หัวข้อ: บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์ เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ มิถุนายน 02, 2018, 09:44:23 am บอระเพ็ด
ชื่อสมุนไพร บอระเพ็ด ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน จุ้งจาลิง , จุ่งจิง , เถาวัลย์ฮอ (ภาคเหนือ) , เจตมูลหนาม (จังหวัดหนองคาย) , หางหนู (อุบลราชธานี) , เถาหัวด้วน , ตัวเจตมูลยาน (จังหวัดสระบุรี) ชื่อสามัญ Heart leaved moonseed ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f. & Thomson ชื่อพ้อง Tinospora tuberculata Miers, Tinospora rumphii Boerl. ตระกูล Menispermaceae บ้านเกิด บอระเพ็ดเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในป่าดงดิบแล้งรวมทั้งป่าเบญจพรรณ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบได้มากในประเทศไทย ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ รวมทั้งบางประเทศในเอเชียใต้ เป็นต้นว่า ประเทศอินเดีย และก็ศรีลังกา สำหรับในประเทศไทยนั้นบอระเพ็ดนับเป็นพืชที่มีชื่อเสียงอย่างดีเยี่ยมมาช้านานแล้ว ด้วยเหตุว่าคนประเทศไทยในสมัยเก่าได้นำบอระเพ็ดมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาลักษณะการป่วยต่างๆดังเช่น ใช้ลดไข้ บำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ฯลฯ ถึงแม้ว่าจะขณะนี้ก็ยังนิยมใช้บอระเพ็ดเพื่อคุณประโยชน์ทางยากลุ่มนี้อยู่ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสามารถเจอบอระเพ็ดได้ทุกภาคของประเทศรวมทั้งส่วนมากพบในป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณทั่วๆไป ลักษณะทั่วไป บอระเพ็ด[/b] จัดเป็น ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ไม่มีขน ยาวถึง 15 เมตร เถากลม ตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบ เป็นปุ่มเปลือกของเถาบางลอกออกได้ เป็นปุ่มกระจายทั่วๆไป เมื่อแก่เห็นปุ่มปมพวกนี้หนาแน่น และก็แจ่มแจ้งมาก เปลือกเถา คล้ายเยื่อกระดาษ มียางขาว ใส เถามีรสขมจัด สีเทาปนเหลือง มีรากอากาศคล้ายเส้นด้ายยาว กลม ยาว สีน้ำตาลเข้ม ใบคนเดียว เรียงเวียนสลับ มักเป็นรูปหัวใจ รูปไข่กว้าง หรือรูปกลม กว้าง 6-12เซนติเมตร ยาว 7-14 เซนติเมตร โคนเรียวแหลมยาว ปลายจักเป็นรูปหัวใจลึก หรือตื้น เนื้อเหมือนแผ่นกระดาษบาง มักมีต่อม ใบข้างล่างครั้งคราวเจอต่อมแบนตามโคนง่ามของเส้นใบ เส้นใบออกมาจากโคนใบรูปฝ่ามือมี 3-5 เส้น และมีเส้นแขนงใบอีก 1-3 คู่ ก้านใบยาว 5-15 ซม. บวมพอง และก็เป็นข้องอ ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งแก่ๆที่ไม่มีใบ มักมีดอกเมื่อใบหลุดร่วงหมด มี 2-3 ช่อ เล็กเรียว ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ดอกเพศผู้แล้วก็เพศเมียแยกกันอยู่ต่างดอก ช่อดอกเพศผู้ ยาว 5-9 เซนติเมตร ดอกมี 1-3 ดอก ติดเป็นกระจุก ดอกเพศผู้ มีก้านดอกย่อยเล็กเรียว ยาว 2-4 มม. กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน วงนอกมี 3 กลีบ รูปไข่ ครึ้มที่โคน ยาว 1-1.5 มม. วงในมี 3 กลีบ รูปไข่กลับ มีก้านกลม