หัวข้อ: โรคธาลัสซีเมีย มีสรรพคุณที่สามารถช่วยรักษาได้อย่าน่าอัศจรรย์ เริ่มหัวข้อโดย: แสงจันทร์5555 ที่ พฤษภาคม 28, 2018, 10:25:56 am (https://www.img.in.th/images/facbb5613cfc21f601619a458166f9bd.jpg)
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) โรคธาลัสซีเมีย [/b]คืออะไร โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (thalassemia) เป็นโรคโลหิตจาง จากกรรมพันธุ์สาเหตุจากความเปลี่ยนไปจากปกติของการผลิตฮีโมโกลบิน ทําให้สร้างลดน้อยลง (thalassemia) รวมทั้งหรือสร้างฮีโมโกลบินไม่ดีเหมือนปกติ (hemoglobinopathy) ได้ผลสำเร็จให้เม็ดเลือดแดงมีลักษณะไม่ดีเหมือนปกติแล้วก็แก่สั้น (hemolytic anemia) และแตกง่าย โรคธาลัสซีภรรยามีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal กล่าวคือ บิดาแล้วก็แม่ของผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีภรรยาจะมีธาลัสซีภรรยาแอบแฝง หรือเรียกว่าเป็นพาหะของธาลัสซีภรรยา (thalassemia trait, carrier, heterozygote) หรือเป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งจะส่งผลทำให้คนเจ็บเกิดอาการซีดเซียวเหลืองเรื้อรังแล้วก็มีภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา ทั้งนี้โรคธาลัสซีเมียจัดเป็นโรคโลหิตจางทางด้านกรรมพันธุ์ที่พบได้มากที่สุดในโลก สามารถพบได้ทั่วโลก แต่ว่าเจอได้สูงในแถบเอเซียอาคเนย์ รวมทั้งคนในถิ่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในประเทศไทย ในประเทศไทย เจอคนไข้โรคนี้จำนวนร้อยละ 1 และก็เจอผู้เป็นพาหะของโรค หรือคนที่มียีนซ่อนเร้นประมาณจำนวนร้อยละ 30-40 สุดแต่ภูมิภาค ในจังหวัดพิษณุโลกเจอผู้เป็นพาหะจำนวนร้อยละ 30.5 ต้นเหตุของโรคธาลัสซีเมีย มีต้นเหตุที่เกิดจากความผิดแปลกทางด้านกรรมพันธุ์ ที่สามารถถ่ายทอดต่อๆกันมาจากบรรพบุรุษในลักษณะยีนด้อย (autosomal recessive) พูดอีกนัยหนึ่งผู้ป่วย (คนที่มีลักษณะอาการแสดงของโรคนี้) ต้องรับคู่ยีนที่ไม่ดีเหมือนปกติมาจากฝ่ายพ่อแล้วก็แม่ทั้งสองยีน ส่วนคนที่รับยีนเปลี่ยนไปจากปกติมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว จะไม่มีอาการป่วยเป็นโรคนี้รวมทั้งมีสุขภาพเป็นปกติดี แต่จะมียีนผิดปกติแฝงอยู่ในตัวรวมทั้งสามารถถ่ายทอดไปยังบุตรหลานถัดไป เรียกว่า พาหะธาลัสซีเมีย เหตุเพราะความเปลี่ยนไปจากปกติทางด้านกรรมพันธุ์มีได้หลากหลายลักษณะ โรคนี้ก็เลยแบ่งออกเป็น 2 กรุ๊ป เช่น แอลฟาทาลัสซีเมีย (alpha-thalassemia) รวมทั้งเบตาทาลัสซีเมีย (beta-thalassemia) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความไม่ปกติของยีนสำหรับการควบคุมการสร้างโปรตีนโกลบินจำพวกแอลฟาแล้วก็อนุภาคบีตาเป็นลำดับอีกทั้ง 2 กลุ่มนี้ ยังสามารถแบ่งเป็นชนิดย่อยๆได้อีกหลายอย่าง ซึ่งมีความร้ายแรงมากน้อยนานับประการ ซึ่งได้ผลจากการจับคู่ระหว่างยีนผิดปกติประเภทต่างๆเป็นต้นว่า ถ้าหากคนใดรับการถ่ายทอดสารพัดธุบาปประเภท อัลฟา - ธาลัสซีเมีย หรือ เบต้า - ธาลัสซีเมีย มาจากพ่อหรือคุณแม่เพียงแต่ฝ่ายเดียว ก็จัดว่าผู้นั้นเป็นพาหะอัลฟาธาลัสซีเมีย พาหะฮีโมโกลบินคอนแสตนสปริงค์ พาหะเบต้าธาลัสซีภรรยา หรือพาหะฮีโมโกลบินอี แม้กระนั้นถ้าหากผู้ใดกันแน่ได้รับการถ่ายทอดสารพันธุบาปจำพวก อัลฟา - ธาลัสซีเมีย หรือประเภท เบต้า - ธาลัสซีภรรยา มากมายจากอีกทั้งบิดาและก็แม่ ก็นับว่าผู้นั้นเป็น โรคธาลัสซีภรรยา เช่น โรคฮีโมโกลบินเฮช โรคฮีโมโกลบินบาร์ท โรคเบต้าธาลัสซีภรรยา หรือ โรคเบต้าธาลัสซีเมียฮีโมโกลบิน ฯลฯ สรุปได้ว่าเนื่องมาจากธาลัสซีเมียเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม จึงแปลว่า พ่อหรือแม่ของผู้ป่วยอาจเป็นโรคธาลัสซีภรรยาหรือเป็นพาหะแล้วก็ส่งต่อพันธุกรรมกลุ่มนี้มายังลูก คนที่ได้รับกรรมพันธุ์หรือยีนจากพ่อหรือแม่เพียงแค่ฝ่ายเดียวเรียกว่าธาลัสซีเมียแฝง ไม่ถือได้ว่าเป็นโรค โดยผู้ที่เป็นธาลัสซีภรรยาแอบแฝงจะไม่กำเนิดอาการอะไรก็แล้วแต่แม้กระนั้นสามารถเป็นพาหะและส่งต่อยีนนี้ไปสู่รุ่นต่อไปได้ ช่องทางเสี่ยงที่บุตรจะเป็นโรคธาลัสซีภรรยาจากพันธุกรรม
นอกเหนือจากนั้นธาลัสซีเมียแต่ละจำพวกยังปรากฏลักษณะเฉพาะอีกหลายประการ ซึ่งก่อให้เกิดความร้ายแรงของอาการในระดับที่แตกต่างอีกด้วย อาการของโรคธาลัสซีภรรยา โรคทาลัสซีเมียจำพวกที่รุนแรงที่สุด ดังเช่น โรคเฮโมโกลบินบาร์ตไฮดรอคอยปส์ฟีทัลลิส (haemoglobin Bart’s hydrops fetalis) มีต้นเหตุที่เกิดจากยีนที่สร้างโกลบินประเภทแอลฟาขาดหายไปทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างโกลบินจำพวกแอลฟา ซึ่งเป็นโกลบินที่สำคัญที่สุดได้เลย แม้กระนั้นจะสร้างฮีโมโกลบินบาร์ตแทนทั้งหมด ซึ่งจะจับออกสิเจนไว้เอง ไม่ปล่อยให้แก่เนื้อเยื่อ ทำให้คนที่เป็นโรคนี้มีความผิดธรรมดาตั้งแต่เป็นลูกในท้องมารดา โดยเด็กทารกมีลักษณะอาการบวมน้ำจากภาวะซีดรุนแรง ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ ส่วนน้อยเสียชีวิตขณะคลอดหรือข้างหลังคลอด เพียงนิดหน่อย เด็กแบเบาะจะมีอาการซีดเซียว บวม ท้องป่อง ตับและก็ม้ามโต คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เด็กแบเบาะที่เป็นโรคนี้ ชอบมีสภาวะท้องเป็นพิษเข้าแทรก มักจะมีการคลอดไม่ดีเหมือนปกติ และก็ตกเลือดก่อนหรือหลังคลอด โรคทาลัสซีเมียที่มีลักษณะอาการร้ายแรงปานกลางถึงร้ายแรงมากมาย ส่วนมากเป็นบีตาทาลัสซีเมียชนิดโฮโมไซกัส (homozygous beta-thalassemia) และก็เล็กน้อยของบีตาทาลัสซีเมียประเภทเฮโมโกลบินอี (beta-thalassemia/heamoglobim E) มีเหตุที่เกิดจากความแตกต่างจากปกติของยีนที่สร้างโกลบินจำพวกบีตา คนป่วยกลุ่มนี้เมื่อทารกมีลักษณะเป็นปกติ ไม่ซีดเผือด จะซีดเผือดตั้งแต่อายุ 2-3 เดือน (ในกรุ๊ปอาการร้ายแรงมาก) หรือเมื่ออายุเป็นปีไปแล้ว (ในกลุ่มรุนแรงปานกลาง) อาการสำคัญเป็น ซีด เหลือง ตับโต ม้ามโต ตัวเล็กแคระ น้ำหนักน้อยไม่สมอายุ เป็นหนุ่มเป็นสาวช้า บริเวณใบหน้าแปลก (ตามที่เรียกว่า