ล้อแม็ก แม็ก แม็กล้อ แม็กซ์แต่งรถ ล้อแม็กคุณภาพ รวมล้อแม็กลายใหม่ๆ

Sitemap SMB => สินค้าอื่นๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ttads2522 ที่ พฤษภาคม 31, 2018, 09:03:34 am



หัวข้อ: บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์
เริ่มหัวข้อโดย: ttads2522 ที่ พฤษภาคม 31, 2018, 09:03:34 am
บอระเพ็ด
ชื่อสมุนไพร บอระเพ็ด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น จุ้งจาลิง , จุ่งจิง , เครือเขาฮอ (ภาคเหนือ) , เจตมูลหนาม (หนองคาย) , หางหนู (อุบลราชธานี) , เถาหัวด้วน , ตัวเจตมูลยาน (สระบุรี)
ชื่อสามัญ Heart leaved moonseed
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f. & Thomson
ชื่อพ้อง Tinospora tuberculata Miers, Tinospora rumphii Boerl.
สกุล Menispermaceae
บ้านเกิด บอระเพ็ดเป็นพืชที่มีถิ่นเกิดในป่าดิบแล้งแล้วก็ป่าเบญจพรรณ ในแถบเอเซียอาคเนย์พบได้บ่อยในประเทศไทย พม่า ลาว เขมร ฯลฯ รวมทั้งบางประเทศในเอเชียใต้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย แล้วก็ศรีลังกา สำหรับในประเทศไทยนั้นบอระเพ็ดนับเป็นพืชที่มีชื่อเสียงอย่างดีเยี่ยมมานานแล้ว เพราะชาวไทยในสมัยเก่าได้นำบอระเพ็ดมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาอาการป่วยต่างๆเช่น ใช้ลดไข้ บำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ฯลฯ ถึงแม้ว่าจะในเวลานี้ก็ยังนิยมใช้บอระเพ็ดเพื่อสรรพคุณทางยาพวกนี้อยู่ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสามารถเจอบอระเพ็ดได้ทุกภาคของประเทศแล้วก็โดยมากพบในป่าดิบแล้งและก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป
ลักษณะทั่วไป 
บอระเพ็ด[/b] จัดเป็น  ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ไม่มีขน ยาวถึง 15 เมตร เถากลม ตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบ เป็นปุ่มเปลือกของเถาบางลอกออกได้ เป็นปุ่มกระจัดกระจายทั่วๆไป เมื่อแก่เห็นปุ่มเงื่อนเหล่านี้หนาแน่น แล้วก็แน่ชัดมากมาย เปลือกเถา คล้ายเยื่อกระดาษ มียางขาว ใส  เถามีรสขมจัด สีเทาแกมเหลือง มีรากอากาศคล้ายด้ายยาว กลม ยาว สีน้ำตาลเข้ม ใบคนเดียว เรียงเวียนสลับ มักเป็นรูปหัวใจ รูปไข่กว้าง หรือรูปกลม กว้าง 6-12ซม. ยาว 7-14 ซม. โคนเรียวแหลมยาว ปลายจะเป็นรูปหัวใจลึก หรือตื้น เนื้อคล้ายแผ่นกระดาษบาง มักมีต่อม ใบด้านล่างบางครั้งบางคราวพบต่อมแบนตามโคนง่ามของเส้นใบ เส้นใบออกจากโคนใบรูปฝ่ามือมี 3-5 เส้น และก็มีเส้นแขนงใบอีก 1-3 คู่ ก้านใบยาว 5-15 เซนติเมตร บวมพอง และก็เป็นข้องอ ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งแก่ๆที่ไม่มีใบ มักมีดอกเมื่อใบหลุดร่วงหมด มี 2-3 ช่อ เล็กเรียว ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ดอกเพศผู้และก็เพศภรรยาแยกกันอยู่ต่างดอก ช่อดอกเพศผู้ ยาว 5-9 ซม. ดอกมี 1-3 ดอก ติดเป็นกลุ่ม ดอกเพศผู้ มีก้านดอกย่อยเล็กเรียว ยาว 2-4 มม. กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน วงนอกมี 3 กลีบ รูปไข่ ครึ้มที่โคน ยาว 1-1.5 มิลลิเมตร วงในมี 3 กลีบ รูปไข่กลับ มีก้านกลม หรือโคนแหลม ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบมี 3 กลีบ กลีบวงนอกเพียงแค่นั้นที่รุ่งโรจน์ขึ้น รูปใบหอกกลับแคบ แบน ไม่มีตุ่ม ยาว 2 มม. ส่วนกลีบวงในลดรูป