หรือโคนแหลม ยาว 3-4 มม. กลีบมี 3 กลีบ กลีบวงนอกเท่านั้นที่เจริญก้าวหน้าขึ้น รูปใบหอกกลับแคบ แบน ไม่มีตุ่ม ยาว 2 มิลลิเมตร ส่วนกลีบวงในลดรูป เกสรเพศผู้มี 6 อัน ยาว 2 มิลลิเมตร ช่อดอกเพศเมีย ยาว 2-6 มิลลิเมตร ดอกส่วนใหญ่เกิดโดดเดี่ยวๆตามง่ามใบ ดอกเพศเมีย กลีบเลี้ยงแล้วก็กลีบดอกคล้ายดอกเพศผู้ เกสรเพศผู้เลียนแบบมี 6 อัน เป็นรูปลิ่มแคบ ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศเมียมี 3 อัน ทรงรี ยาว 2 มิลลิเมตร ยอดเกสรเพศเมียเป็นพูสั้นมาก ผลออกเป็นช่อ มีก้านช่อยาว 1.5-2 เซนติเมตร มีก้านผลเป็นรูปกึ่งปิรามิด ยาว 2-3 มิลลิเมตร ใต้ลงมาเป็นกลีบเลี้ยงที่ติดแน่น รูปไข่ ยาว 2 มม. โค้งกลับ ผลสด เมื่อสุกมีสีเหลืองหรือสีส้ม ทรงรี ยาว 2 เซนติเมตร ฝาผนังผลชั้นในสีขาว ทรงรี กว้าง 7-9 มิลลิเมตร ยาว 11-13 มิลลิเมตร ผิวย่นย่อเล็กน้อย หรือเกือบเรียบ มีสันที่ด้านบนชัด มีช่องเปิดรูปรีเล็กที่ข้างบน มีดอกสิ้นเดือนเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ติดผลราวม.ย.ถึงเดือนพฤษภาคม การขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์บอระเพ็ดสามารถทำได้ 2 วิธีหมายถึงการเพาะเม็ด รวมทั้งการปักชำกิ่ง การเพาะเม็ดนั้นจะต้องใช้เม็ดจากผลที่สุกจัด ผลมีสีเหลืองเข้ม ยิ่งเป็นผลที่ตกแล้วยิ่งดี ต่อจากนั้น นำผลมาตากแดดให้แห้ง นาน 15-20 วัน แล้วก็เก็บไว้ในร่มก่อนจนถึงต้นฤดูฝนก็เลยนำออกมาเพาะในถุงเพาะชำหรือใช้หยอดปลูกตามจุดที่ต้องการ การปลูกด้วยเมล็ดนี้ จะได้เครือบอระเพ็ดที่ใหญ่ยาวมากกว่าการปักชำ การปักชำเถา เป็นวิธีหนึ่งที่สะดวกรวดเร็ว ด้วยการตัดเถาบอระเพ็ดที่แก่จัด เถามีอายุตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ตัดเถายาว 20-30 เซนติเมตร หลังจากนั้น ค่อยนำลงปักชำในถุงหรือกระถาง วิธีการแบบนี้ จะได้ต้นที่ผลิออกใหม่ข้างใน 15-30 วัน แต่ลำต้นมักมีเครือไม่ยาวเหมือนการเพาะเม็ด แต่ว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก องค์ประกอบทางเคมี
ที่มา : wikipedia คุณประโยชน์/สรรพคุณ น้ำสกัดหรือน้ำสุกจากบอระเพ็ดสามารถใช้ฉีดพ่นกำจัด แล้วก็ปกป้องหนอนแมลงศัตรูพืช อาทิเช่น หนอนใยผัก และเพลี้ยต่างๆได้เป็นอย่างดี ส่วนลำต้น รวมทั้งใบของบอระเพ็ดสามารถใช้ผสมในอาหารสัตว์หรือให้สัตว์รับประทานโดยตรง เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดี และรักษาโรคในสัตว์ ทั้งวัว กระบือ หมู ไก่ และอื่น ซึ่งราษฎรนิยมให้ไก่ชนกินในระยะก่อนออกชน นอกเหนือจากนี้ลำตัน รวมทั้งใบยังสามารถเอามาบด และใช้พอกศีรษะหรือสระผม สำหรับกำจัดเหาได้อีกด้วย ส่วนสรรพคุณทางยาของบอระเพ็ดนั้นมีดังนี้ ตำรายาไทย ใช้ เถา ซึ่งมีรสขมจัดเย็น แก้ไข้ทุกชนิด แก้พิษฝีดาษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อให้เจริญอาหาร ช่วยสำหรับในการย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับเหงื่อ ดับกระหาย แก้ร้อนในดีเยี่ยม แก้อหิวาต์ แก้ท้องเดิน ไข้ป่า ระงับความร้อน ทำให้เนื้อเย็น แก้โลหิตพิการ ใช้ข้างนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดขึ้นจากโรคซิฟิลิส