หัวข้อ: สมุนไพรพิมเสน มีวิธีรักษาโรคพร้อมทั้งสรรพคุณ-ประโยชน์ดีๆ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ พฤษภาคม 26, 2018, 10:42:34 am (https://www.img.in.th/images/fed6af07ef7d9cbe2f2714de3702e2e7.jpg)
พิมเสน (Bomed Camphor) พิมเสนเป็นอย่างไร พิมเสนมีชื่อเรียกหลายชื่อ ตัวอย่างเช่น ภิมเสน น่ากลัวเสน พิมเสนเกล็ด พิมเสนจังหวัดตรังกานู พรมแสน มีชื่อสามัญว่า “Borneo Camphor” แขกอินเดียในบอมเบย์เรียก “Bhimseni” หรือ “Boras” ชาวฮินดูเรียก “Bhimsaini-kapur” หรือ “Barus kapur” โดยทั่วไปแล้วพิมเสนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหมายถึงพิมเสนที่ได้จากธรรมชาติหรือพิมเสนแท้ ชื่อสามัญ Borneol camphorแล้วก็พิมเสนสังเคราะห์ หรือพิมเสนเทียม ชื่อสามัญ Borneolum Syntheticum (Borneol) ซึ่งพิมเสนจะมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆแบนๆมีสีขาวขุ่นหรือออกแดงเรื่อๆ(หากเป็นพิมเสนบริสุทธิ์จะเป็นผลึกรูปแผ่นหกเหลี่ยม) มีเนื้อแน่นกว่าการบูร ระเหิดได้ช้ากว่าการบูร ติดไฟให้แสงจ้าและก็มีควันมาก ไม่มีเถ้าถ่าน ละลายได้ยากในน้ำ ละลายเจริญในตัวทำละลายประเภทขั้วต่ำ พิมเสนมีกลิ่นหอมสดชื่นเย็น ฉุน รสหอม เย็นปากเย็นคอ สมัยเก่าคนประเทศไทยนิยมใช้ใส่ไว้ในหมากพลูบด สูตรทางเคมีและสูตรโครงสร้าง พิมเสนแท้ (Borneo Camphor) เป็นสารประกอบอินทรีย์ชนิดไบไซคิก แล้วก็เป็นสารกลุ่มเทอร์พีน มีสูตรเคมีเป็น C10H18O มีชื่อทางเคมีว่า(+)-borneol หรือ endo-2-camphanol หรือ endo-2-hydroxycamphane มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว 6 เหลี่ยม มีกลิ่นหอมหวนฉุนคล้ายการบูร ติดไฟให้แสงแรงแล้วก็มีควันมากมาย ไม่มีเถ้า มีมวลโมเลกุล 154.25 gmd -1 และก็มีความถ่วงจำเพาะพอๆกับ 1.011 มีจุดหลอมละลาย 208 องศาเซลเซียส เกือบไม่ละลายน้ำ ละลายได้ในตัวทำละลายชนิดขั้วต่ำ อย่างเช่น น้ำมันปิโตรเลียมอีคุณ(1:6) ในเบนซีน (1:5) ที่มา : Wikiperdia(http://www.disthai.com/images/editor/Untitled-5.jpg) แหล่งที่มา พิมเสนธรรมชาติ หรือ พิมเสนแท้ คือ พิมเสนที่ได้มาจากการระเหิด (ผู้กระทำลั่นของเนื้อไม้โดยธรรมชาติ) ของยางจากต้นไม้ประเภท (เข้าใจว่าตัวต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้มิได้ถูกบัญญัติชื่อไทยไว้ ซึ่งในตำราเรียนยาแผนโบราณส่วนใหญ่ก็จะเอ่ยถึงแม้กระนั้นสิ่งที่สกัดได้จากเจ้าพืชต้นใหญ่นี้ว่า พิมเสน เพราะว่าแม้เรียกว่าต้นพิมเสนบางทีอาจเกิดความสับสน เนื่องจากว่าต้นพิมเสน นั้นยังหมายถึงพืชอีกประเภท เป็นไม้เนื้ออ่อน มีชื่อวิทยาศาสตร์ Pogostemon cablin (Blanco) Benth. เชื้อสาย Labiatae