เกสรเพศผู้มี 6 อัน ยาว 2 มม. ช่อดอกเพศภรรยา ยาว 2-6 มม. ดอกส่วนมากกำเนิดคนเดียวๆตามง่ามใบ ดอกเพศภรรยา กลีบเลี้ยงแล้วก็กลีบดอกไม้เหมือนดอกเพศผู้ เกสรเพศผู้เลียนแบบมี 6 อัน เป็นรูปลิ่มแคบ ยาวราวๆ 1 มิลลิเมตร เกสรเพศเมียมี 3 อัน ทรงรี ยาว 2 มิลลิเมตร ยอดเกสรเพศเมียเป็นพูสั้นมาก ผลออกเป็นช่อ มีก้านช่อยาว 1.5-2 ซม. มีก้านผลเป็นรูปครึ่งปิรามิด ยาว 2-3 มม. ใต้ลงมาเป็นกลีบเลี้ยงที่ติดแน่น รูปไข่ ยาว 2 มิลลิเมตร โค้งกลับ ผลสด เมื่อสุกมีสีเหลืองหรือสีส้ม ทรงรี ยาว 2 ซม. ฝาผนังผลชั้นในสีขาว ทรงรี กว้าง 7-9 มม. ยาว 11-13 มิลลิเมตร ผิวย่นน้อย หรือเกือบเรียบ มีสันที่ข้างบนชัด มีช่องเปิดรูปรีเล็กที่ด้านบน ออกดอกสิ้นเดือนเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ติดผลราวม.ย.ถึงพฤษภาคม
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์บอระเพ็ดสามารถทำเป็น 2 วิธีเป็นการเพาะเม็ด แล้วก็การปักชำกิ่ง การเพาะเม็ดนั้นต้องใช้เม็ดจากผลที่สุกจัด ผลมีสีเหลืองเข้ม ยิ่งเป็นผลที่หล่นแล้วยิ่งดี จากนั้น นำผลมาตากแดดให้แห้ง นาน 15-20 วัน และเก็บเอาไว้ในร่มก่อนจนถึงต้นหน้าฝนจึงนำออกมาเพาะในถุงเพาะชำหรือใช้หยอดปลูกตามจุดที่อยากได้ การปลูกด้วยเมล็ดนี้ จะได้เครือบอระเพ็ดที่ใหญ่ยาวมากกว่าการปักชำ  การปักชำเถา เป็นวิธีหนึ่งที่สบายรวดเร็วทันใจ ด้วยการตัดเถาบอระเพ็ดที่แก่จัด เถามีอายุตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ตัดเถายาว 20-30 เซนติเมตร ต่อไป ค่อยนำลงปักชำในถุงหรือกระถาง แนวทางนี้ จะได้ต้นที่งอกใหม่ข้างใน 15-30 วัน แต่ว่าลำต้นมักมีเครือไม่ยาวเหมือนการเพาะเม็ด แม้กระนั้นไม่มีความต่างกันมากนัก
องค์ประกอบทางเคมี

  • สารขมชื่อ picroretin, columbin, picroretroside, tinosporide, tinosporidine
  • สารกรุ๊ปไตรเทอปีนป่ายอยส์ ได้แก่ Borapetoside A, Borapetoside B, Borapetol A, Tinocrisposide, tinosporan
  • สารกลุ่มอัลคาลอยด์ เป็นต้นว่า N-formylannonaine, N-acetylnornuciferine ฯลฯ
  • สารชนิดอามีนที่เจอ ดังเช่นว่า N-trans-feruloyl tyramine, N-cis-feruloyl tyramine
  • สารฟีนอสิคไกลโคไซด์ ดังเช่นว่า tinoluberide
  • สารอื่นๆตัวอย่างเช่น berberine, β-sitosterol

ที่มา : wikipedia
ผลดี/สรรพคุณ น้ำสกัดหรือน้ำต้มจากบอระเพ็ดสามารถใช้ฉีดพ่นกำจัด รวมทั้งคุ้มครองปกป้องหนอนแมลงศัตรูพืช อาทิเช่น หนอนใยผัก และก็เพลี้ยต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนลำต้น แล้วก็ใบของบอระเพ็ดสามารถใช้ผสมในอาหารสัตว์หรือให้สัตว์รับประทานโดยตรง เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง แล้วก็รักษาโรคในสัตว์ ทั้งโค ควาย หมู ไก่ รวมทั้งอื่น ซึ่งชาวบ้านนิยมให้ไก่ชนกินในระยะก่อนออกชน ยิ่งไปกว่านี้ลำตัน และใบยังสามารถนำมาบด และใช้พอกหัวหรือสระผม สำหรับกำจัดเหาได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของบอระเพ็ดนั้นมีดังนี้
แบบเรียนยาไทย
