หัวข้อ: ตะไค้ร้สามารถนำมาทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้เป็นอย่างดี เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ มิถุนายน 01, 2018, 03:08:33 pm ตะไคร้
ชื่อสมุนไพร ตะไคร้ ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น จักไคร (ภาคเหนือ) , ค้างหอม (ไทใหญ่แม่ฮ่องสอน) , ไคร (ภาคใต้) , สิงไคร , หัวสิงไคร (อีสาน) , ห่อวอตะโป่ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , เชิดเกรย , เหลอะเกรย (เขมร) ชื่อสามัญ Lemon grass, West Indian lemongrass , Sweet rush ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf ตระกูล GRAMINEAE บ้านเกิดเมืองนอน ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะตะไคร้เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อนของทวีปเอเชีย ดังเช่น ไทย , พม่า , ลาว , มาเลเซีย , อินโดนีเซีย , อินเดียว , ศรีลังกา เป็นต้นและยังสามารถเจอได้ในประเทศเขตร้อนบางประเทศในแถบอเมริกาใต้ ด้วยเหมือนกัน โดยทั่วไปแล้ว ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลต้นหญ้าและก็สามารถแบ่งได้ 6 จำพวก เป็นต้นว่า ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค รวมทั้งตะไคร้หางราชสีห์ ลักษณะทั่วไป ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกวงศ์เดียวกับหญ้า มักแก่มากยิ่งกว่า 1 ปี (ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสภาพแวดล้อม)ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (และใบ) ส่วนของลำต้นที่เราเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อครึ้ม ผิวเรียบ แล้วก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนน้อย รวมทั้งเบาๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นข้อแข็ง ส่วนนี้สูงราวๆ 20-30 ซม. ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และก็พันธุ์ แล้วก็เป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับประกอบอาหาร ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อระหว่างกาบใบ แล้วก็ใบ) และใบ ใบตะไคร้ เป็นใบโดดเดี่ยว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ แล้วก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แต่ว่าคม กึ่งกลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบชัดแจ้ง ใบกว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 60-80 เซนติเมตร ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก จึงไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะมีดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบประดับประดารองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่คล้ายดอกอ๋อ การขยายพันธุ์ ตะไคร้สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วย การปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคนราวๆหนึ่งคืบ เอามาปักชำไว้สักหนึ่งอาทิตย์ก็จะมีรากงอกออกมา แล้วก็ค่อยนำไปลงแปลงดินที่ตระเตรียมไว้ สำหรับวิธีการปลูกตะไคร้มีดังนี้
ตะไคร้ถูกใจดินซึ่งร่วนซุย แต่ว่าก็สามารถเจริญรุ่งเรืองได้ในดินดูเหมือนจะทุกจำพวกเป็นพืชที่ดูแลไม่ยากถูกใจน้ำชอบแดดจ้า เป็นพืชทนแล้งได้ดิบได้ดี และเป็นพืชที่มีโรคน้อย ศัตรูพืชก็ไม่ค่อยมี (คงจะเกิดขึ้นจากการที่ตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยในทุกๆส่วนจึงสามารถป้องกันจากแมลงต่างๆได้) องค์ประกอบทางเคมี พบสาร citral 80% นอกจากนั้นยังพบ trans – isocitral , geranial, nerol, geraniol, myrcene, limonene, eugenol, linalool, menthol, nerolidol, camphor, farnesol, citronellol, ที่มา : wikipedia citronellal, farnesol , caryophyllene oxide ส่วนในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ มีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้เป็นmenthol, cineole, camphor รวมทั้ง linalool ก็เลยลดอาการแน่นจุกเสียด และช่วยขับลม นอกเหนือจากนี้มี citral, citronellol, geraneol แล้วก็ cineole มีฤทธิ์ยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียเป็นต้นว่า E. coli ส่วนค่าทางโภชนาการของตะไคร้มีดังนี้ ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)
