หัวข้อ: มะกรูดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์เป็นอย่างมาก เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ มิถุนายน 05, 2018, 09:33:16 am มะกรูด
ชื่อสมุนไพร มะกรูด ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน มะขูด , มะขุน (ภาคเหนือ) , ส้มมั่วผี , ส้มกรูด (ภาคใต้) , โกร้ยเชีด (เขมร) , มะขู (แม่ฮ่องสอน) ชื่อสามัญ Kaffir lime , Mauritius papeda , Leech lime ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. สกุล RUTACEAE บ้านเกิดเมืองนอน เป็นพืชตระกูลส้ม และมะนาว เป็นพืชประจำถิ่นในเขตร้อนชื้นแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย เมียนมาร์ ลาว เขมร ฯลฯ ซึ่งถูกจัดเป็นไม้ผล สำหรับมะกรูดในประเทศไทยนั้น ชาวไทยอาจรู้จักดีกันอย่างดีเยี่ยม เพราะเหตุว่าเป็นสมุนไพรคู่ครัวไทยมาอย่างช้านาน เนื่องจากว่านิยมใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องแกงที่จำเป็นอย่างจำเป็นมากเลย (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเรามักจะนิยมใช้ใบมะกรูดรวมทั้งผิวมะกรูดมาเป็นส่วนประกอบของพริกแกง) นอกจากนี้มะกรูดก็ยังมีคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความงามและก็ในด้านของยาสมุนไพร ทั้งยังนับได้ว่าเป็นพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูกไว้บริเวณบ้านอีกด้วย เนื่องจากมั่นใจว่าจะมีผลให้ผู้อยู่อาศัยสุขสบาย โดยมักจะปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ลักษณะทั่วไป มะกรูด เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อไม้เป็นเนื้อแข็ง เปลือกเรียบมีสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นแตกกิ่งก้านหลายชิ้นตั้งแต่ระดับล่างของลำต้นทำให้มีลักษณะเป็นพุ่ม ตามลำต้น รวมทั้งกิ่งมีหนามแหลมยาว ใบมะกรูด เป็นใบประกอบ ออกเป็นใบโดดเดี่ยว มีก้านใบแผ่ออกเป็นครีบเหมือนแผ่นใบ ใบมีลักษณะครึ้ม เรียบ มีผิวมัน สีเขียว และเขียวเข้มตามอายุของใบ ใบมีคอดกิ่วที่กลางใบทำให้ใบแบ่งได้เป็น 2 ตอน หรือ เหมือนใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกว้างราวๆ 2.5-5 ซม. ยาวโดยประมาณ 5-12 เซนติเมตร ใบมีกลิ่นหอมสดชื่นมากมายเพราะเหตุว่ามีต่อมน้ำมันอยู่ ดอกมะกรูดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกรอบๆส่วนยอดหรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีดอกราว 1-5 ดอก หลีบดอกมีสีขาวครีม 5 กลีบ มีขนปกคลุม ข้างในดอกมีเกสรมีสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมหวนน้อย และเมื่อแก่จะหล่นง่าย ผลมะกรูดหรือลูกมะกรูด มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ผลคล้ายผลส้มซ่า ผลมีขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาวนิดหน่อย ลักษณะของผลมีรูปร่างนานับประการสุดแท้แต่ประเภท เปลือกผลค่อนข้างดก ผิวเปลือกมีสีเขียวเข้ม ผิวตะปุ่มตะป่ำเป็นคลื่นหรือเป็นปุ่มนูน ข้างในเปลือกมีต่อมน้ำมันหอมระเหยเป็นจำนวนมาก มีจุกที่หัว และก็ด้านหลังของผล เมื่อสุก ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ภายในผลประกอบด้วยเนื้อฉ่ำน้ำ มีเม็ดแทรกรอบๆกึ่งกลางผล 5-10 เมล็ด เนื้อผลมีรสเปรี้ยวคละเคล้าขมบางส่วน การขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์มะกรูดสามารถทำได้ด้วยหลายแนวทาง ดังเช่นว่า การทำหมันกิ่ง การทาบกิ่ง การต่อว่าดตา การต่อยอด แล้วก็การเพาะเม็ด แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยม ดังเช่นว่า การตอนกิ่ง การต่อยอด แล้วก็การเพาะด้วยเม็ด เมื่อได้ต้นกล้าที่จะนำไปปลูกแล้ว ลำดับต่อไป ให้ขุดหลุม ให้ขนาดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก โดยประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงดำออก น้ำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ ปกคลุมฟาง รวมทั้งทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด โดยปกตินิยมนำมาปลูกมะกรูดระยะชิด คือ 2×2 เมตร 1 ไร่จะได้มะกรูด 400 ต้น