ใช้  เถา ซึ่งมีรสขมจัดเย็น แก้ไข้ทุกชนิด แก้พิษไข้ทรพิษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อเจริญอาหาร ช่วยย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะของกิน บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับเหงื่อ ดับกระหาย แก้ร้อนในดีมาก แก้อหิวาต์ แก้ท้องร่วง ไข้ป่า หยุดความร้อน ทำให้เนื้อเย็น แก้เลือดทุพพลภาพ ใช้ภายนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดจากโรคซิฟิลิส ใบ มีรสขมเมา เป็นยาพอกบาดแผล ทำให้เย็นและทุเลาลักษณะของการปวด ดับพิษปวดแสบปวดร้อน พอกฝี แก้ฟกช้ำ แก้คัน แก้โรครำมะนาด ปวดฟัน ฆ่าแมลงที่น่าฟัง ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง บำรุงน้ำดี  ราก มีรสขม เป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ทำลายพิษไข้ รากอากาศ รสขมเย็น แก้ไข้ขึ้นสูงมีลักษณะอาการบ้าเพ้อ ดับพิษร้อน ทำลายพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ผล รสขม แก้ไข้ แก้เสลดเป็นพิษ ทุกส่วนของพืช ใช้แก้ไข้ เป็นยาบำรุง โรคดีซ่าน ยาเจริญอาหาร แก้มาลาเรียใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ร้อนในหิวน้ำ
ยิ่งกว่านั้นบอระเพ็ดยังจัดอยู่ใน “พิกัดตรีญาณรส” เป็นการจำกัดจำนวนตัวยาที่ทำให้รู้รสอาหาร 3 อย่าง มี ไส้หมาก รากสะเดา เถาบอระเพ็ด มีคุณประโยชน์ แก้ไข้ ดับพิษร้อน ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บำรุงไฟธาตุ ชูกำลัง “พิกัดยาแก้ไข้ 5 ชนิด” เป็นการจำกัดจำนวนตัวยาแก้ไข้ 5 อย่าง มี รากย่านาง รากคนทา รากแส้ม้าทลาย ขี้เหล็กทั้ง 5 รวมทั้งเถาบอระเพ็ด คุณประโยชน์แก้ไข้พิษร้อน
หนังสือเรียนอายุรเวทของอินเดีย ใช้ เถา เป็นยาแก้ไข้ เหมือนกับชิงช้าชาลี กล่าวไว้ว่า แก้ไข้ดีพอๆกับซิงโคนา แก้ธาตุไม่ดีเหมือนปกติ โรคเกี่ยวกับทางเดินเยี่ยว แก้อาการอักเสบ แก้อาการเกร็ง
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้
รักษาอาการไข้ ใช้เถาบอระเพ็ดที่ไม่แก่หรืออ่อนกระทั่งเหลือเกิน (เถาเพสลาก) ราว  1- 1.5  ฟุต (2.5 คืบ) หรือเถา น้ำหนัก  30-40  กรัม  โดยตำ  เพิ่มน้ำนิดหน่อย  คั้นเอาน้ำ  หรือต้มกับน้ำ  3  ส่วน  เคี่ยวให้เหลือ  1  ส่วน  หรือบดเป็นผง  ทำให้เป็นลูกกลอนรับประทานวันละ  2  ครั้ง  ก่อนกินอาหาร  เช้า  เย็น
           รักษาอาการไม่อยากกินอาหาร: ใช้เถาที่โตเต็มกำลัง   ราว  1- 1.5   ฟุต  (2.5 คืบ)  น้ำหนัก หรือเถา 30-40  กรัม  โดยตำ  เพิ่มน้ำนิดหน่อย  คั้นเอาน้ำ  หรือต้มกับน้ำ  3  ส่วน  ต้มให้เหลือ  1  ส่วน  หรือบดเป็นผง  ทำให้เป็นลูกกลอนรับประทานวันละ  2  ครั้ง  ก่อนที่จะกินอาหาร  เช้า  เย็น  ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้บอระเพ็ด / เมล็ดข่อย / หัวหญ้าแห้วหมู / เมล็ดพริกไทย / เปลือกต้นทิ้งถ่อน / เปลือกต้นตะโกนา ในรูปทรงเสมอกันเอามาบดเป็นผุยผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานก่อนนอนครั้งละ 2-3 เม็ด หรือไม่ก็อาจจะนำเถาบอระเพ็ดมาหั่นตากแห้งแล้วเอามาบดให้เป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้  ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้เถาสดที่โตเต็มที่ตากแห้งแล้วบดเป็นผง นำมาชงน้ำร้อนดื่มครั้งละ 1 ช้อน ตอนเช้าและเย็น แก้โรคกระเพาะอาหารด้วยการใช้บอระเพ็ด 5 ส่วน / มะขามเปียก 7 ส่วน / เกลือ 3 ส่วน / น้ำผึ้งพอเหมาะ นำมาคลุกเคล้าจะกว่าจะเข้ากันแล้วรับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา นำทุกส่วนของบอระเพ็ด (เถา,ใบ,ราก) มาบดแล้วก็ใช้ประคบฝี เพื่อลดน้ำหนอง,ลดลักษณะของการปวดบวม หรือ แผล(สำหรับห้ามเลือด)
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดไข้    มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดไข้ของบอระเพ็ด โดยทดสอบกับสัตว์ทดสอบที่ถูกรั้งนำให้เกิดไข้ด้วยสารต่างๆได้แก่ การทดสอบกรอกสารสกัดบอระเพ็ดด้วยอัลกอฮอล์รวมทั้งน้ำ (1:1) ให้กระต่ายที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดไข้ด้วยยีสต์ พบว่าสารสกัดไม่มีฤทธิ์ลดไข้ บุญเทียม และคณะ ได้ทดลองให้สารสกัดบอระเพ็ดด้วยน้ำกับหนูเพศผู้ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดไข้ด้วยวัคซีนไข้รากสาดน้อยในขนาด 100 มก./กก. โดยการผสมกับน้ำกิน  พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ รวมทั้งต่อมาได้ทำทดลองโดยให้สารสกัดบอระเพ็ดกับกระต่ายและหนูขาวเพศผู้ที่เหนี่ยวนำให้เกิดไข้ด้วย LPS (Lipopolysaccharide) ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กก. และ 600 มก./กิโลกรัม ตามลำดับ พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ได้เหมือนกัน จากการเรียนเชื่อว่ากลไกสำหรับในการยั้งการเกิดไข้ของสารสกัดบอระเพ็ดน่าจะเป็นผลมาจากการไปยับยั้งการผลิต interleukin-1 หรือ prostaglandins (PGs) ซึ่งกลไกนี้เป็นกลไกที่อยู่ในระบบ CNS ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้พบว่าส่วนสกัดด้วยบิวทานอลมีฤทธิ์ลดไข้ ไม่มีการทดสอบแยกสารออกฤทธิ์ลดไข้จากบอระเพ็ด แต่ว่ามีรายงานฤทธิ์ลดไข้ของสารที่พบในบอระเพ็ดเป็น berberine เมื่อป้อนให้หนูในขนาด 10 มก./กก. และก็ b-sitosterol ซึ่งออกฤทธิ์ในขนาด 160 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ        มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดการอักเสบของชาชงบอระเพ็ดโดยการกรอกให้แกะเพศผู้ (ตอน) ในขนาด 8 มิลลิลิตร/ตัว พบว่าชาชงบอระเพ็ดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบเท่ากันกับแอสไพริน 30 มก./น้ำหนักตัว 200 กรัม Higashino และก็ภาควิชา ได้เรียนรู้ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของสารสกัดเถาบอระเพ็ดด้วยเมทานอล (50%) กับหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้มีการอักเสบที่อุ้งเท้าด้วย carrageenin โดยให้กินสารสกัดในขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยส่วนสกัดด้วยบิวทานอลออกฤทธิ์ก้าวหน้าที่สุด ไม่ว่าจะให้โดยการกิน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าท้อง และก็พบว่าส่วนสกัดในขนาด 3 มิลลิกรัม/กก. เมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีฤทธิ์เท่ากันกับ sulpyrine 250 มก./กิโลกรัม และก็ diphenhydramine 10 มก./กิโลกรัม
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A การศึกษาฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A สารสำคัญที่เจอในต้นบอระเพ็ด โดยการฉีด borapetosides A ให้แก่หนูเม้าส์ที่เป็นโรคโรคเบาหวาน ประเภทที่ 1 และก็ประเภทที่ 2 และหนูเม้าส์ปกติ วันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 7 วัน พบว่า borapetosides A จะช่วยเพิ่มระดับของไกลโคเจน และลดน้ำตาลในเลือดได้ทั้งหนูธรรมดา รวมทั้งหนูที่เป็นเบาหวาน โดยฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของ borapetosides A เกี่ยวโยงกับการเพิ่มปริมาณอินซูลินในหนูธรรมดาและหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลินในหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 