ใบ มีรสขมเมา เป็นยาพอกรอยแผล ทำให้เย็นรวมทั้งทุเลาลักษณะของการปวด ดับพิษปวดแสบปวดร้อน พอกฝี แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้คัน แก้โรครำมะนาด ปวดฟัน ฆ่าแมลงที่เข้าหู ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง บำรุงน้ำดี ราก มีรสขม เป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ทำลายพิษไข้ รากอากาศ รสขมเย็น แก้ไข้ขึ้นสูงมีลักษณะคลั่งเพ้อ ดับพิษร้อน ถอนพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ผล รสขม แก้ไข้ แก้เสมหะเป็นพิษ ทุกส่วนของพืช ใช้แก้ไข้ เป็นยาบำรุง โรคดีซ่าน ยาเจริญอาหาร แก้มาลาเรียใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ร้อนในหิวน้ำ ยิ่งไปกว่านี้บอระเพ็ดยังจัดอยู่ใน “พิกัดตรีญาณรส” เป็นการจำกัดปริมาณตัวยาที่ชี้ให้เห็นรสอาหาร 3 อย่าง มี ไส้หมาก รากสะเดา เถาบอระเพ็ด มีสรรพคุณ แก้ไข้ ดับพิษร้อน ขับเยี่ยว ขับเสมหะ บำรุงไฟธาตุ ชูกำลัง “พิกัดยาแก้ไข้ 5 ชนิด” เป็นการจำกัดจำนวนตัวยาแก้ไข้ 5 อย่าง มี รากย่านาง รากคนทา รากชิงชี่ ขี้เหล็กอีกทั้ง 5 แล้วก็เถาบอระเพ็ด คุณประโยชน์แก้ไข้พิษร้อน หนังสือเรียนอายุรเวทของประเทศอินเดีย ใช้ เถา เป็นยาแก้ไข้ เหมือนกันกับชิงช้าชาลี กล่าวไว้ว่า แก้ไข้ดีพอๆกับซิงโคนา แก้ธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินฉี่ แก้อาการอักเสบ แก้อาการเกร็ง แบบ/ขนาดการใช้ รักษาลักษณะของการมีไข้ ใช้เถาบอระเพ็ดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเหลือเกิน (เถาเพสลาก) ประมาณ 1- 1.5 ฟุต (2.5 คืบ) หรือเถา น้ำหนัก 30-40 กรัม โดยตำ เพิ่มน้ำเล็กน้อย คั้นเอาน้ำดื่ม หรือต้มกับน้ำ 3 ส่วน ต้มให้เหลือ 1 ส่วน หรือบดเป็นผง ทำให้เป็นลูกกลอนกินวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร เช้า เย็น รักษาอาการไม่อยากอาหาร: ใช้เถาที่โตสุดกำลัง ราว 1- 1.5 ฟุต (2.5 คืบ) น้ำหนัก หรือเถา 30-40 กรัม โดยตำ เพิ่มน้ำน้อย คั้นเอาน้ำ หรือต้มกับน้ำ 3 ส่วน เคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน หรือบดเป็นผุยผง ทำให้เป็นลูกกลอนรับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร รุ่งเช้า เย็น ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้บอระเพ็ด / เม็ดข่อย / หัวหญ้าแห้วหมู / เม็ดพริกไทย / เปลือกต้นทิ้งถ่อน / เปลือกต้นตะโกนา ในรูปร่างเท่ากันเอามาบดเป็นผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานก่อนนอนครั้งละ 2-3 เม็ด หรือไม่ก็อาจจะนำเถาบอระเพ็ดมาหั่นตากแห้งแล้วนำมาบดให้เป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้เถาสดที่โตเต็มกำลังตากแห้งแล้วบดเป็นผง เอามาชงน้ำร้อนดื่มทีละ 1 ช้อน รุ่งเช้ารวมทั้งเย็น แก้โรคกระเพาะอาหารด้วยการใช้บอระเพ็ด 5 ส่วน / มะขามเปียก 7 ส่วน / เกลือ 3 ส่วน / น้ำผึ้งพอควร เอามาคลุกเคล้าจะกว่าจะเข้ากันแล้วรับประทานก่อนรับประทานอาหาร 3 เวลา นำทุกส่วนของบอระเพ็ด (เถา,ใบ,ราก) มาบดแล้วใช้ประคบฝี