หน้าทาลัสซีเมีย) กรุ๊ปที่มีลักษณะอาการร้ายแรงมาก ถ้าไม่ได้รับการดูแลและรักษาจะมีอายุสั้น (50% เสียชีวิตภายในระยะเวลา 10 ปี และ 70% เสียชีวิตข้างใน 25 ปี) ส่วนกลุ่มที่อาการรุนแรงปานกลางอาจมีอายุยืนยาวกระทั่งเป็นผู้ใหญ่สามารถแต่งงานมีลูกหลานได้ โรคทาลัสซีเมียที่มีลักษณะน้อย จำนวนมากเป็น โรคเฮโมโกลบินเอช (haemoglobin H disease ซึ่งอยู่ในกลุ่มแอลฟาทาลัสซีเมีย) และบางส่วนของอนุภาคบีตาทาลัสซีเมียประเภทมีเฮโมโกลบินอี ผู้เจ็บป่วยมีสภาวะซีดบางส่วนเหลืองน้อย ม้ามไม่โตหรือโตเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ การเจริญเติบโตค่อนข้างจะธรรมดา ลักษณะบริเวณใบหน้าธรรมดา (ไม่เป็นทาลัสซีเมีย) สุขภาพออกจะแข็งแรงรวมทั้งอายุยืนยาวตัวอย่างเช่นคนปกติ โดยธรรมดามักไม่ต้องมาเจอแพทย์และไม่จึงควรได้รับเลือดรักษา คนป่วยมากมายไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้ และอาจได้รับการวินิจฉัยเมื่อมาเจอแพทย์ด้วยต้นเหตุอื่น หรือเมื่อมีภาวะแทรกซ้อน คนเจ็บฮีโมโกลบินเอชบางคราวอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกทันควัน (acute hemolysis) ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อมีไข้จากการต่อว่าดเชื้อ คนเจ็บจะมีลักษณะอาการซีดเซียวลงอย่างรวดเร็วแล้วก็ร้ายแรงจนกระทั่งจำเป็นต้องได้รับเลือด กลุ่มบุคคลที่เสี่ยงที่จะเป็นโรคธาลัสซีภรรยา ประชาชนไทยเป็นพาหะมากถึงร้อยละ 35 ถ้าหากมีเครือญาติเป็นธาลัสซีเมีย อัตราเสี่ยงที่จะเป็นพาหะจะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ สามีภรรยาที่เป็นพาหะทั้งสองอาจมีลูกเป็นโรคธาลัสซีภรรยาได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ได้โอกาสเป็นโรคธาลัสซีเมีย หรือพาหะธาลัสซีภรรยาจะมีประวัติและก็อากาต่างๆดังนี้ ผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคหรือพาหะเป็น
หากท่านมีข้อชี้ชัดอาการข้อใดข้อหนึ่งตามที่กล่าวมา ก็ควรจะตรวจวินิจฉัยยืนยันว่าเป็นโรคหรือพาหะโรคธาลัสซีภรรยาไหม รวมถึงคู่ที่กำลังจะสมรส และคิดแผนเพื่อมีบุตรหรือกำลังมีครรภ์อ่อนๆก็ควรได้รับการตรวจด้วยเช่นกัน เพื่อประเมินตัวเองแล้วก็จังหวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือพาหะของลูกในครรภ์ กรรมวิธีรักษาโรคธาลัสซีเมีย การวินิจฉัยหมอจะวินิจฉัยเบื้องต้นจากความเป็นมาผู้ป่วยมีลักษณะอาการซีดเซียวเหลืองมาตั้งแต่เล็ก แล้วก็อาจพบว่ามีพ่อแม่พี่น้องผู้ใดผู้หนึ่งเป็นโรคนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านี้ ยังต้องตรวจร่างกายของคนป่วยว่าคนป่วยมีตับโต ม้ามโต พุงป่อง รูปร่างซูบผอมแล้วก็เล็กไม่สมอายุ กล้ามเนื้อลีบแล้วก็แขนเล็ก ผิวหนังคล้ำออกเป็นสีเทาอมเขียว หน้าตาแปลก เป็นต้นว่า กะโหลกศีรษะนูนเป็นพู หน้าผากโหนก ตาห่าง ดั้งจมูกแบน โหนกแก้มสูง คางแล้วก็ขากรรไกรกว้าง ฟันบนยื่น ฟันไม่สบกัน ฟันเรียงตัวผิดปกติ ตามที่เรียกว่า “หน้าทาลัสซีเมีย” หรือเปล่า