หัวข้อ: บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ มิถุนายน 04, 2018, 01:43:53 pm บอระเพ็ด
ชื่อสมุนไพร บอระเพ็ด ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น จุ้งจาลิง , จุ่งจิง , เถาวัลย์ฮอ (ภาคเหนือ) , เจตมูลหนาม (จังหวัดหนองคาย) , หางหนู (อุบลราชธานี) , เถาหัวกุด , ตัวเจตมูลยาน (จังหวัดสระบุรี) ชื่อสามัญ Heart leaved moonseed ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f. & Thomson ชื่อพ้อง Tinospora tuberculata Miers, Tinospora rumphii Boerl. ตระกูล Menispermaceae บ้านเกิดเมืองนอน บอระเพ็ดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดในป่าดิบแล้งและก็ป่าเบญจพรรณ ในแถบเอเซียอาคเนย์พบได้บ่อยในประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เป็นต้น รวมทั้งบางประเทศในทวีปเอเชียใต้ เช่น ประเทศอินเดีย และศรีลังกา สำหรับในประเทศไทยนั้นบอระเพ็ดนับเป็นพืชที่มีชื่อเสียงอย่างดีเยี่ยมมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เพราะคนประเทศไทยในอดีตสมัยได้นำบอระเพ็ดมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาลักษณะการป่วยต่างๆดังเช่นว่า ใช้ลดไข้ บำรุงร่างกาย บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ฯลฯ กระทั่งขณะนี้ก็ยังนิยมใช้บอระเพ็ดเพื่อคุณประโยชน์ทางยากลุ่มนี้อยู่ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสามารถพบบอระเพ็ดได้ทุกภาคของประเทศรวมทั้งส่วนใหญ่พบในป่าดิบแล้งแล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วไป ลักษณะทั่วไป บอระเพ็ด[/b] จัดเป็น ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ไม่มีขน ยาวถึง 15 เมตร เถากลม ขรุขระไม่เรียบ เป็นปุ่มเปลือกของเถาบางลอกออกได้ เป็นปุ่มกระจัดกระจายทั่วๆไป เมื่อแก่มองเห็นปุ่มปมเหล่านี้หนาแน่น แล้วก็ชัดแจ้งมากมาย เปลือกเถา คล้ายเยื่อกระดาษ มียางขาว ใส เถามีรสขมจัด สีเทาแกมเหลือง มีรากอากาศเหมือนเส้นด้ายยาว กลม ยาว สีน้ำตาลเข้ม ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ มักเป็นรูปหัวใจ รูปไข่กว้าง หรือรูปกลม กว้าง 6-12ซม. ยาว 7-14 ซม. โคนเรียวแหลมยาว ปลายจักเป็นรูปหัวใจลึก หรือตื้น เนื้อคล้ายแผ่นกระดาษบาง มักมีต่อม ใบข้างล่างบางครั้งบางคราวเจอต่อมแบนตามโคนง่ามของเส้นใบ เส้นใบออกมาจากโคนใบรูปฝ่ามือมี 3-5 เส้น และมีเส้นกิ้งก้านใบอีก 1-3 คู่ ก้านใบยาว 5-15 เซนติเมตร บวมพอง และเป็นข้องอ ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งแก่ๆที่ไม่มีใบ มักออกดอกเมื่อใบหลุดหล่นหมด มี 2-3 ช่อ เล็กเรียว ดอกมีขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ดอกเพศผู้และก็เพศเมียแยกกันอยู่ต่างดอก ช่อดอกเพศผู้ ยาว 5-9 ซม. ดอกมี 1-3 ดอก ติดเป็นกระจุก ดอกเพศผู้ มีก้านดอกย่อยเล็กเรียว ยาว 2-4 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน วงนอกมี 3 กลีบ รูปไข่ ดกที่โคน ยาว 1-1.5 มม. วงในมี 3 กลีบ รูปไข่กลับ มีก้านกลม หรือโคนแหลม ยาว 3-4 มม. กลีบดอกไม้มี 3 กลีบ กลีบวงนอกเท่านั้นที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น รูปใบหอกกลับแคบ แบน ไม่มีตุ่ม ยาว 2 มิลลิเมตร ส่วนกลีบวงในลดรูป เกสรเพศผู้มี 6 อัน ยาว 2 มม. ช่อดอกเพศเมีย ยาว 2-6 มิลลิเมตร ดอกส่วนใหญ่เกิดผู้เดียวๆตามง่ามใบ ดอกเพศภรรยา กลีบเลี้ยงและกลีบดอกไม้คล้ายดอกเพศผู้ เกสรเพศผู้เลียนแบบมี 6 อัน เป็นรูปลิ่มแคบ ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศเมียมี 3 อัน ทรงรี ยาว 2 มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นพูสั้นมาก ผลออกเป็นช่อ มีก้านช่อยาว 1.5-2 ซม. มีก้านผลเป็นรูปครึ่งปิรามิด ยาว 2-3 มม. ใต้ลงมาเป็นกลีบเลี้ยงที่ติดแน่น รูปไข่ ยาว 2 มิลลิเมตร โค้งกลับ ผลสด เมื่อสุกมีสีเหลืองหรือสีส้ม ทรงรี ยาว 2 ซม. ฝาผนังผลชั้นในสีขาว ทรงรี กว้าง 7-9 มิลลิเมตร ยาว 11-13 มิลลิเมตร ผิวย่นเล็กน้อย หรือเกือบเรียบ มีสันที่ข้างบนชัด มีช่องเปิดรูปรีเล็กที่ด้านบน ออกดอกสิ้นเดือนม.ค.ถึงเดือนพฤษภาคม ติดผลราวเมษายนถึงพ.ค. การขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์บอระเพ็ดสามารถทำได้ 2 วิธีหมายถึงการเพาะเม็ด และการปักชำกิ่ง การเพาะเม็ดนั้นจะต้องใช้เม็ดจากผลที่สุกจัด ผลมีสีเหลืองเข้ม ยิ่งสำเร็จที่หล่นแล้วยิ่งดี แล้ว นำผลมาตากแดดให้แห้ง นาน 15-20 วัน รวมทั้งเก็บไว้ในร่มก่อนจนกระทั่งต้นหน้าฝนจึงนำออกมาเพาะในถุงเพาะชำหรือใช้หยอดปลูกตามจุดที่ต้องการ การปลูกด้วยเม็ดนี้ จะได้เครือบอระเพ็ดที่ใหญ่ยาวมากกว่าการปักชำ การปักชำเถา เป็นวิธีหนึ่งที่สบายเร็ว ด้วยการตัดเถาบอระเพ็ดที่แก่จัด เถามีอายุตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ตัดเถายาว 20-30 ซม. จากนั้น ค่อยนำลงปักชำในถุงหรือกระถาง วิธีการแบบนี้ จะได้ต้นที่งอกใหม่ข้างใน 15-30 วัน แต่ว่าลำต้นมักมีเครือไม่ยาวเหมือนการเพาะเม็ด แม้กระนั้นไม่ต่างอะไรกันมากเท่าไรนัก ส่วนประกอบทางเคมี
ที่มา : wikipedia ผลดี/สรรพคุณ น้ำสกัดหรือน้ำต้มจากบอระเพ็ดสามารถใช้ฉีดพ่นกำจัด และก็ปกป้องหนอนแมลงศัตรูพืช เช่น หนอนใยผัก และก็เพลี้ยต่างๆได้เป็นอย่างดี ส่วนลำต้น และใบของบอระเพ็ดสามารถใช้ผสมในอาหารสัตว์หรือให้สัตว์กินโดยตรง เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพดี และรักษาโรคในสัตว์ ทั้งวัว ควาย สุกร ไก่ และอื่น ซึ่งราษฎรนิยมให้ไก่ชนกินในระยะก่อนออกชน ยิ่งกว่านั้นลำตัน และใบยังสามารถนำมาบด รวมทั้งใช้พอกศีรษะหรือสระผม สำหรับกำจัดเหาได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของบอระเพ็ดนั้นมีดังนี้ หนังสือเรียนยาไทย ใช้ เถา ซึ่งมีรสขมจัดเย็น แก้ไข้ทุกชนิด แก้พิษไข้ทรพิษ เป็นยาขมเจริญอาหาร ต้มดื่มเพื่อให้เจริญอาหาร ช่วยสำหรับการย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ แก้โรคกระเพาะอาหาร บำรุงร่างกาย แก้สะอึก แก้มาลาเรีย เป็นยาขับเหงื่อ ดับกระหาย แก้ร้อนในดีเยี่ยม แก้อหิวาต์ แก้ท้องเสีย ไข้ป่า ยับยั้งความร้อน ทำให้เนื้อเย็น แก้เลือดทุพพลภาพ ใช้ภายนอกใช้ล้างตา ล้างแผลที่เกิดขึ้นมาจากโรคซิฟิลิส ใบ มีรสขมเมา เป็นยาพอกบาดแผล ทำให้เย็นแล้วก็ทุเลาอาการปวด