ที่มา: กองโภชนาการ (2544) ประโยชน์ / คุณประโยชน์ ใช้ส่วนของเหง้า ลำต้นและก็ใบของตะไคร้ เป็นองค์ประกอบของของกินที่สำคัญหลากหลายประเภทยกตัวอย่างเช่น ต้มยำ แล้วก็อาหารไทยหลายแบบ แล้วก็ใช้เป็นเครื่องเทศทำกับข้าวสำหรับกำจัดกลิ่นคาว ช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมหวน แล้วก็ปรับแต่งรสให้น่ากินเยอะขึ้น สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้ น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง ได้แก่ เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ น้ำมันตะไคร้ (น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากการสกัดตะไคร้) – ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม – ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม – ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง – ใช้ทานวด แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อป้องกัน ยุง และแมลง – ใช้เป็นส่วนผสมของสารคุ้มครองปกป้อง รวมทั้งกำจัดแมลง ส่วนคุณประโยชน์ของทางยาของตะไคร้นั้นมีดังนี้ ตำราเรียนยาไทย: ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินฉี่ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันโลหิต เหง้า แก้เบื่อข้าว บำรุงไฟธาตุ แก้กษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะขัด แก้เยี่ยวทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับรอบเดือน ขับระดูขาว ใช้ภายนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ แบบเรียนยาพื้นบ้านอีสาน : ใช้ทั้งยังต้น ลดไข้ โดยเอามาต้มกระทั่งเดือดประมาณ 10 นาที ชูลงดื่มทีละครึ่งแก้วสามเวลา ใช้ด้านนอกรักษาโรคผิวหนังโดยต้มกับน้ำและนำมาอาบ ตำรับยาสมุนไพรล้านนา: ใช้รักษาอาการบวมในเด็ก กลางคน และก็คนชรา โดยในตำรับมีตะไคร้ และก็สมุนไพรอื่นอีก 13 จำพวก นำไปต้มอาบ ทางสุคนธบำบัดน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว มีชีวิตชีวา ทำให้ขมีขมัน เครียดน้อยลง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับในการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้าม ส่วนสรรพคุณทางการแพทย์แผนปัจจุบันที่ได้มีการทำการค้นคว้าทางคลินิกผลปรากฏว่า น้ำยาบ้วนปากจากตะไคร้สามารถช่วยลดกลิ่นปากที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางจำพวกลงได้แล้วก็พบว่ามีความปลอดภัยจากการใช้แรงงานในกรุ๊ปผู้ถูกทดสอบ ถึงแม้ยังคงควรจะมีการปรับแก้กลิ่นฉุนรวมทั้งรสจากตะไคร้เพิ่มเติมอีกถัดไป รวมทั้งในน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากตะไคร้มีอัตราการดูแลรักษาคนป่วยโรคเกลื้อนอยู่ที่ราวๆ 60% ในช่วงเวลาที่ตัวยาคีโตโคนาโซลมีประสิทธิผลทางการรักษาสูงกว่าเป็นอยู่ที่ 80% และก็มีการทดสอบสมรรถนะของตะไคร้ด้วยการทาโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันตะไคร้ลงบนแขนของผู้อาสาสมัครทดสอบ แล้วให้ผู้ทดลองอยู่ในบริเวณที่มีตัวริ้นประเภท Culicoides Pachymerus อยู่อย่างชุกชุม โดยทดลองบ่อยๆ10 ครั้ง เพื่อทดลองประสิทธิผลทางการคุ้มครองด้านใน 3-6 ชั่วโมง ผลการทดลองพบว่า โลชั่นที่มีส่วนผสมของตะไคร้มีประสิทธิผลทางการป้องกันภัยริ้นประเภทนี้ได้สูงสุดถึงราวๆ 5 ชั่วโมง ส่วนการทดสอบถึงคุณภาพของตะไคร้สำหรับการคุ้มครองปกป้องยุงก้นปล่องสายพันธุ์ Anopheles Arabiensis ในอาสาสมัครทดลองเพศชาย 