ซึ่งเจ้าต้นนี้ สกัดได้น้ำมันหอมระเหย ที่ฝรั่งเรียกว่า Patchouli) ซึ่งมีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Dryobalanops aromatica Gaertn. จัดอยู่ในสกุลยางท้องนา (DIPTEROCARPACEAE) (ภาษาจีนกลางเรียกว่า “หลงเหน่าเซียงสู้”) ซึ่งมักพบในรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพืชชนิดนี้(Dryobalanops aromatic Gaertn.) มีชื่อเรียกหลายชื่อ ดังเช่น Borneo Camphor Tree, Pokok Kapur Barus (มลายู), Pokok Kapurum (อินโดนีเซีย-สุมาตรา), Mahoborn Teak(อินโดนีเซีย-บอร์เนียว) เป็นไม้ขนาดใหญ่ อาจสูงได้ถึง 70 เมตร มีพูพอนใหญ่มาก วัดรอบๆลำต้นได้ 2-10 เมตร เปลาตรง เรือนยอดเป็นรูปฉัตร มีแขนงใหญ่ ปลายกิ่งตก ยอดทรงแหลม ใบเป็นใบลำพัง ใบที่อยู่ตอนบนของต้นเรียงสลับกัน ส่วนใบที่อยู่ตอนล่างของต้นออกตรงกันข้าม รูปไข่ เบาๆเรียวแหลมสู่ปลายใบ ขนาดกว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 7.5-17.8 ซม. ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบ ก้านใบสั้น ใบอ่อนสีแดงและก็แขวน ดอกเป็นดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งหรือที่ซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมยวนใจ กลีบชั้นนอกมี 5 กลีบ ขนาดเท่าๆกัน แข็ง กลีบชั้นในห่อตามทางยาว เกสรตัวผู้มีจำนวนไม่น้อย ก้านเกสรชิดกันเป็น 2 แถว รวมกันเป็นหลอดยาวกว่าเกสรตัวเมีย เกสรตัวเมียมีรังไข่อยู่เหนือกลีบ มี 3 ห้อง ผลได้ผลแห้ง ไม่แตก กลีบนอกจะแบออกเป็นปีก มี 1 เมล็ด พิมเสนสังเคราะห์ หรือ พิมเสนเทียมหมายถึงพิมเสนที่ได้จากสารสกัดจากต้นการบูร (ชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum camphora (L.) Presl. จัดอยู่ในจัดอยู่ในตระกูลอบเชย (LAURACEAE), และก็ต้นหนาด (หนาดหลวง หนาดใหญ่ หรือพิมเสนหนาด ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Blumea balsamifera (L.) DC. จัดอยู่ในตระกูลทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE) โดยผ่านวิธีทางเคมีวิทยา ซึ่งพิมเสนที่ได้จากการกลั่นพืชชนิดนี้ จีน(แต้จิ๋ว) เรียก “ไหง่เผี่ยง” ก็เลยเรียกกันว่า “Ngai Camphor” หรือ “Blumea Camphor” นิยมใช้กันมากในเกาะไหหลำ ผลดี/สรรพคุณ แม้ว่าพิมเสนจะสกัดได้มาจากต้นไม้แต่ ตามตำรายาแผนโบราณ จัดพิมเสน เป็นประเภทธาตุวัตถุ ไม่ใข่พืชวัตถุ แพทย์แผนโบราณใช้พิมเสนเป็นยาขับเหงื่อ ขับเสลด กระตุ้นการหายใจ กระตุ้นสมองบำรุงหัวใจ ใช้เป็นยายับยั้งความกระวายกระวน ทำให้ง่วงซึมแก้เคล็ดขัดยอกคลายเส้นการอบสมุนไพรมีพิมเสนเป็นส่วนประกอบในตัวยา พิมเสนซึ่งระเหิดเมื่อถูกความร้อน มีกลิ่นหอมหวน