ดับพิษปวดแสบปวดร้อน พอกฝี แก้ฟกช้ำ แก้คัน แก้รำมะนาด ปวดฟัน ฆ่าแมลงที่น่าฟัง ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง บำรุงน้ำดี ราก มีรสขม เป็นยาช่วยให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ทำลายพิษไข้ รากอากาศ รสขมเย็น แก้ไข้ขึ้นสูงมีอาการคลุ้มคลั่งเพ้อ ดับพิษร้อน ทำลายพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ผล รสขม แก้ไข้ แก้เสลดเป็นพิษ ทุกส่วนของพืช ใช้แก้ไข้ เป็นยาบำรุง โรคดีซ่าน ยาเจริญอาหาร แก้มาลาเรียใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ นอกเหนือจากนี้บอระเพ็ดยังจัดอยู่ใน “พิกัดตรีญาณรส” เป็นการจำกัดจำนวนตัวยาที่ชี้ให้เห็นรสของกิน 3 อย่าง มี ไส้หมาก รากสะเดา เถาบอระเพ็ด มีสรรพคุณ แก้ไข้ ดับพิษร้อน ขับฉี่ ขับเสมหะ บำรุงไฟธาตุ บำรุงกำลัง “พิกัดยาแก้ไข้ 5 จำพวก” คือการจำกัดปริมาณตัวยาแก้ไข้ 5 อย่าง มี รากย่านาง รากคนทา รากชิงชี่ ขี้เหล็กทั้ง 5 แล้วก็เถาบอระเพ็ด คุณประโยชน์แก้ไข้พิษร้อน หนังสือเรียนอายุรเวทของประเทศอินเดีย ใช้ เถา เป็นยาแก้ไข้ เหมือนกันกับชิงช้าชาลี กล่าวไว้ว่า แก้ไข้ดีพอๆกับต้นควินิน แก้ธาตุแตกต่างจากปกติ โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ แก้อาการอักเสบ แก้อาการเกร็ง รูปแบบ/ขนาดการใช้ รักษาลักษณะของการมีไข้ ใช้เถาบอระเพ็ดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป (เถาเพสลาก) โดยประมาณ 1- 1.5 ฟุต (2.5 คืบ) หรือเถา น้ำหนัก 30-40 กรัม โดยตำ เติมน้ำน้อย คั้นเอาน้ำกิน หรือต้มกับน้ำ 3 ส่วน ต้มให้เหลือ 1 ส่วน หรือบดเป็นผง ทำให้เป็นลูกกลอนกินวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร เช้าตรู่ เย็น รักษาอาการไม่อยากกินอาหาร: ใช้เถาที่โตเต็มกำลัง ราวๆ 1- 1.5 ฟุต (2.5 คืบ) น้ำหนัก หรือเถา 30-40 กรัม โดยตำ เพิ่มน้ำเล็กน้อย คั้นเอาน้ำ หรือต้มกับน้ำ 3 ส่วน ต้มให้เหลือ 1 ส่วน หรือบดเป็นผุยผง ทำให้เป็นลูกกลอนรับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร เช้า เย็น ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้บอระเพ็ด / เมล็ดข่อย / หัวแห้วหมู / เมล็ดพริกไทย / เปลือกต้นทิ้งถ่อน / เปลือกต้นตะโกนา ในรูปทรงเท่ากันเอามาบดเป็นผุยผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนเท่าปลายนิ้วก้อย รับประทานก่อนนอนครั้งละ 2-3 เม็ด หรือจะนำเถาบอระเพ็ดมาหั่นตากแห้งแล้วเอามาบดให้เป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนก็ได้ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการใช้เถาสดที่โตเต็มกำลังตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผง เอามาชงน้ำร้อนดื่มทีละ 1 ช้อน ตอนเช้าและก็เย็น แก้โรคกระเพาะของกินด้วยการใช้บอระเพ็ด 5 ส่วน / มะขามแฉะ 7 ส่วน / เกลือ 3 ส่วน / น้ำผึ้งพอควร เอามาคลุกให้เข้ากันแล้วรับประทานก่อนอาหาร 3 เวลา นำทุกส่วนของบอระเพ็ด (เถา,ใบ,ราก) มาบดแล้วใช้ประคบฝี เพื่อลดน้ำหนอง,ลดอาการปวดบวม หรือ แผล(สำหรับห้ามเลือด) การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ลดไข้ มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดไข้ของบอระเพ็ด โดยทดลองกับสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดไข้ด้วยสารต่างๆเช่น การทดสอบกรอกสารสกัดบอระเพ็ดด้วยอัลกอฮอล์แล้วก็น้ำ (1:1) ให้กระต่ายที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดไข้ด้วยยีสต์ พบว่าสารสกัดไม่มีฤทธิ์ลดไข้ บุญเทียม และแผนก ได้ทดลองให้สารสกัดบอระเพ็ดด้วยน้ำกับหนูเพศผู้ที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดไข้ด้วยวัคซีนไทฟอยด์ในขนาด 100 มก./กก. โดยการผสมกับน้ำ พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ รวมทั้งต่อมาได้ทำการทดลองโดยให้สารสกัดบอระเพ็ดกับกระต่ายแล้วก็หนูขาวเพศผู้ที่เหนี่ยวนำให้กำเนิดไข้ด้วย LPS (Lipopolysaccharide) ในขนาด 200 มิลลิกรัม/กก. และก็ 600 มก./กก. เป็นลำดับ พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ลดไข้ได้เหมือนกัน จากการเรียนรู้เชื่อว่ากลไกในการยับยั้งการเกิดไข้ของสารสกัดบอระเพ็ดน่าจะมีสาเหตุมาจากการไปยั้งการสร้าง interleukin-1 หรือ prostaglandins (PGs) ซึ่งกลไกนี้เป็นกลไกที่อยู่ในระบบ CNS ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้พบว่าส่วนสกัดด้วยบิวทานอลมีฤทธิ์ลดไข้ ไม่มีการทดสอบแยกสารออกฤทธิ์ลดไข้จากบอระเพ็ด แต่มีรายงานฤทธิ์ลดไข้ของสารที่พบในบอระเพ็ดคือ berberine เมื่อป้อนให้หนูในขนาด 10 มิลลิกรัม/กก. แล้วก็ b-sitosterol ซึ่งออกฤทธิ์ในขนาด 160 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ฤทธิ์ต้านการอักเสบ มีผู้ทำการศึกษาฤทธิ์ลดการอักเสบของชาชงบอระเพ็ดโดยการกรอกให้แกะเพศผู้ (ตอน) ในขนาด 8 มิลลิลิตร/ตัว พบว่าชาชงบอระเพ็ดมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบเสมอกันกับแอสไพริน 30 มก./น้ำหนักตัว 200 กรัม Higashino และก็ภาควิชา ได้เล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของสารสกัดเถาบอระเพ็ดด้วยเมทานอล (50%) กับหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบที่อุ้งเท้าด้วย carrageenin โดยให้รับประทานสารสกัดในขนาด 10 มก./กก. พบว่าสารสกัดมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ โดยส่วนสกัดด้วยบิวทานอลออกฤทธิ์เจริญที่สุด ไม่ว่าจะให้โดยการกิน ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าท้อง แล้วก็พบว่าส่วนสกัดในขนาด 3 มก./กิโลกรัม เมื่อให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังมีฤทธิ์เสมอกันกับ sulpyrine 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และก็ diphenhydramine 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A การเรียนฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของสาร borapetosides A สารสำคัญที่เจอในต้นบอระเพ็ด โดยการฉีด borapetosides A ให้แก่หนูเม้าส์ที่เป็นโรคเบาหวาน จำพวกที่ 1 และก็ประเภทที่ 2 และหนูเม้าส์ปกติ วันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 7 วัน พบว่า borapetosides A จะช่วยเพิ่มระดับของไกลวัวเจน