แม้ปลูกระยะ 1.5 x 1.5 เมตร 1 ไร่จะได้ 1067 ต้น สำหรับการปลูกระยะใกล้นี้จะเป็นการปลูกมะกรูดเพื่อจัดจำหน่ายใบ เนื่องมาจากมีการตัดใบทุกๆ3 – 4 เดือน พุ่มไม้มะกรูดก็จะไม่ชิดกันมากมาย ถ้าเกิดอยากปลูกเพื่อจัดจำหน่ายเป็นลูกมะกรูด ผู้ปลูกบางทีอาจปลูกระยะห่าง 4 x 4 เมตร 1 ไร่จะได้ 200 ต้น หรือ 5 x 5 เมตร 1 ไร่จะได้ 65 ต้น ฯลฯ สำหรับมะกรูดปลูกก้าวหน้าในดินทุกประเภทและระยะปลูกมะกรูดนั้น ปลูกได้หลายระยะขึ้นกับจุดหมายและก็พื้นที่ของผู้ปลูกดังที่กล่าวมาแล้ว องค์ประกอบทางเคมี นํ้ามันหอมระเหยมะกรูดประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆเป็น สารในกรุ๊ปเทอร์พีน ( terpenes) และก็สารที่ไม่ใช่กลุ่มเทอร์พีน ( non-terpene) หรือ oxygenated compounds เช่น ในผิวมะกรูดมีน้ำมันระเหยง่ายปริมาณร้อยละ 4 มีองค์ประกอบหลักเป็น “เบตาไพนีน” (beta-pinene) โดยประมาณจำนวนร้อยละ 30 , “ลิโมนีน” (limonene) โดยประมาณร้อยละ 29 , beta-phellandrene, citronellal นอกจากนี้ยังเจอ linalool, borneol, camphor, sabinene, germacrene D, aviprin ที่มา : Wikipedia สารกรุ๊ปคูมาริน ได้แก่ umbelliferone, bergamottin, oxypeucedanin, psoralen, N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) น้ำจากผลพบกรด citric ส่วนในใบมะกรูดเมื่อกลั่นด้วยละอองน้ำ จะได้น้ำมันระเหยง่ายราวร้อยละ 0.08 มีองค์ประกอบหลักเป็น “แอล-สิโตรเนลลาล”(l-citronellal) ราวจำนวนร้อยละ 65, citronellol, citronellol acetate นอกเหนือจากนั้นยังพบ sabinene, alpha-pinene, beta-pinene, alpha –phellandrene, limonene, terpinene, cymene, linalool รวมทั้งสารอื่นที่เจอเช่น indole alkaloids, rutin, hesperidin, diosmin, alpha-tocopherol ส่วนค่าทางโภชนาการของมะกรูดนั้นสามารถแยกได้ดังต่อไปนี้ ค่าทางโภชนาการของใบมะกรูด (100 กรัม)
คุณค่าทางโภชนาการของผิวลูกมะกรูด (100 กรัม)
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของน้ำมะกรูด (100 กรัม)
ใบมะกรูดและน้ำมะกรูดสามารถใช้กำจัดกลิ่นคาวในของกินและก็ใช้เพื่อการประกอบอาหารรวมทั้งแต่งกลิ่นคาวหวานของของกิน อย่างเช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ ห่อหมก ฯลฯ มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องแต่งหน้าบางประเภท ดังเช่น สบู่ ยาสระผมมะกรูดหรือยาสระผมมะกรูด ผลิตภัณฑ์คุ้มครองยุงแล้วก็แมลง เป็นต้น ส่วนสรรพคุณทางยาของมะกรูดนั้นมีดังนี้ หนังสือเรียนยาไทย: ใบมะกรูด มีรสปร่า หอม แก้ไอ แก้อ้วกเป็นเลือด แก้ช้ำใน กัดเสมหะในคอ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้เมนส์เสียฟอกโลหิตรอบเดือน ขับเมนส์ ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด ผิว มีรสปร่าหอม ร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้แน่น ขับรอบเดือน ขับผายลม เป็นยาบำรุงหัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขับระดู ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด ลักปิดลักเปิด น้ำมันจากผิวช่วยปกป้องรังแค และทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม ผล รสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดูเสีย ฟอกโลหิตเมนส์ ขับระดู ขับลมในลำไส้ ถอนพิษผิดสำแดง ผล ปิ้งไฟให้สุก ผ่าครึ่งลูก เอาเช็ดขัดสระผม ทำให้ผมดกดำเป็นเงาสวย นิ่มสลวย แก้คัน แก้รังแค แก้ชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดหมอตามบ้านนอกใช้ผลเอาไส้ออก ใส่มหาหิงคุ์แทน สุมไฟให้เกรียม บดกวาดปากลิ้นทารก ขับขี้เทา ขับลม แก้เจ็บท้องในเด็ก หรือใช้ผลสดเอามาผิงไฟให้ไหม้เกรียม แล้วละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่ ยาพื้นบ้านบางถิ่นใช้น้ำมันมะกรูดดองยาที่เรียกว่า “ยาดองเปรี้ยวเค็ม” ที่ใช้กินเป็นยาฟอกเลือดในสตรี น้ำผลมะกรูด มีรสเปรี้ยว แก้เสมหะในคอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกเลือดประจำเดือน ขับลมในไส้ แล้วก็ใช้ถนอมยาไม่ให้บูดเน่า แก้อาการท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร ใช้สระผมกันรังแค เนื้อของผล แก้ปวดหัว แบบเรียนยาไทย: ผิวมะกรูดจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มจังหวัดตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวส้มโอมือ และผิวมะกรูด มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบ แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม ในแบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์: ระบุตำรับ “น้ำมันมหาจักร” ตระเตรียมได้ง่าย ใช้เครื่องยาน้อยสิ่ง หาซื้อได้ง่าย ในตำรับให้ใช้น้ำมันงา 1 ทะนาน (ขนาดทะนาน 600) มะกรูดสด 30 ลูก ปอกเอาแต่ผิว จัดเตรียมโดยการเอาน้ำมันงาตั้งไฟให้ร้อน เอาผิวมะกรูดใส่ลง ทอดจนเหลืองเกรียมดีแล้วให้ยกน้ำมันลง กรองเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาเครื่องยาอีก 7 สิ่ง บดให้เป็นผุยผงละเอียด ใส่ลงในน้ำมันที่ได้ เครื่องยาที่ใช้มี เทียนทั้งยัง 5 (เทียนตาตั๊กแตน เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนแดง แล้วก็เทียนดำ) หนักสิ่งละ 2 สลึง ดีปลีหนัก 1 บาท และก็การบูรหนัก 2 บาท คุณประโยชน์ ใช้ยอนหู แก้ลม แก้ริดสีดวง แก้ยุ่ยคันก็ได้ ทาแก้เมื่อยขบ และใส่รอยแผล ที่มีอาการปวด ที่เกิดขึ้นจากเศษไม้ จากหนาม จากหอกกระบี่ ระวังอย่าให้แผลถูกน้ำ จะไม่เป็นหนอง นอกนั้นบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะกรูด ในยารักษาอาการของโรคในระบบต่างๆของร่างกาย ดังเช่นว่า ตำรับ”ยาหอมเทวดาจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง ตำรับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ ใช้ในสตรีที่รอบเดือนมาไม่บ่อยนัก หรือมาน้อชูว่าปกติ และก็ขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอด แบบ/ขนาดการใช้ ใช้ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้เสลด ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ1 ช้อนแกง เพิ่มเติมการบูร หรือพิมเสน 1 จับมือ ชงด้วยน้ำเดือดแช่ทิ้งเอาไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1-2 ครั้ง ถ้าเกิดยังไม่ดีขึ้นกว่าเดิมกินต่อเนื่องกัน 2-3 วัน ใช้สระผม ให้ดกดำ เงางาม รักษาชันนะตุ ให้ผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดมาสระซ้ำโดยยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรดจะก่อให้ผมสะอาด แล้วล้างเอาสมุนไพรออกให้หมด หรือใช้ผลเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อย ในจำนวนเท่ากัน นำมาบดเป็นผุยผง เอามาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ด้านแล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งราว 1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยฟอกเลือดได้อย่างดีเยี่ยม การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ สาร coumarins 2 ประเภทที่ได้จากผลมะกรูด เป็นต้นว่า bergamottin รวมทั้ง N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) ในหลอดทดลอง ซึ่งเป็นสารที่นำไปสู่การอักเสบ ซึ่งหลั่งจาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย lipopolysaccharide (LPS) แล้วก็ interferon-g (IFN- g) โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 14.0 µM แล้วก็ 7.9 µM ตามลำดับ สารคูมาริน 3 จำพวก เช่น bergamottin, oxypeucedanin แล้วก็ psoralen สามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ เมื่อทดลองในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ของหนู ที่ถูกกระตุ้นด้วยลิโปพอลิแซ็กคาร์ไรด์ (LPS) รวมทั้งอินเตอร์เฟอรอน (interferon) ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันตับ ศึกษาฤทธิ์ปกป้องตับของใบมะกรูดในหนูขาว โดยให้สารสกัด 80% เมทานอล จากใบมะกรูด ขนาด 200 mg/kg เป็นเวลา 7 วัน ก่อนให้ยา paracetamol ขนาด 2 g/kg เป็นเวลา 5 วัน เพื่อทำให้เกิดพิษต่อตับ ซึ่งยา paracetamol จะทำการกระตุ้นให้ตับของหนูกำเนิดพิษในวันที่ 5 ใช้สาร Silymarin ขนาด 100 mg/kg เป็นสารมาตรฐาน