หัวข้อ: งาดำที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี มีสรรพคุณเเละประโยชน์อันน่าทึ่ง เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ พฤษภาคม 26, 2018, 09:53:29 am งาดำ
ชื่อสมุนไพร งาดำ ชื่อสามัญ Black Sasame seeds Black ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum indicum Linn สกุล Pedaliaceae ถิ่นเกิด งามีบ้านเกิดในทวีปแอฟริกา รอบๆประเทศเอธิโอเปีย แล้วแผ่กระจายไปยังอินเดีย จีน แล้วก็ประเทศต่างๆในแถบเอเชียรวมถึงเมืองไทยด้วย ส่วนในประเทศอินเดียมีการระบุว่ามีการปลูกงามาแล้วหลายพันปี ก่อนที่พ่อค้าชาวอาหรับ แล้วก็เมดิเตอร์เรเนียลจะนำงาไปปลูกแถบอาหรับ และก็ ยุโรป นอกจากนั้นยังมีผู้พบหลักฐานว่า ชาวบาบิโลนในประเทศโซมาเลียมีการปลูกงามาเป็นเวลานานกว่า 2,500 ปี ก่อนคริสตกาล แล้วก็ใช้นํ้ามันงาสำหรับทำยา รวมทั้งของกิน ซึ่งมีบันทึกใน Medical Papyrus of Thebes พูดว่า ทหารโรมันได้นำงาไปปลูกลงในประเทศอิตาลีในคริสศตวรรษที่ 1 แม้กระนั้นปรากฏว่าลักษณะของอากาศไม่เหมาะกับการปลูก รวมทั้งในช่วงปลายศตวรรษที่17 และ18 มีการนำงามาปลูกเอาไว้ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยขี้ข้าชาวแอฟริกัน ด้านการใช้ผลดีจากงาดำนั้นประเทศอินเดีย จีน แล้วก็ประเทศอื่นๆในแถบเอเซียจะใช้งาทำเป็นนํ้ามันเพื่อประกอบอาหาร ส่วนชาวตะวันตกจะนำงามาทำขนมเค้ก ไวน์ รวมทั้งนํ้ามัน รวมทั้งใช้ในการทำอาหาร และเป็นเครื่องหอม ส่วนชาวแอฟริกันใช้ใบงาทำ ตะไล รวมทั้งพอกผิวหนัง แล้วก็ใช้เป็นสารไล่แมลงให้สัตว์เลี้ยงฯลฯ ลักษณะทั่วไป งาดำ เป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุฤดูเดียว มีลำต้นตั้งชัน อาจแตกกิ่งหรือไม่แตกกิ่งแขนง ลำต้นสูงราวๆ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะสีเหลี่ยม มีร่องตามทางยาว ไม่มีแก่น มีลักษณะอวบน้ำ รวมทั้งมีขนสั้นปกคลุม เปลือกลำต้นบาง มีสีเขียว ใบงาดำ ออกเป็นใบผู้เดียว เรียงตรงข้ามกันเป็นชั้นๆตามความสูง ประกอบด้วยก้านใบสั้น ยาวราว แผ่นใบมีรูปหอก สีเขียวสด กว้างโดยประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวราวๆ 8-16 ซม. โคนใบมนกว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบหยักน้อย มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆยาวจรดขอบใบ ดอกงาดำเป็นดอกโดดเดี่ยวหรือเป็นกรุ๊ปตรงซอกใบ จำนวน 1-3 ดอก ดอกย่อยมีก้านดอกสั้น มีกลีบรองดอก จำนวน 5 กลีบ ส่วนกลีบดอกมีลักษณะเป็นกรวย ห้วยลงดิน กลีบดอกไม้อ่อนมีสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกไม้เมื่อบานมีสีขาว ยาวโดยประมาณ 4-5 ซม. แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กลีบด้านล่าง รวมทั้งกลีบบน โดยกลีบข้างล่างจะยาวกว่ากลีบบน ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 2 คู่ มี 1 คู่ยาว ส่วนอีกคู่สั้นกว่า ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน มีก้านเกสรยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายก้านเกสรวิ่นเป็น 2-4 แฉก ผลงาดำเรียกว่า ฝัก มีลักษณะทรงกระบอกยาว ผิวฝักเรียบ ปลายฝักแหลมเป็นติ่ง และแบ่งออกเป็นร่องพู 2-4 ร่อง กว้างราว 1 เซนติเมตร ยาวโดยประมาณ 2-3 ซม. ฝักอ่อนมีสีเขียว แล้วก็มีขนปกคลุม ฝักแก่กลายเป็นสีน้ำตาล รวมทั้งเบาๆเปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา ต่อจากนั้น ร่องพูจะปริแตก เพื่อให้เมล็ดตกลงดิน ด้านในฝักมีเมล็ดขนาดเล็ก สีดำจำนวนมาก เมล็ดเรียงซ้อนในร่องพู เมล็ดมีรูปรี และแบน ขนาดเม็ดโดยประมาณ 2-3 มม. เปลือกเม็ดบางมีสีดำ มีกลิ่นหอมยวนใจ แต่ละฝักมีเมล็ดราว 80-100 เมล็ด การขยายพันธุ์ งาดำเพาะพันธุ์ด้วยการใช้เม็ด ซึ่งนิยมปลูกด้วยกัน 2 แบบเป็นการหว่านเม็ด และโรยเม็ดเป็นแนว แบ่งตอนปลูกออกเป็น 3 ตอน เป็น
การเตรียมแปลงปลูก ในพื้นที่ที่มีระบบชลประทานเข้าถึง สามารถปลูกงาดำได้ทุกฤดู ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีระบบชลประทานมักปลูกเอาไว้ภายในตอนหลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ พื้นที่แปลงปลูกต้องไถกลบดิน 1 รอบก่อน และตากดินนาน 7-10 วัน จากนั้น หว่านด้วยปุ๋ยหมัก โดยประมาณ 1-2 ตัน/ไร่ ก่อนไถพรวนดินกลบอีกครั้ง หรือหว่านปุ๋ยธรรมชาติตั้งแต่ตอนไถรอบแรก (ใช้สำหรับพื้นที่ไม่เกลื่อนกลาดมากมาย) เพราะเหตุว่ารอบต่อมาจะเป็นการหว่านเมล็ดได้เลย ส่วนการปลูกแบบหยอดเม็ด ให้ไถร่องตื้นหรือใช้คราดดึงทำแนวร่องก่อน การปลูก
การดูแลและรักษา หลังการโปรยเมล็ด แม้ปลูกเอาไว้ในตอนแล้ง เกษตรมักจัดตั้งระบบให้น้ำ ซึ่งควรจะให้เป็นประจำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ส่วนการปลูกเอาไว้ในฤดูฝน เกษตรมักปล่อยให้งาดำเติบโตโดยอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ทั้งนี้ แม้พบโรคหรือแมลงให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัด ส่วนการใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในระยะ 1-1.5 เดือน แรกข้างหลังปลูก รวมทั้งอาจใส่ร่วมกับปุ๋ยคอก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ ส่วนการกำจัดวัชพืช ให้ลงแปลงถอนวัชพืชด้วยมือเป็นประจำ ทุก 2 ครั้ง/ เดือน โดยเฉพาะใน 1-1.5 เดือนแรก การเก็บเกี่ยวผลิตผล งาดำ สามารถเก็บเกี่ยวเมล็ดได้หลังการปลูกประมาณ 70-120 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยสังเกตจากฝักที่เริ่มกลายเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลอมดำ ส่วนใบจะเริ่มสีเหลือง และบางชนิดมีการร่วงแล้ว ดังนี้ จะต้องเก็บฝักก่อนที่เปลือกฝักจะปริแตก ส่วนพันธุ์งาดำที่นิยมปลูกในขณะนี้นั้นมีด้วยกัน 4 ประเภทเป็น