รวมทั้งลดน้ำตาลในเลือดได้ทั้งยังหนูธรรมดา แล้วก็หนูที่เป็นเบาหวาน โดยฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของ borapetosides A เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มจำนวนอินซูลินในหนูปกติและหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลินในหนูที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าสาร borapetosides A กระตุ้นการสังเคราะห์ไกลวัวเจนในเซลล์เนื้อกล้าม รวมถึงลดการแสดงออกของโปรตีน phosphoenolpyruvate carboxylase ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นเบาหวานได้ การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าสาร borapetosides A จากต้นบอระเพ็ดสามารถออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้จำพวกที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวโยงกับอินซูลิน โดยผ่านกลไกกระตุ้นการใช้กลูโคสของกล้าม ลดการสั่งสมน้ำตาลในเซลล์ รวมทั้งกระตุ้นการผลิตอินซูลิน การทดลองในสัตว์ทดสอบพบว่าบอระเพ็ดมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ ส่วนการเรียนรู้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยให้ทานบอระเพ็ด วันละ 250 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 2 เดือน พบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลได้ แม้กระนั้นระหว่างทำการทดสอบคนเจ็บหลายรายมีอาการตับอักเสบ รวมทั้งพบว่าการใช้บอระเพ็ดในขนาดสูงและก็ติดต่อกันนานจะเป็นพิษต่อตับและก็ไต มีรายงานการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่าเมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพแข็งแรง 12 ราย กินบอระเพ็ดขนาด 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 8 สัปดาห์ พบว่าแนวโน้มทำให้ระดับเอนไซม์ในตับมากขึ้น มีความหมายว่ามีแนวโน้มจะก่อให้เกิดพิษต่อตับ การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบพิษทันควันของสารสกัดเถาด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) แล้วก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูถีบจักร ขนาด 4 ก./กก. เทียบเท่าผงยาแห้ง 28.95 กรัม/กก. ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการพิษ การศึกษาเล่าเรียนพิษเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอทานอล ให้หนูขาวพันธุ์วิสตาร์ทั้ง 2 เพศ ในขนาด 0.02, 0.16 และก็ 1.28 กรัม/กิโลกรัม/วัน หรือเสมอกันผงแห้ง 0.145, 1.16 แล้วก็ 9.26 ก./กิโลกรัม เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าหนูขาวทั้งคู่เพศที่ได้รับสารสกัดในขนาด 1.28 ก./กก. มีผลทำให้น้ำหนักหนูต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุมแล้วก็เกิดอาการไม่ดีเหมือนปกติของการทำงานของตับรวมทั้งไตได้ มีแพทย์ผู้ทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับฤทธิ์ลดโรคเบาหวานของบอระเพ็ด พบว่าคนเจ็บมีลักษณะตับอักเสบหลายราย ข้อแนะนำ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง
Tags : บอระเพ็ด
|