เพื่อลดน้ำหนอง,ลดลักษณะของการปวดบวม หรือ แผล(สำหรับห้ามเลือด) การเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ลดไข้ มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดไข้ของบอระเพ็ด โดยทดลองกับสัตว์ทดสอบที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดไข้ด้วยสารต่างๆดังเช่น การทดสอบกรอกสารสกัดบอระเพ็ดด้วยอัลกอฮอล์และก็น้ำ (1:1) ให้กระต่ายที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดไข้ด้วยยีสต์ พบว่าสารสกัดไม่มีฤทธิ์ลดไข้ บุญเทียม รวมทั้งแผนก ได้ทดสอบให้สารสกัดบอระเพ็ดด้วยน้ำกับหนูเพศผู้ที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดไข้ด้วยวัคซีนไทฟอยด์ในขนาด 100 มก./กิโลกรัม โดยการผสมกับน้ำดื่ม พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ และต่อมาได้กระทำการทดลองโดยให้สารสกัดบอระเพ็ดกับกระต่ายและก็หนูขาวเพศผู้ที่รั้งนำให้เกิดไข้ด้วย LPS (Lipopolysaccharide) ในขนาด 200 มก./กิโลกรัม แล้วก็ 600 มิลลิกรัม/กก. ตามลำดับ พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ได้ด้วยเหมือนกัน จากการศึกษาเชื่อว่ากลไกสำหรับเพื่อการยั้งการเกิดไข้ของสารสกัดบอระเพ็ดน่าจะมีเหตุมาจากการไปยั้งการผลิต interleukin-1 หรือ prostaglandins (PGs) ซึ่งกลไกนี้เป็นกลไกที่อยู่ในระบบ CNS ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้พบว่าส่วนสกัดด้วยบิวทานอลมีฤทธิ์ลดไข้ ไม่มีการทดลองแยกสารออกฤทธิ์ลดไข้จากบอระเพ็ด แต่มีรายงานฤทธิ์ลดไข้ของสารที่เจอในบอระเพ็ดเป็น berberine เมื่อป้อนให้หนูในขนาด 10 มิลลิกรัม/กก. และก็ b-sitosterol ซึ่งออกฤทธิ์ในขนาด 160 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดการอักเสบของชาชงบอระเพ็ดโดยการกรอกให้แกะเพศผู้ (ตอน) ในขนาด 8 มิลลิลิตร/ตัว พบว่าชาชงบอระเพ็ดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบเสมอกันกับแอสไพริน 30 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 200 กรัม Higashino รวมทั้งแผนก ได้ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของสารสกัดเถาบอระเพ็ดด้วยเมทานอล (50%) กับหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้มีการอักเสบที่อุ้งเท้าด้วย carrageenin โดยให้กินสารสกัดในขนาด 10 มก./กก. พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยส่วนสกัดด้วยบิวทานอผุดผ่องกฤทธิ์ก้าวหน้าที่สุด ไม่ว่าจะให้โดยการกิน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าท้อง และพบว่าส่วนสกัดในขนาด 3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีฤทธิ์เท่ากันกับ sulpyrine 250 มิลลิกรัม/กก. และ diphenhydramine 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A การศึกษาฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A สารสำคัญที่พบในต้นบอระเพ็ด โดยการฉีด borapetosides A ให้แก่หนูเม้าส์ที่เป็นโรคเบาหวาน จำพวกที่ 1 แล้วก็ประเภทที่ 2 และหนูเม้าส์ธรรมดา วันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 