หัวข้อ: พญายอเป็นสมุนไพรที่สามารถนำมารักษาโรคได้อย่างดีเยี่ยม เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ พฤษภาคม 26, 2018, 02:33:23 pm ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เสลดพังพอนตัวเมีย , พญาบ้องทอง พญาปล้องดำ (ภาคกึ่งกลาง) , พญาปล้องคำ (ลำปาง) , ผักมันไก่ , ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) , โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง) , ชิงเจี้ยง หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees ตระกูล ACANTHACEAE บ้านเกิด สมุนไพรพญายอเป็นสมุนไพรเขตร้อน อย่างเช่นทวีปแอฟริกา บราซิล และก็อเมริกา กึ่งกลาง ส่วนในทวีปเอเชียมีการกระจัดกระจายในประเทศอินโดนีเซีย ไทย ประเทศพม่า ลาว เขมร ฯลฯ แล้วก็เป็นสมุนไพรที่มีแพทย์พื้นเมืองประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย จีน ใช้รักษาผื่นผิวหนัง แมลงสัตว์กัดต่อย งูกัด แมงป่องต่อย มาตั้งแต่ในอดีตกาลแล้ว ส่วนในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วไป ทั่วทุกภาคของประเทศ พญายอ หรือ เสลดพังพอนตัวเมียมีชื่อคล้องจองกัน ซึ่งก็คือ เสลดพังพอนตัวผู้ แม้กระนั้นไม่เหมือนกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้มีหนาม สรรพคุณอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมียและเพื่อไม่ให้งงงันระหว่างสมุนไพร 2 ประเภทนี้ จึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" ลักษณะทั่วไป พญายอ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถาหรือไม้พุ่มคอยเลื้อย มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ ดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากหมายถึงปากล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในตอนประมาณเดือนตุลาคมถึงม.ค. ผลได้ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดประมาณ 4 เมล็ด การขยายพันธ์ การขยายพันธุ์พญายอนั้นสามารถได้ 2 แนวทางหมายถึงการปักชำรวมทั้งการแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก แต่ว่าส่วนใหญ่ชอบใช้วิธีการใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่บริบูรณ์ไม่มีโรค ไม่แก่ หรือเปล่าอ่อนเกินไป ตัดกิ่งประเภทให้มีความยาว 6-8 นิ้ว แล้วก็มีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบคงเหลืออยู่ที่ปลายยอด โดยประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของตัวการ และก็กิ่งพันธุ์เพื่อคุ้มครองป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีเป็นดินร่วนคละเคล้าทราย (จะช่วยทำให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง รวมทั้งสะดวกสำหรับในการย้ายต้นไปปลูก) โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกโดยประมาณ 3 นิ้ว แล้วก็ปักให้เอียง 45 องศา รดน้ำให้เปียกและก็รักษาความชุ่มชื้นให้เพียงพอต้องระวังอย่าให้กิ่งชำถูกแสงอาทิตย์มาก กิ่งปักชำจะออกรากด้านใน 3-4 สัปดาห์ แล้วใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกภายในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบ รดน้ำหลังจากปลูกโดยทันที การเก็บเกี่ยว ควรจะเก็บใบขนาดกึ่งกลาง ที่ไม่แก่หรืออ่อนกระทั่งเหลือเกิน โดยให้ใช้แนวทางการตัดต้นเหนือระดับผิวดินโดยประมาณ 10 ซม. ภายหลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ตัวการเดิมยังสามารถแตกหน่อแตกกิ่งเติบโตได้อีก รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้ การรักษา ในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรจะรดน้ำทุกวัน ถ้าเกิดแดดแรงควรจะรดน้ำเช้าตรู่-เย็น เมื่ออายุ 2 ข้างขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกบางทีอาจจะไม่ต้องให้น้ำ พญายอสามารถเติบโตเจริญในดินทุกชนิดที่มีการระบายน้ำได้ดี แต่ว่าชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดีเยอะที่สุด