นอกเหนือจากนั้นยังพบว่าสาร borapetosides A กระตุ้นการสังเคราะห์ไกลโคเจนในเซลล์เนื้อกล้ามเนื้อ แล้วก็ลดการแสดงออกของโปรตีน phosphoenolpyruvate carboxylase ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นเบาหวานได้ การวิจัยชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ดสามารถออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ทั้งยังประเภทที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวกับอินซูลิน โดยผ่านกลไกกระตุ้นการใช้เดกซ์โทรสของกล้าม ลดการสั่งสมน้ำตาลในเซลล์ และกระตุ้นการสร้างอินซูลิน
การทดลองในสัตว์ทดลองพบว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนการเรียนรู้ในผู้เจ็บป่วยเบาหวานโดยให้ทานบอระเพ็ด วันละ 250 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลได้ แม้กระนั้นระหว่างที่กำลังทำการทดสอบคนไข้หลายรายมีอาการตับอักเสบ และพบว่าการใช้บอระเพ็ดในขนาดสูงรวมทั้งติดต่อกันนานจะเป็นพิษต่อตับและไต มีรายงานการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่าเมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพดี 12 ราย รับประทานบอระเพ็ดขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 อาทิตย์ พบว่าแนวโน้มทำให้ระดับเอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้น แสดงว่ามีลัษณะทิศทางจะก่อให้กำเนิดพิษต่อตับ
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา  การทดลองพิษรุนแรงของสารสกัดเถาด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) แล้วก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตรวจไม่เจออาการเป็นพิษ  เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูถีบจักร ขนาด 4 กรัม/กิโลกรัม เทียบเท่าผงยาแห้ง 28.95 กรัม/กิโลกรัม ไม่นำไปสู่อาการพิษ การเรียนพิษเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูขาวพันธุ์วิสตาร์ทั้ง 2 เพศ ในขนาด 0.02, 0.16 และ 1.28 กรัม/กก./วัน หรือเท่ากันผงแห้ง 0.145, 1.16 รวมทั้ง 9.26 กรัม/กก. ตรงเวลา 6 เดือน พบว่าหนูขาวทั้งคู่เพศที่ได้รับสารสกัดในขนาด 1.28 กรัม/กิโลกรัม ส่งผลทำให้น้ำหนักหนูต่ำยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมแล้วก็เกิดอาการเปลี่ยนไปจากปกติของหลักการทำงานของตับและไตได้          มีหมอผู้ทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับฤทธิ์ลดโรคเบาหวานของบอระเพ็ด พบว่าคนไข้มีลักษณะตับอักเสบหลายราย
ข้อแนะนำ/ข้อพึงระวัง

  • ส่วนที่นิยมนำเถาบอระเพ็ดมาใช้ทำเป็นยาจะเป็นส่วนของ “เถาเพสลาก” เพราะเหตุว่ามีลักษณะไม่แก่หรืออ่อนเหลือเกินนัก และก็มีรสชาติขมจัด แต่ว่าหากเป็นเถาแก่จะแตกแห้ง รสฝาด ไม่ขม หรือถ้าหากอ่อนเหลือเกินก็จะมีรสไม่ขมมากมาย
  • การเรียนรู้ในอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรง 12 คนที่รับประทานบอระเพ็ดในขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 อาทิตย์ เจอแนวโน้มระดับเอนไซม์ในตับมากขึ้นมีความหมายว่าน่าจะส่งผลให้เกิดพิษต่อตับ
  • ถ้านำบอระเพ็ดมาใช้แล้วก็พบอาการไม่ดีเหมือนปกติของการทำงานตับรวมทั้งไต ควรจะหยุดการใช้
  • ห้ามใช้ในคนที่มีภาวการณ์เอนไซม์ตับขาดตกบกพร่อง หรือคนไข้ที่มีประวัติเป็นโรคตับหรือโรคไต