ในเมล็ดมีน้ำมันอยู่ราว 45-55% มีกรดไขมันตัวอย่างเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, ยิ่งไปกว่านี้ยังมี สารกรุ๊ป lignan, ชื่อ Sesamin , sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆเป็นต้นว่า sitosterol (สารกันหืนคือ sesamol ทำให้น้ำมันงาไม่เหม็นหืน) นอกจากนี้งาดำยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ ค่าทางโภชนาการของงาดำ (งาดำ 100 กรัม) น้ำ 4.2 กรัม พลังงาน 603 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 20.6 กรัม ไขมัน 48.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 21.8 กรัม ใยอาหาร 9.9 กรัม เถ้า 5.2 กรัม แคลเซียม 1228 มิลลิกรัม เหล็ก 8.8 มก. ฟอสฟอรัส 584 มิลลิกรัม ไทอะมีน 0.94 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.27 มก. ไนอะซีน 3.5 มก. กรดกลูดามิก 3.955 กรัม กรดแอสพาร์ว่ากล่าวก 1.646 กรัม เมไธโอนีน 0.586 กรัม ทรีโอนีน 0.736 กรัม ซีสครั้งอีน 0.358 กรัม ซีรีน 0.967 กรัม ฟีนิลอะลานีน 0.940 กรัม อะลานีน 0.927 กรัม อาร์จินีน 2.630 กรัม โปรลีน 0.810 กรัม ไกลซีน 1.215 กรัม ฮิสทิดีน 0.522 กรัม ทริปโตเฟน 0.388 กรัม ไทโรซีน 0.743 กรัม วาลีน 0.990 กรัม ไอโซลิวซีน 0.763 กรัม ลิวซีน 1.358 กรัม ไลซีน 0.569 กรัม ธาตุแคลเซียม 975 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม ธาตุซีลีเนียม 5.7 มก. ธาตุโซเดียม 11 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 629 มก. ธาตุสังกะสี 7.75 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 468 มก. ธาตุแมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 2.460 มก. ธาตุทองแดง 4.082 มิลลิกรัม ประโยชน์/สรรพคุณ งาดำนิยมประยุกต์ใช้เป็นสัดส่วนผสมของของหวานต่างๆเช่น ไอศกรีมงาดำ , คุกกี้งาดำ , เค้กงาดำ , นมงาดำ , กระยาสารท ฯลฯ หรือใช้เป็นส่วนผสมภัณฑ์เสริมความงดงามต่างๆยกตัวอย่างเช่น สบู่ โลชั่นที่เอาไว้สำหรับบำรุงผิว ฯลฯ ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของงาดำนั้นสามารถช่วยบำรุงรักษาร่างกายดูเหมือนจะทุกรูปร่าง ไม่ว่าจะเป็น ผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ ระบบขับถ่าย การบำรุงหัวใจ จึงเหมาะกับทุกวัย กระทั่งเด็กที่มีลักษณะอาการป่วยไข้อยู่แล้ว หรือเพศหญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจะจำเป็นมากอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าจะช่วยคุ้มครองปกป้องโรคภาวะกระดูกพรุนอย่างสำเร็จ โดยในแบบเรียนยาไทยกล่าวว่า ใช้น้ำมันระเหยยากที่บีบจากเมล็ด หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผล และก็ผสมเป็นน้ำมันทาถูนวดแก้เคล็ดปวดเมื่อย ฟกช้ำดำเขียว ปวดบวม ลดการอักเสบ ใส่แผลรักษาอาการผื่นคัน ทำน้ำมันใส่ผม เป็นยาระบายอ่อนๆทาผิวหนังให้นุ่มและก็ชุ่มชื้น หญิงไทยโบราณใช้ทาเพื่อทำให้หมดจดผิว คุณประโยชน์ประจำถิ่นพูดว่า เม็ด ทำให้มีการเกิดกำลัง ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แม้กระนั้นทำให้ดีกำเริบเสิบสาน น้ำมัน ทำน้ำมันใส่แผล ใส่แผลเน่าเปื่อย มักใช้ผสมยาทาสำหรับกระดูกหัก บำรุงเอ็น ไขข้อ ทานวดแก้เคล็ดยอก ปวดบวม