7 วัน พบว่า borapetosides A จะช่วยเพิ่มระดับของไกลโคเจน รวมทั้งลดน้ำตาลในเลือดได้อีกทั้งหนูธรรมดา รวมทั้งหนูที่เป็นโรคเบาหวาน โดยฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของ borapetosides A เกี่ยวพันกับการเพิ่มปริมาณอินซูลินในหนูธรรมดาและหนูที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ไม่มีผลต่อระดับอินซูลินในหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1 ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าสาร borapetosides A กระตุ้นการสังเคราะห์ไกลโคเจนในเซลล์เนื้อกล้าม แล้วก็ลดการแสดงออกของโปรตีน phosphoenolpyruvate carboxylase ที่มากขึ้นจากการเป็นเบาหวานได้ การวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ดสามารถออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ชนิดที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวเนื่องกับอินซูลิน โดยผ่านกลไกกระตุ้นการใช้เดกซ์โทรสของกล้าม ลดการสะสมน้ำตาลในเซลล์ แล้วก็กระตุ้นการผลิตอินซูลิน การทดสอบในสัตว์ทดสอบพบว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนการศึกษาเล่าเรียนในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานโดยให้ทานบอระเพ็ด วันละ 250 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 2 เดือน พบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลได้ แต่ว่าขณะที่ทำการทดสอบผู้ป่วยหลายรายมีลักษณะอาการตับอักเสบ และพบว่าการใช้บอระเพ็ดในขนาดสูงรวมทั้งติดต่อกันเป็นเวลานานจะเป็นพิษต่อตับและไต มีรายงานการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่าเมื่อให้อาสาสมัครร่างกายแข็งแรง 12 ราย กินบอระเพ็ดขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 อาทิตย์ พบว่าแนวโน้มทำให้ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในตับมากขึ้น มีความหมายว่ามีทิศทางจะมีผลให้กำเนิดพิษต่อตับ การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดลองพิษกะทันหันของสารสกัดเถาด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโล (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) รวมทั้งให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ตรวจไม่เจออาการเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูถีบจักร ขนาด 4 กรัม/กก. เท่ากันผงยาแห้ง 28.95 ก./กก. ไม่นำมาซึ่งอาการพิษ การศึกษาพิษเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูขาวประเภทวิสตาร์ทั้ง 2 เพศ ในขนาด 0.02, 0.16 และก็ 1.28 ก./กิโลกรัม/วัน หรือเท่ากันผงแห้ง 0.145, 1.16 รวมทั้ง 9.26 กรัม/กก. ตรงเวลา 6 เดือน พบว่าหนูขาวทั้งสองเพศที่ได้รับสารสกัดในขนาด 1.28 ก./กก. มีผลทำให้น้ำหนักหนูน้อยกว่ากลุ่มควบคุมและเกิดอาการผิดปกติของลักษณะการทำงานของตับและไตได้ มีหมอผู้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ลดเบาหวานของบอระเพ็ด พบว่าผู้เจ็บป่วยมีลักษณะตับอักเสบหลายราย ข้อเสนอแนะ/ข้อควรคำนึง
Tags : บอระเพ็ด
|