ควรที่จะใช้ ในตำรายาไทยกำหนดไว้ว่า วิธีใช้พิมเสนสำหรับรับประทาน ให้ใช้ทีละ 0.15-0.3 กรัมนำมาบดเป็นผุยผงเข้ากับตำรายาอื่น หรือใช้ทำเป็นยาเม็ด และไม่ควรจะปรุงยาด้วยวิธีการต้ม ถ้าหากใช้ด้านนอกให้เอามาบดเป็นผุยผงใช้โรยแผลตามที่อยาก ส่วนขนาด/จำนวนของพิมเสนที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยอนุญาตให้ใช้เป็นองค์ประกอบกับตัวยาอื่นๆนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเจาะจงให้ใช้เป็นตำรับๆไป (https://www.img.in.th/images/d8f7c37c23e20f8b0bf81d8b0f9b060b.jpg) ข้อแนะนำ/ข้อควรไตร่ตรอง
อนึ่งในขณะนี้พิมเสนแท้เกือบจะไม่มีแล้ว เพราะเหตุว่าราคาแพงแพง ส่วนมากก็เลยใช้พิมเสนสังเคราะห์ ซึ่งได้มาจากปฏิกิริยารีดักชันของการบูร (dl-camphor) ได้เป็น (dl-borneol) ก็คือ พิมเสนเกล็ดขาวๆที่มองเห็นกันโดยทั่วไป ก็เลยเรียก พิมเสนเทียมนี้ ว่า "พิมเสนเกล็ด" Borneolum Syntheticum (Borneol) ซึ่งพิมเสนสังเคราะห์ (หรือพิมเสนเทียม)นี้ชอบมีรสเผ็ดกัดลิ้น หากเป็นของจากธรรมชาติจะไม่กัดลิ้นแม้กระนั้นจะทำให้เย็นปากเย็นคอ จำเป็นจะต้องต้องระวังสำหรับการใช้พิมเสนสังเคราะห์นี้ด้วย เอกสารอ้างอิง
|