หรือใช้ทาบำรุงรากผม ตำรับยาสมุนไพรล้านนา: ใช้รักษาโรคผิวหนัง ขี้กลาก เกลื้อน น้ำร้อนลวก ไฟเผา ตำรับยาน้ำมันที่ระบุในแบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์: มีรวม 3 ตำรับ ที่ใช้น้ำมันงาเป็นส่วนประกอบ ดังนี้ “น้ำมันทรงแก้พระเส้นผมร่วง (ผมร่วง)ให้คันให้หงอก” มีสมุนไพร 19 ประเภท นำมาต้มแล้วกรองกากออก เติมน้ำมันงา แล้วหุงให้เหลือแค่น้ำมันใช้แก้พระเส้นผมเธอ คัน ขาว “น้ำมันแก้ยุ่ยพังทลาย” มีคุณประโยชน์ แก้ขัดเบาหรือฉี่ไม่ออก แก้ปวดขบ แก้หนอง มีรวม 2 ตำรับ แต่ละตำรับ มีสมุนไพร 12 ชนิด รวมทั้งน้ำมันงาพอควร หุงให้เหลือแค่น้ำมัน ยานี้ใช้ ยอนเป่าเข้าไปในลำกล้องถ่ายรูป (ทางเดินปัสสาวะในองคชาติ) ส่วนตำราแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าสารออกฤทธิ์ในงาดำมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ต้านเซลล์ของโรคมะเร็ง รักษาอาการไอ จากการระบุความสามารถการดูแลรักษาโรคของเมล็ดงาโดยฐานข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ว่าช่วยทุเลาอาการไอ นับมีประโยชน์ข้อเดียวของงาดำและก็งาขาวที่มีข้อมูลสูงที่สุดในขณะนี้ ลดระดับคอเลสเตอรอล น้ำมันงาเป็นหนึ่งในน้ำมันจากพืชที่กล่าวกันว่าดีต่อสุขภาพ โดยเชื่อว่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันชนิดดีที่ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลและก็ในน้ำมันงานี้ยังเจอไขมันอิ่มตัวในจำนวนน้อย วัยทอง หญิงที่ไปสู่วัยหมดระดูซึ่งเป็นภาวะของความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและจิตใจจากการที่ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกต่อไป อาจได้ใช้ประโยชน์จากสารเซซามิน (Sesamin) ในเมล็ดงาที่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกจุลชีพในลำไส้แปรไปเป็นสารสำคัญอย่างเอนเทอโรแลกโตน (Enterolactone) ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนแล้วก็มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายฮอร์โมนเอสโตเจนของเพศหญิงอย่างไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) งาเป็นของกินที่มีธาตุมากที่สำคัญหมายถึงธาตุเหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส โดยปริมาณแคลเซียมที่พบจะมีมากกว่าผักทั่วไปกว่า 40 เท่า แล้วก็ฟอสฟอรัสมากยิ่งกว่าพืชผักทั่วไปกว่า 20 เท่า ซึ่งเป็นธาตุที่ปฏิบัติภารกิจเสริมสร้างกระดูก โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆ แล้วก็สตรีวัยหมดประจำเดือน กรดไขมันไลโนเลอิค แล้วก็กรดไขมันชนิดโอเลอิค ช่วยสำหรับเพื่อการลดระดับไขมันชนิดต่างๆในเส้นโลหิต รวมทั้งช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดเกล็ดเลือด และลิ่มเลือด งามีคาร์โบไฮเดรตในจำนวนตํ่า แม้กระนั้นมีวิตามินบีทุกชนิดสูงก็เลยถือได้ว่างามีวิตามินบีอยู่เกือบทุกประเภท จึงมีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงระบบประสาท บำรุงสมอง