อาการรวมทั้งลักษณะทางสถานพยาบาลของคนเจ็บเป็นข้อมูลที่สําคัญในการวินิจฉัยโรคแม้กระนั้นมีคนป่วยโรคธาลัสซีเมียบางประเภท อาการบางทีอาจไม่รุนแรงการตรวจทางห้องทดลองก็เลยมีความจําเป็นแล้วก็สามารถช่วยแยกชนิดต่างๆของโรคได้ ซึ่งการตรวจทางห้องทดลอง ได้แก่ การวิเคราะห์เลือด (complete blood count, CBC) เพื่อดูภาวการณ์ซีดเซียวค่าดัชนีเม็ดเลือดแดง (red cell indices) รวมทั้งลักษณะ เม็ดเลือดแดง (morphology) เป็นสิ่งที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคได้เม็ดเลือดแดงบนสภรรยาร์เลือดของคนไข้ homozygous β-thalassemia, β-thalassemia/Hb E รวมทั้ง Hb H disease มีลักษณะติดสีจาง (hypochromia) ขนาดเล็ก(microcytic) รวมทั้งรูปร่างเปลี่ยนไปจากปกติ(poikilocytosis) เป็นต้น ค่าดรรชนีเม็ดเลือดแดง MCV รวมทั้ง MCH มีขนาดเล็กกว่า ปกติและการตรวจพบ inclusion body ในเม็ดเลือดแดง สามารถให้การวินิจฉัยโรคธาลัสซีเมียได้ (https://www.img.in.th/images/48dd95185b6d92607d578401d967de12.jpg) การวิเคราะห์ธาลัสซีเมีย (definite diagnosis) จำต้องทําโดยการตรวจวิเคราะห์ชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin analysis) โดยเครื่องตรวจอัตโนมัติจำพวก high performance liquid chromatography (HPLC), low -pressure liquid chromatography (LPLC), หรือ hemoglobin electrophoresis เพื่อจําแนกจำพวกของโรคธาลัสซีเมียแล้วก็ฮีโมโกลบินแตกต่างจากปกติให้แน่นอน การดูแลรักษาโรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยาขึ้นกับความรุนแรงของโรค สามารถจัดตามความร้ายแรงได้ดังนี้
(Hct<20%) ได่แก่ β-thal/ β-thal และก็ของ β-thal/Hb E disease ส่วนน้อย มีทางเลือกสำหรับการรักษาดังนี้
o ให้ความรักใส่ใจ ให้กำลังใจ เพราะโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ควรจะเกื้อหนุนให้คนป่วยได้ดำรงชีวิตตามปกติ ไม่หมดกำลังใจต่อการเจ็บป่วย o กินอาหารให้ครบ ๕ กลุ่ม มีโปรตีนสูง (ยกตัวอย่างเช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ เต้าหู้ ถั่วต่างๆ) รวมทั้งมีสารโฟเลตสูง (ผักต่างๆ) เพื่อใช้เพื่อการสร้างเม็ดเลือดแดงโดย อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคธาลัสซีเมียมีลักษณะดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยโรคธาลัสซีภรรยาโดยทั่วไปชอบมีการเติบโตของร่างกายน้อยกว่าปกติ มีภูมิต้านทานต่ำรวมทั้งความหนาแน่นของมวลกระดูกน้อย เพราะฉะนั้นอาหารที่เหมาะสมกับผู้เจ็บป่วยธาลัสซีภรรยา เป็นของกินที่มีโปรตีนสูง ตัวอย่างเช่น เนื้อปลาทะเล เนื้อไก่ เมล็ดพืชต่างๆดังเช่นว่า ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ข้าวซ้อมมือ ข้าวบาเลย์ ฯลฯ อาหารทีมีกรดโฟลิก (Folic acid) สูง เพื่อช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ได้แก่ ตำลึง กะหล่ำ มะเขือเทศ คะน้า ถั่วงอก ฯลฯ ของกินที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม และก็วิตามินดีสูงเพื่อคุ้มครองปกป้องสภาวะกระดูกพรุน เป็นต้นว่า ผลิตภัณฑ์นม ใบย่านาง ใบชะพลู ใบแค ใบยอ ผักโขม ใบสะระแหน่ ผักหวาน ฟักอ่อน ใบตำลึง ผักกวางตุ้ง ผลไม้ ดังเช่น ส้มเขียวหวาน มะขามหวาน มะม่วงแก้วสุก ยิ่งกว่านั้นควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินอีแล้วก็วิตามินซีสูง เพื่อช่วยลดภาวะการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายจากการที่เม็ดเลือดแดงแตกง่าย อย่างเช่น มะละกอ ฟักทอง เสาวรส ฝรั่ง มะยม ผักหวาน ฯลฯ การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางธาลัสซีภรรยาเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเป็น
สมุนไพรที่สามารถรักษา/บรรเทาลักษณะของโรคธาลัสซีเมีย โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคที่มีภาวการณ์โลหิตจากเรื้อรังจากความผิดปกติด้านกรรมพันธุ์ ซึ่ง ณ.ตอนนี้ไม่มีกล่าวว่ามีสมุนไพรจำพวกใดที่ใช้รักษาโรคธาลัสซีภรรยาที่ได้ผลอย่างเอาจริงเอาจัง แม้กระนั้นมีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยแล้วก็ทดสอบที่น่าดึงดูดเกี่ยวกับ ขมิ้นชัน กับโรคธาลัสซีภรรยา ดังต่อไปนี้ สำหรับเพื่อการทดสอบทางสถานพยาบาลของขมิ้นชัน ในคนป่วยธาลัสซีภรรยา เริ่มจาก จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้ทดสอบให้คนป่วยเบต้าธาลัสซีภรรยา/ ฮีโมโกลบินอีกินแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน วันละ 2 แคปซูล ต่อเนื่องกัน นาน 3 เดือน พบว่าช่วยลดภาวะที่มีอนุมูลอิสระสูง(oxidative stress) ลงได้รวมทั้งมีอีกการทดลองสำนักงานทดสอบจากภาควิชาแพทยศาสตร์ จุฬาลงแขนณ์มหาวิทยาลัย พบว่าเมื่อให้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันวันละ 2 แคปซูลแก่ผู้เจ็บป่วยธาลัสซีภรรยาเด็กชนิดเบต้าธาลัสซีภรรยา/ฮีโมโกลบินอี พบว่าคนไข้ 5 คนภายใน 8 คน แก่ของเม็ดเลือดแดงนานขึ้น ซึ่งสำหรับการทดลองทั้งคู่ครั้งไม่เจออาการข้างเคียงอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจากแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน นอกเหนือจากนั้นผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยในหลอดทดสอบของภาควิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้ให้เห็นว่าเคอร์คูมินอยด์สามารถลดระดับของเหล็กรูปที่มิได้จับกับทรานสิเฟอร์ริน (non-transferrin bound iron, NTBI) ในพลาสม่าของผู้ป่วยโรคธาลัสซีภรรยาประเภทเบต้าธาลัสซีภรรยา และยังเสริมฤทธิ์ของยาขับเหล็กในการลดเหล็กรูป NTBI ได้อีกด้วยและขณะนี้ยังมีการทำการศึกษาทางสถานพยาบาลประเด็นการใช้แคปซูลสารสกัดขมิ้นชันในผู้เจ็บป่วยธาลัสซีเมีย อีกหลายโรงพยาบาล ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสมุนไพรนี้ จะได้รับการศึกษาเรียนรู้วิจัยต่อยอดให้เป็นสมุนไพรที่ใช้คุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคธาลัสซีภรรยาได้อย่างมีประสิทธิภาพถัดไป เอกสารอ้างอิง
|