3 คน พบว่ายากันยุงที่มีส่วนผสมของตะไคร้มีคุณภาพสำหรับการป้องกันยุงได้ช้านานที่ประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนในเรื่องการกำจัดรังแคนั้น มีงานทดลองหนึ่งในไทยที่นำเอาน้ำมันสกัดจากตะไคร้มาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์น้ำมันบำรุงเส้นผมแต่งกลิ่น 5, 10 แล้วก็ 15% โดยมีอาสาสมัครทดสอบเป็นชาวไทยในวัย 20-60 ปี ปริมาณ 30 คน ผลการทดลองพบว่า สินค้าน้ำมันบำรุงเส้นผมแต่งกลิ่นตะไคร้มีประสิทธิผลต่อการลดจำนวนรังแคลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสินค้าที่มีส่วนผสมของตะไคร้ 10% แบบ/ขนาดวิธีใช้ ใช้รักษาอาการขัดเบา เหง้ารวมทั้งลำต้นสด หรือแห้ง 1 กำมือ หรือน้ำหนักสด 40-60 กรัม แห้ง 20-30 กรัม ตีต้มกับน้ำพอควร แบ่งดื่ม 3 ครั้งๆละ 1 ถ้วยชา (75 ไม่ลิลิตร) ก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือจะหั่นตะไคร้ คั่วด้วยไฟอ่อนๆพอเหลือง ชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ดื่มแต่น้ำ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา ก่อนรับประทานอาหาร ใช้รักษาท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด ใช้เหง้าและลำต้นสด 1 กำมือ น้ำหนัก 40-60 กรัม ตีเพียงพอแตก ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เดือด 5-10 นาที ดื่มแม้กระนั้นน้ำ ครั้งละ 1/2 แก้ว วันละ 3 คราวหน้าของกิน การใช้ตะไคร้รักษาอาการแน่นจุกเสียด ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน)
ใช้รักษาอาการแฮงค์ ใช้ต้นสดตำคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆช่วยให้หายเร็ว การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
เมื่อนำน้ำมันหอมระเหย และสารสกัดด้วยเฮกเซน, คลอโรฟอร์ม, เอทานอล และก็น้ำ มาทดลองฤทธิ์ต้านเชื้อรา พบว่าน้ำมันหอมระเหยและก็สารสกัดตะไคร้ด้วยเฮกเซนสามารถต้านเชื้อราได้ทุกประเภท ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์มมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราได้น้อย ขณะที่สารสกัดด้วยเอทานอลและก็น้ำไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา แล้วก็จากผลการทดสอบยังพบว่าสารประกอบหลักในน้ำมันหอมระเหย และในสารสกัดด้วยเฮกเซนที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราเจริญหมายถึงสาร citral มีการจดสิทธิบัตรสินค้าตะไคร้ในรูปของ emulsion แล้วก็ nanocapsule ที่ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ ใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อรา E. floccosum, Microsporum canis และก็ T. rubrum โดยไปยั้งการเติบโตหรือฆ่าเซลล์ของเชื้อราดังกล่าว
ชาชงตะไคร้ เมื่อป้อนให้หนูเม้าส์กินตรงเวลา 30 นาที ก่อนจะรั้งนำหนูให้ปวดอุ้งเท้าด้วยสารคาราจีแนน 100 ไมโครกรัม/อุ้งเท้า หรือด้วยสาร prostaglandin E2 รวมทั้ง dibutyryl cyclic AMP พบว่าสามารถยับยั้งลักษณะของการปวดจากการที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารคาราจีแนน รวมทั้ง prostaglandin E2 ได้ แม้กระนั้นไม่ได้เรื่องถ้ารั้งนำให้ปวดด้วย dibutyryl cyclic AMP นอกเหนือจากนั้นน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ รวมทั้งสาร myrcene เมื่อป้อนให้หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดอาการปวดด้วย prostaglandin E2 พบว่าสามารถยั้งลักษณะของการปวดได้