ใช้แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ แก้โรคผิวหนัง ผสมในลูกประคบ เพื่อช่วยแต่งกลิ่น มีฤทธิ์แก้พุพอง แก้หวัดนอกจากนี้ยังผสมอยู่ในยาหม่อง น้ำอบไทย ในตำราพระโอสถพระนารายณ์: กำหนด “ตำรับยาทรงนัตถุ์” เข้าเครื่องยา 17 สิ่ง ใช้ปริมาณเท่าๆกัน แล้วก็ พิมเสนด้วย ผสมกัน บดเป็นผงละเอียด ใช้จมูกแก้ลมทั้งหลาย ตลอดจนโรคที่เกิดในหัว ตา รวมทั้งจมูก อีกขนานหนึ่งเข้าเครื่องยา 15 สิ่ง แล้วก็พิมเสนด้วย บดเป็นผงละเอียด ห่อผ้าบาง ทำเป็นยาดม แก้ปวดศีรษะ เวียนหัว แก้สลบ แก้ริดสีดวงจมูก คอ แล้วก็ตา นอกจากนั้นพิมเสนยังใช้เป็นส่วนประกอบใน “ตำรับยาขี้ผึ้งบี้พระเส้น” ใช้เช็ดนวดเส้นที่แข็งให้หย่อนยานได้ และก็ในตำรับ “ขี้ผึ้งขาวแก้พิษแสบร้อนให้เย็น” การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ชาวไทยพวกเราจะรู้จักพิมเสนกันมานาน แต่เนื้อหาเกี่ยวกับพิมเสนกลับไม่มีให้ค้นคว้าเท่าไรนัก เพราะเหตุว่าต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้ เป็นพืชที่มีเฉพาะถิ่นที่ขึ้นอยู่กับเฉพาะในเขตป่าของ เกาะเกะสุมาตรา บอร์เนียว และแหลมมลายู จึงทำให้การศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยในต้นไม้ประเภทนี้เป็นไปแบบแคบๆไม่กว้างใหญ่แต่ก็ยังมีตัวอปิ้งข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพิมเสนบางฉบับที่มีการเผยแพร่กัน ตัวอย่างเช่น
การเรียนทางพิษวิทยา เหมือนกันกับการศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาพิมเสนกับการเล่าเรียนทางพิษวิทยานี้ก็ไม่มีการศึกษากันอย่างแพร่หลาย ซึ่งบางทีก็อาจจะเนื่องมาจากการที่ต้นไม้ที่ให้พิมเสนนี้ฯลฯไม้เฉพาะถิ่น แม้กระนั้นก็มีการกำหนดข้อกำหนดสำหรับการใช้พิมเสนไว้ว่า ถ้าหากดมติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากสารนี้นำมาซึ่งอาการเคืองรอบๆฟุตบาทหายใจ นอกนั้นสารนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นและสงบระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งรวมถึงการใช้เกิดขนาดด้วย ขนาด/จำนวนที่ควรใช้ ในหนังสือเรียนยาไทยเจาะจงไว้ว่า วิธีใช้พิมเสนสำหรับกิน ให้ใช้ครั้งละ 0.15-0.3 กรัมเอามาบดเป็นผุยผงกับแบบเรียนยาอื่น หรือใช้ทำเป็นยาเม็ด และไม่ควรปรุงยาด้วยแนวทางต้ม แม้ใช้ภายนอกให้เอามาบดเป็นผุยผงใช้โรยแผลตามที่อยากได้ ส่วนขนาด/ปริมาณของพิมเสนที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยอนุญาตให้ใช้เป็นส่วนประกอบกับตัวยาอื่นๆนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจะกำหนดให้ใช้เป็นตำรับๆไป (https://www.img.in.th/images/d8f7c37c23e20f8b0bf81d8b0f9b060b.jpg) ข้อแนะนำ/ข้อควรพิจารณา
|