ในวันที่ 7 จะมีการตรวจประเมินลักษณะการทำงานของตับ ดังเช่น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ (ALT, AST, ALP), total bilirubin, total protein,blood serums และก็ hepatic antioxidants (SOD, CAT, GSH and GPx) จากการทดลองพบว่าสารสกัดใบมะกรูดจะช่วยฟื้นฟูตับ โดยการทำให้ระดับเอนไซม์ตับ และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระของตับกลับมาอยู่ในระดับปกติได้อย่งมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ซึ่งการศึกษาชิ้นนี้สรุปได้ว่าสารสกัดใบมะกรูดมีฤทธิ์คุ้มครองตับไม่ให้กำเนิดพิษจากยา paracetamol ได้ การทดลองพิษกระทันหันของสารสกัดใบด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล (คิดเป็น 357 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตรวจไม่เจออาการเป็นพิษ มีการทดสอบความเป็นพิษอีกฉบับหนึ่งระบุว่า สารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) เมื่อป้อนให้หนูรับประทานเพื่อเรียนความเป็นพิษทันควัน พบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายเป็นปริมาณกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 100 กรัม/กก. ฤทธิ์เสริมการเกิดมะเร็งตับ จากการทบทวนงานค้นคว้าวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์ต้านทานฤทธิ์ของสารเสริมการเกิดมะเร็ง (tumor promoter) สำหรับในการทดสอบแบบ tumor promoter-induced Epstein-Barr virus activation ได้ งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยนี้มีเป้าหมายที่จะเรียนฤทธิ์ของมะกรูดต่อการเกิดโรคมะเร็งตับของหนูขาว สายพันธุ์ F344 ที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo 4,5-ƒ quinoxaline (MeIQx) สำหรับการทดลองแบบ medium-term bioassay ผลการวิเคาะห์พบว่ามะกรูดมีฤทธิ์เสริมฤทธิ์ของ MelQx สำหรับในการทําให้เกิดมะเร็งตับ (preneoplastic liver foci) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ พิษต่อระบบสืบพันธุ์ เมื่อป้อนสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) ให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 1 และก็ 2.5 กรัม/กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 42.5 ±14.8 และ 86.1±8.1% เป็นลำดับ แล้วก็ส่งผลทำให้แท้งได้ 86.3±9.6 และ 96.9±3.1% ตามลำดับ และสารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเมื่อป้อนให้กับหนูที่ตั้งครรภ์ในขนาด 0.5 รวมทั้ง 1.0 ก./กิโลกรัม ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช่นเดียวกัน พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 34.4±14.3 และ 62.2±14.5% เป็นลำดับ รวมทั้งส่งผลทำให้แท้งได้ 62.2±14.5 รวมทั้ง 91.9± 5.5% พิษต่อเซลล์สารสกัดใบด้วยเมทานอล กระทำทดลองกับเซลล์ ด้วยความเข้มข้น 20 มคก./มิลลิลิตร พบว่ามีพิษต่อ Cells-Raji (9) น้ำมันหอมระเหย (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้และขนาด) เป็นพิษต่อเซลล์ CEM-SS ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบด้วยน้ำ รวมทั้งน้ำร้อน กระทำทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ ด้วยความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/จาน พบว่าไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Bacillus subtilis H-17 (Rec+) รวมทั้ง B. subtilis M-45 (Rec-) คำแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม การใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังในจำนวนที่มาก จะต้องหลบหลีกการสัมผัสแสงเพราะน้ำมันที่ได้จากการบีบผิวผล อาจส่งผลให้กำเนิดพิษเมื่อสัมผัสกับแสงได้ และก็เกิดมีสารสีเกินที่ผิวหนัง บริเวณใบหน้า และคอ เนื่องจากมีสารกรุ๊ปคูมาริน แม้กระนั้นน้ำมันจากผิวผลที่ได้จากผู้กระทำลั่นจะไม่มีสารนี้ น้ำมะกรูดมีความเป็นกรดสูง จะต้องระแวดระวังการกินขณะท้องว่าง เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้มีการระคายต่อระบบทางเดินอาหารได้ เอกสารอ้างอิง
|