เมื่อกรอกน้ำมันหอมระเหยจากใบเข้ากระเพาะ หรือฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ขนาด 10, 50, 100 มก./กก. พบว่าสามารถทุเลาอาการปวดได้ และเมื่อกรอก น้ำมันหอมระเหยจากใบ เข้าด้านในกระเพาะหนูขาว ขนาด 20% พบว่ามีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดที่เหนี่ยวนำด้วย carageenan หรือ PGE2 แม้กระนั้นไม่ได้เรื่องในหนูที่ทำให้ปวดด้วย dibutyryl cyclic AMP ซึ่งสารออกฤทธิ์เป็นmyrcene (1) นอกนั้นเมื่อกรอกสารสกัดเอทานอล 95% จากใบสด เข้ากระเพาะหนูถีบจักร ขนาด 1 ก./กก. พบว่าไม่สามารถที่จะบรรเทาลักษณะของการปวดได้ การเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษแล้วก็การทดลองความเป็นพิษ เมื่อให้น้ำมันหอมระเหยเข้าทางกระเพาะอาหารกระต่าย พบว่ามีค่า LD50 มากกว่า 5 กรัม/กก. ส่วนพิษในหนูขาวไม่กระจ่าง แล้วก็เมื่อป้อนสารสกัดใบด้วยอัลกอฮอล์รวมทั้งน้ำ (1:1) ขนาด 460 มก./กก. เข้ากระเพาะอาหารหนูถีบจักร พบว่าเป็นพิษ แต่ว่าสารสกัดใบด้วยน้ำ ขนาด 20-40 ซีซี/กก. เมื่อให้ทางปากไม่เจอพิษ และไม่เป็นพิษต่อตัวอ่อน และไม่มีผลต่อน้ำหนักตัวของหนูขาว มีผู้เรียนรู้พิษของน้ำมันหอมระเหย พบว่าอัตราส่วน LD50/TD พอๆกับ 6.9 การป้อนยาชงตะไคร้ให้หนูขาวในขนาด 20 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนตรงเวลา 2 เดือน ไม่เจอความเป็นพิษ การศึกษาเล่าเรียนพิษกระทันหันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ขนาด 1,500 ppm ตรงเวลา 60 วัน พบว่าหนูขาวกรุ๊ปที่ได้ตะไคร้ โตเร็วกว่ากลุ่มควบคุม แต่ว่าค่าเคมีเลือดไม่เปลี่ยนแปลง สารสกัดตะไคร้ด้วยเอทานอล (80%) ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ใน Staphylococcus typhimurium TA98 และ TA100 มีผู้ทดลองฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ใน mammalian cells ของ b-myrcene ซึ่งเป็นสารสำคัญในตะไคร้ พบว่าไม่เจอฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ มีผู้ทดลองใช้ตะไคร้แห้ง ขนาด 400 มคกรัม/จานเพาะเชื้อ มาทดลองกับ S. typhimurium TA98 รวมทั้งเมื่อนำน้ำต้มใบตะไคร้กับเนื้อ (วัว ไก่ หมู) ขนาด 4, 8 และก็ 16 มิลลิกรัม/จานเพาะเชื้อ ทดสอบกับ S. typhimurium TA98 รวมทั้ง TA100 ไม่พบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ รวมทั้งสารสกัดด้วยน้ำขนาด 0.5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่เป็นผลก่อกลายพันธุ์ใน Bacillus subtilis H-17 (Rec+) และ M-45 (Rec-) ตะไคร้สดในขนาด 1.23 มก./ซีซี ไม่มีพิษต่อยีน (16) และ b-myrcene ซึ่งเป็นสารสำคัญก็ไม่เจอพิษเช่นกัน สาร citral ซึ่งเป็นสารที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยจากใบ เป็นพิษต่อเซลล์ P388 mouse leukemia และก็น้ำมันหอมระเหย เป็นพิษต่อเซลล์ P388 leukemia โดยมีค่า IC50 5.7 มคก./มิลลิลิตร แต่เมื่อผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้กับโหระพาช้าง (1:1 vol./vol.) มีค่า IC50 10.2 มคกรัม/มล. ส่วนสกัด (partial purified fraction) ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ PS (murine lymphocytic leukemia P388),FA ( murine ascites mammary carcinoma FM3A ) แต่สารสกัดหยาบแสดงฤทธิ์อย่างอ่อนต่อเซลล์ FA สารสกัดใบด้วยเมทานอล ในขนาด 50 มคก./ มล. ออกฤทธิ์ไม่แน่นอนต่อเซลล์ของมะเร็ง CA-9KB แม้กระนั้นในขนาด 20 มคกรัม/ มิลลิลิตร ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ RAJI มีผู้ทดลองพิษของชาที่ตระเตรียมจากตะไคร้พบว่าเมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงรับประทานเกิดไคร้ 1 ครั้ง หรือรับประทานวันละครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ไม่เจอความเคลื่อนไหวทางเคมีในเลือด เม็ดเลือดรวมทั้งปัสสาวะ มีบางรายเพียงแค่นั้นที่มีปริมาณบิลลิรูบิน รวมทั้ง amylase สูงมากขึ้น จึงถือว่าปลอดภัย ส่วนน้ำมันตะไคร้เมื่อผสมในน้ำหอม โดยผสมน้ำมันตะไคร้ปริมาณร้อยละ 0.8 พบว่ามีอาการแพ้ อย่างไรก็ตามการแพ้นี้อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสารอื่นได้ รวมทั้งมีรายงานความเป็นพิษต่อถุงลมปอดเมื่อสูดกลิ่นน้ำมันตะไคร้ ข้อแนะนำ / สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง
|