ชอบอากาศร้อนเปียกชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดด(แดดไม่จัด) แล้วก็ที่ร่ม ส่วนประกอบทางเคมี รากของพญายอ ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และก็มีการทดสอบพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญายอ มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (flavonoid) สามารถหยุดอาการอักเสบได้ สารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบสารกลุ่ม Monoglycosyl diglycerides ตัวอย่างเช่น 1, 2- di-O-linolenoyl-3-O-β-D-Galactopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม Glycoglycerolipids จากใบมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริมและก็งูสวัด นอกนั้นพญายอ ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากกว่า 20 จำพวก โดยเป็นสารเคมีจากพืชที่มีความหมายต่อชีวิต อย่างเช่น Stigmaster, Lupeol, B-Sitosterol Belutin, Myricyl alcohol รวมทั้งสารสกัดที่ได้จากเมทานอลในประเทศไทย 6 ชนิด C-Glycosyl flavones อย่างเช่น Vitexin, Isovitexin, Schaftoside, Isomoll-pentin, 7-0-B-Glucopyranoside, Orientin, Isori-entin และก็สารสกัดได้จากต้นแล้วก็ใบได้สาร Gluco-sides 5 จำพวก (1) Cerebrosides แล้วก็ Monoacylmonogalactosyl glycerol สาร Triga-lactosyl และก็ Digalactosyl diglycerides 4 สาร 8 ประเภท สกัดได้จากส่วนเหนือดินสดด้วยคลอโรฟอร์มคือ Chlorophyll A, Chlorophyll B, แล้วก็ Phacoph-orbide A แล้วก็สารประกอบที่มีซัลเฟอร์ 4 ประเภท Clinamide A-C, 2-Cis- entadamide A และก็สารประกอบที่พบมาก่อน 3 จำพวก Entadamide A, Entadamide C แล้วก็ Trans 3 methylsulfinyl-2-propenol ผลดี / สรรพคุณ สรรพคุณของพญายอตามตำรายาไทย บอกว่า ใบ – ใช้ทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน แก้อาการผิดสำแดง แก้เจ็บคอ เจ็บปก แผลในปาก คางทูม รักษาโรคบิด ไข่ดัน รักษาแผลไฟลุก น้ำร้อนลวก รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน แก้ฝี แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคหัด ราก - ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้เมื่อยบั้นท้าย บำรุงกำลัง แก้ผิดสำแดง ส่วนทั้ง 5 (ทั้งยังต้น) - ใช้ถอนพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ผื่นคัน แผลน้ำร้อนลวก ดีซ่าน รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แก้ปวดบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย บวมช้ำ ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีการผลิตยาที่มีส่วนประกอบของพญายอหลายอย่าง เป็นต้นว่า ครีมพญายอ ใช้ทุเลาอาการของโรคเริม และ งูสวัด ยาป้ายปากพญายอให้รักษาแผลในปาก (aphthaus ulcer) โลชั่นพญายอ ใช้บรรเทาอาการผดผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน เป็นต้น ต้นแบบ / ขนาดการใช้
o - ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ประสิทธิภาพที่ดี
o ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟเผา แผลจะแห้ง o นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา ใช้พอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก มีคุณประโยชน์ดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี
o ใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสด 10-20 ใบ (เลือกใบสีเขียวเข้มสดเป็นเงาไม่อ่อนไม่แก่จนถึงเกินความจำเป็น)เอามาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลแล้วก็เอากากพอกแผล o ใช้ใบเสลดพังพอน 1,000 กรัม หมักใน alcohol 70 % 1,000 ซีซี. หมักไว้ 7 วัน นำมากรองแล้วเอาไประเหยให้เหลือ 500 ซีซี. เพิ่ม glycerine pure ลงไปพอๆกับปริมาณที่ระเหยไป (500 ซีซี.) นำน้ำยาเสมหะพังพอนกรีเซอรีนที่ได้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก ทำลายพิษต่างๆ