  • สมุนไพรบอระเพ็ดสำหรับในการรับประทานในส่วนของรากอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานานอาจมีผลต่อหัวใจ ด้วยเหตุว่าเป็นยารสขม สิ่งที่ต้องระวังก็คือไม่สมควรใช้ติดกันสม่ำเสมอเกิน 1 เดือน ถ้าหากว่าต้องใช้ในเดือนถัดไปก็ควรเว้นระยะเวลา 1-2 อาทิตย์เป็นอย่างต่ำเพื่อร่างกายสามารถปรับภาวะได้ก่อน ถ้าเกิดใช้ไปแล้วมีอาการมือเท้าเย็น แขนขาหมดเรี่ยวแรงก็ควรหยุดกิน
เอกสารอ้างอิง

  • บอระเพ็ด.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • บุญเทียม คงศักดิ์ตระกูล  ยุวดี วงษ์กระจ่าง และคณะ.  รายงานฉบับสมบูรณ์ขององค์การเภสัชกรรม, 2541:18pp.
  • Higashino H, Suzuki A, Tanaka Y, Pootakham K.  Inhibitory effects of Siamese Tinospora crispa extracts on the carrageenin-induced foot pad edema in rats (the 1st report).  Nippon Yakurigaku Zasshi 1992;100(4):339-44.
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://www.disthai.com/[/color]
  • Kongsaktrakoon B, Temsiririrkkul R, Suvitayavat W, Nakornchai S, Wongkrajang Y.  The antipyretic effect of Tinospora crispa Mier ex Hook.f. & Thoms.  Mahidol Univ J Pharm Sci 1994;21(1):1-6.
  • บอระเพ็ด.ชาสมุนไพรบรรเทาอาการไข้.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หน้า3-5
  • กัมปนาท รื่นรมย์.ประสิทธิภาพและการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากบอระเพ็ดในการเป็นสารกำจัดแมลงต่อหนอนใยผัก(Plutella xylostella L.)
  • Sabir M, Akhter MH, Bhide NK.  Further studies on pharmacology of berberine.  Indian J Physiol Pharmacol 1978;22:9.
  • บอระเพ็ด ประโยชน์/สรรพคุณบอระเพ็ด.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อเกษตรไทยบุญส่ง คงคาทิพย์ และสมนึก วงศ์ทอง การแยกสารออกฤทธิ์ฆ่าหนอนเจาะเสมอฝ้ายจากต้นบอระเพ็ดและการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของสารกับการออกฤทธิ์
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ด.ข่าวความเคลื่อนไหนสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Rivai Y.  Antiinflammatory effects of Tinospora crispa (L) Miers ex Hook.f & Thoms stem infusion on rat.  MS Thesis, Dept Pharm, Fac Math & Sci, Univ Andalas, Indonesia, 1987.
  • บอระเพ็ดกับเบาหวาน.กระทู้ถาม-ตอบ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Gupta M, Nath R, Srivastava N, Shanker K, Kishor K, Bhargava KB.  Anti-inflammatory and antipyretic activities of b-sitosterol.  Planta Med 1980;39:157-63.
  • Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P.  Study on toxicity of Thai medicinal plants.  Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
  • บอระเพ็ด.ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ.สำนังานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Chavalittumrong P, Attawish A, Chuthaputti A, Chuntapet P.  Toxicological study of crude extract of Tinospora crispa Miers ex Hook.f. & Thoms.  Thai J Pharm Sci 1997;21(4):199-210.


Tags : บอระเพ็ด
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