ทุเลาอาการเหน็บชา แก้ร่างกายอ่อนแรง แก้อาการปวดปวดเมื่อย รวมทั้งแก้การไม่อยากกินอาหาร งามีจำนวนใยอาหารในปริมาณสูง ทำหน้าที่เสริมสร้าง และกระตุ้นการทำงานของไส้ ทั้งยังการย่อย การดูดซึม และการขับถ่าย ช่วยปกป้องอาการท้องผูก ยั้ง แล้วก็ซึมซับพิษ พร้อมขับออกทางอุจจาระ ทำให้คุ้มครองมะเร็งในไส้ และควบคุมระดับไขมันในเลือด กรดไลโนเลอิคพบในเม็ดงามากไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นกรดที่มีหน้าที่สำคัญต่อการเติบโต แล้วก็ช่วยรักษาความชื้นของผิวหนัง เพราะทำให้ฝาผนังเซลล์ด้านในข้างนอกดำเนินการอย่างธรรมดา ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้ ในปัจจุบันงาดำนั้นส่วนใหญ่จะนิยมเอามาทำเป็นขนมหรือส่วนประกอบของของหวานและผลิตภัณฑ์ที่ใช้บริโภคมากยิ่งกว่าการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆแม้กระนั้นก็มีตำรายาไทยแผนโบราณที่ได้เจาะจงปริมาณการใช้เพื่อเยียวยาโรคต่างๆอย่างเช่น
ฤทธิ์ลดการอักเสบ สาร sesamin จากน้ำมันเม็ดงา เมื่อทำการทดสอบโดยผสมลงในของกินของหนูถีบจักร แล้วก็ป้อนให้หนูที่ถูกรั้งนำให้มีการติดโรค และก็การอักเสบที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งหนูที่มีการอักเสบจะมีการหลั่งสาร dienoic, eicosanoids, TNF-a (tumor necrosis factor-a) และก็ cyclooxygenase เพิ่มมากขึ้น จากผลของการทดลอง พบว่าสาร sesamin ในน้ำมันเม็ดงา มีฤทธิ์ลดการอักเสบที่ไส้ของหนูได้ โดยลดการสร้างสารประเภท Prostaglandin E2 (PGE2), Thromboxane B2 (TXB2) แล้วก็ TNF-a อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (1) เมื่อทำการทดลองในชายปกติ 11 คน โดยฉีดสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบ Auromyose ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ของ TNF-a, PGE2 และก็ leukotriene B4 (LTB4) แล้วให้ชายอีกทั้ง 11 คน ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันงา 18 ก./วัน นาน 12 อาทิตย์ รวมทั้งกระทำวัดระดับ TNF-a, PGE2 และ LTB4 ในกระแสโลหิตอีกทั้งก่อนรวมทั้งหลังให้อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันงา พบว่าระดับของสารที่นำไปสู่การอักเสบดังที่กล่าวมาแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง แปลว่าน้ำมันงาไม่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ (2) 0.5 ก. ของสารสกัดเมทานอล 100% จากเม็ดงา 100 ก. ไม่มีผลยั้ง cyclooxygenase 2 และก็ nitric oxide ในเซลล์ RAW 264.7 ที่ถูกรั้งนำโดย lipopolysaccharide (3) ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดอัลกอฮอล์หรืออะซีโตนจากเมล็ดงา ความเข้มข้น 25 มคก./มิลลิลิตร (4) แล้วก็สารสกัดเอทานอล 80% จากใบ ลำต้น ราก รวมทั้งผล ความเข้มข้น 500 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร (5) ไม่มีผลยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus (4, 5) และเชื้อ Pseudomonas aeruginosa (5) การเล่าเรียนเกี่ยวกับสรรพคุณของงาดำและก็งาขาวที่ช่วยรักษาอาการไอ เป็นการทดสอบในเด็กอายุ 2-12 ปี จำนวน 107 คน ที่มีอาการไอจากโรคหวัด โดยให้รับประทานน้ำมันงา 5 มิลลิลิตรก่อนนอนติดต่อกัน 3 วัน เพื่อลดความร้ายแรงและความถี่ของการไอ ผลลัพธ์พบว่าในวันแรกอาการไอของเด็กที่กินน้ำมันงาดียิ่งขึ้นกว่ากรุ๊ปรับประทานยาหลอก แต่ว่าอยู่ในระดับไม่เท่าไรนัก รวมทั้งเมื่อผ่านไป 3 วัน เด็ก 2 กลุ่มต่างมีลักษณะอาการดียิ่งขึ้น และไม่พบว่าการใช้น้ำมันงาก่อกำเนิดผลกระทบใดๆศึกษาวิจัยคนไข้ที่บาดเจ็บในโรงพยาบาลทั้งผอง 150 คน โดยกลุ่มหนึ่งให้การรักษาด้วยการใช้การทาน้ำมันงาควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาธรรมดา ส่วนอีกกรุ๊ปให้การดูแลรักษาธรรมดาเพียงอย่างเดียว ผลปรากฏว่าน้ำมันงาช่วยลดความร้ายแรงของความเจ็บปวดแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้คนป่วยกินยาพาราน้อยลง ภาควิชาแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ศึกษาและทำการค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซาไม่นอยู่ด้านในซึ่งสารตัวนี้สามารถที่จะช่วยสำหรับการยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูก ที่ให้กำเนิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ได้โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมผสานกับกระดูกมากยิ่งขึ้นยิ่งกว่านั้นยังช่วยในเรื่องของโรคสมอง ไม่ว่าจะมีลักษณะเป็นเส้นเลือดตันในสมองเส้นเลือดแตก ที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตโดยสารเซซามินจะเข้าไปช่วยคุ้มครองปกป้องเซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ รวมทั้งช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพสุดท้ายก็เป็นโรคมะเร็ง ที่ถือเป็นโรคที่เกิดมากเป็นชั้น 1 ตอนนี้ซึ่งเซลล์มะเร็งนั้นจะแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วเพราะเหตุว่ามีเส้นโลหิตใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์ของมะเร็งนั้นๆจากนั้นก็จะแพร่ไปไปบ่อยซึ่งสารเซซาไม่น ก็จะเข้าไปคุ้มครองป้องกันเซลล์พร้อมด้วยตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งพร้อมกับค่อยๆฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้คืนมา โดยผลการวิเคาะห์ในห้องทดลองที่ได้ร่วมกับนิสิตปริญญาโท ได้ทดลองกับไข่ไก่ที่ธรรมดาแล้วหลังจากนั้นได้ทำการฉีดเซลล์หรือสารพิษเข้าไป ก็พบว่าไข่ไก่จะกำเนิดอาการเป็นพิษหรือคล้ายกับการเป็นมะเร็ง แล้วต่อจากนั้นก็ทำการฉีดสารเซซามิน เข้าไปก็พบว่าการบูรณะของเซลล์เริ่มคืนมาและได้ทดสอบด้วยการฉีดสารเซซาไม่นเข้าไปในไข่ไก่ปกติ แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 6 ชั่วโมงถึงฉีดพิษ หรือเซลล์ของโรคมะเร็งเข้าไป ก็พบว่ามีการป้องกันเซลล์ได้มากกว่าไข่ไก่ที่ผิดฉีดสารเซซาไม่นอปิ้งเห็นได้ชัด การเรียนรู้ทางพิษวิทยา
|