ส่วนการใช้พญายอรักษาอาการเนื่องจากแมลงกัดต่อย และก็เริมตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ให้ใช้ใบขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลง สัตว์ กัดต่อย หรือเป็นเริมแล้วก็สำหรับครีม ที่มีสารสกัดพญายอปริมาณร้อยละ 4 – 5 รวมทั้งสารละลาย (สำหรับป้ายปาก) ที่มีสารสกัดพญายอในกลีเซอรีนร้อยละ 2.5 – 4 รวมทั้งโลชัน ที่มีสารสกัดพญายอร้อยละ 1.25 ให้ใช้ ทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 5 ครั้ง การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ลดการอักเสบ สารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบให้ทางปากหนูขาว จะลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดย carrageenan แล้วก็ลดการอักเสบของถุงลมหนูขาวที่รั้งนำให้เกิดโดยฉีดลมแล้วก็น้ำมันละหุ่ง (1-3) แต่ว่าถ้าหากใช้แนวทางทาสารสกัดที่ผิวหนังจะไม่สามารถที่จะลดน้ำหนองของถุงลมหนูได้ สารสกัดเอ็นบิวทานอล ขนาด 270 มก./กิโลกรัม จะลดอาการบวมของอุ้งเท้าหนูได้เท่าๆกับแอสไพรินขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. (2) เมื่อใช้ 5% ของพญายอในรูป cold cream สารสกัดเอทานอล 95% และก็สารสกัดเอทานอลในน้ำ ทาเฉพาะที่ให้หนูขาว สามารถลดหนองและก็การเกิด granuloma ได้ 50.98%, 50.10% รวมทั้ง 48.30% ตามลำดับ สารสกัดเอทานอลจากใบ ขนาด 20 มคก./มิลลิลิตร ส่งผลต่อ cytokines ที่เกิดในขั้นตอนการอักเสบ คือ ยับยั้ง interleukin-1-b แต่ว่าไม่อาจจะยับยั้ง interleukin-6 แล้วก็ tumor necrosing factor-a ฤทธิ์รักษาโรคงูสวัด นำสารสกัดจากใบพญายอความเข้มข้นต่างๆมาตรวจ DNA hybridization และ plaque reduction assay พบว่า ขนาด 1:2,000 และก็ 1:1,200 ตามลำดับ จะยับยั้งเชื้อไวรัส Varicella zoster ก่อนไปสู่เซลล์ได้ 50% ขนาด 1:6,000 และก็ 1:4,800 ตามลำดับ จะฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัส Varicella zoster ในเซลล์ ขนาดมากกว่า 1:18,000 รวมทั้ง 1:9,600 ตามลำดับ สามารถทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster โดยตรงได้ 50% จะเห็นว่าเมื่อเชื้อไปสู่เซลล์แล้วฤทธิ์สำหรับการยับยั้งไวรัสต่ำลง คนป่วยโรคงูสวัด ปริมาณ 51 ราย ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามชนิดของยา และให้ยาเรียงสลับแบบสุ่ม คนไข้ทุกรายมาพบหมอภายใน 48 ชม.ภายหลังมีลักษณะอาการ โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนเจ็บหวานใจษาด้วยสารสกัดใบพญายอแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7-10 วัน มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ หรูหราความปวดต่ำลงเร็วกว่า และไม่เจอผลกระทบอะไรก็แล้วแต่ ฤทธิ์ต้านทานเริม สารสกัดน้ำจากใบ มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัส Herpes simplex type 1 และ type 2 โดยตรงก่อนที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่เซลล์ และสารสกัดจากใบความเข้มข้นตั้งแต่ 1:1,200 นาน 30 นาที สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อ HSV 2 โดยตรงก่อนเพาะเลี้ยงลงเซลล์ สารสกัดเมทานอลและสารสกัดน้ำจากใบไม่สามารถที่จะยับยั้งเชื้อไวรัส HSV-2 แล้วก็ HSV-1, HSV-2 ในเซลล์ ตามลำดับ คนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชายและก็หญิงจำนวน 27 คน ได้รับการรักษาด้วยครีมจากสารสกัดเอทานอลจากใบพญายอ 5% (dilution 1:4,800) เปรียบเทียบกับการดูแลและรักษาด้วยยา acyclovir cream ปริมาณ 26 คน แล้วก็ยาหลอก 24 คน โดยทาแผลวันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 6 วัน พบว่า คนเจ็บที่ได้รับการดูแลรักษาด้วยครีมพญายอ และก็ acyclovir cream แผลเป็นสะเก็ดในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แตกต่างจากแผลของผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาหลอก จะเป็นสะเก็ดในวันที่ 4–7 รวมทั้งหายในวันที่ 7-14 หรือเป็นเวลายาวนานกว่านั้น ครีมพญายอไม่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ระคายเคือง ตอนที่ acyclovir cream ทำให้แสบ คนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำ จำนวน 56 ราย ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอ เปรียบการดูแลรักษากับยา acyclovir cream ปริมาณ 54 คน รวมทั้งยาหลอก 53 คน ทาตุ่มหรือแผลวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่ากลุ่มที่รักษาด้วยยาจากสารสกัดพญายอแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และก็หายข้างใน 7 วัน ไม่มีอาการแสบแผล และไม่มีความต่างจากการดูแลและรักษาด้วย acyclovir cream แม้กระนั้นยา acyclovir cream จะก่อให้แสบแผล (13) ฤทธิ์แก้ปวด เมื่อให้ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบ ขนาด 30, 90, 270, 540, 810 รวมทั้ง 2,430 มก./กก. แก่หนูถีบจักรทางปาก จะลดการบิดตัวของหนูที่ถูกรั้งนำโดยกรดอะซีติค และเพิ่มการซึมผ่านของฝาผนังเส้นโลหิต เป็นสัดส่วนกับขนาดของส่วนสกัด ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลขนาด 90 มก./กก. จะมีความแรงพอๆกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก./กก. สำหรับในการลดการบิดตัว แต่ว่าจะมีความแรงน้อยกว่าสำหรับการลดการซึมผ่านผนังเส้นเลือด เมื่อให้สารสกัดนี้โดยการฉีดเข้าช่องท้อง ไม่ทำให้เห็นว่ามีฤทธิ์ยับยั้งปวดเมื่อใช้วิธี hot water bath และก็ให้ส่วนสกัดคลอโรฟอร์มจากใบขนาดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วทางปากหนูถีบจักร ไม่มีผลลดการบิดตัวของหนูเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ พญายอมีสารออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในหลอดทดลองรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย สารสกัดจากใบด้วยเอทธิลอะซิเตทเข้มข้น 1.39-6.31 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร สามารถยับยั้ง Bacillus cereus และก็ candida albican สาร Flavonoids และก็ Phenolic compounds ในสมุนไพรทุกชนิด ยั้งแบคทีเรียได้ไพเราะมี Carbonyl group และ พญายอยังมีฤทธิ์ต่อต้านพิษงู: มีการเรียนพบว่าสารสกัดพญายอมีฤทธิ์คุ้มครองทําลายเซลล์เยื่อแผล แต่ไม่มีฤทธิ์ยับยั้งพิษต่อระบบประสาทของงูเห่า ที่มีต่อNeuromuscular transmission การเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ การทดสอบความเป็นพิษพบว่า สารสกัดเอ็นบิวทานอลมีค่า LD50 13.4 กรัม/กิโลกรัม 48 ชั่วโมง ข้างหลังให้ทางปาก และก็มีค่า 3.4 ก./กิโลกรัม เมื่อฉีดเข้าท้อง การให้สารสกัดวันแล้ววันเล่าเป็นเวลา 6 อาทิตย์ ไม่มีผลต่อการเติบโตของหนูขาว แต่ว่าพบน้ำหนักไธมัเศร้าใจลงตอนที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความแปลกต่ออวัยวะอื่นๆและไม่มีอาการไม่ประสงค์อื่นๆส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัม/โล) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่ทำให้เกิดอาการพิษใดๆก็ตามรวมทั้งเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโล และ 540 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุกๆวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความแปลกต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่พึงปรารถนาใดๆ ข้อแนะนำ / ข้อควรคำนึง พญายอก็เหมือนกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆเป็น ควรที่จะใช้ในจำนวนที่พอดิบพอดีไม่สมควรใช้มากจนเกินความจำเป็นหรือนานจนกระทั่งเกินความจำเป็นด้วยเหตุว่าบางทีอาจเป็นผลกระทบต่อร่างกายได้ และหากแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล และก็ให้ผลการดูแลและรักษาที่ดี แต่ในปัจจุบันวิธีนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะจะทำความสะอาดแผลได้ยาก รวมถึงอาจจะก่อให้แผลติดโรคและเป็นหนองกระทั่งลุกลามไปยังรอบๆอื่นได้ เอกสารอ้างอิง
Tags : พญายอ
|