หัวข้อ: เบอร์เบินกับเทนเนสซีต่างกันยังไง เริ่มหัวข้อโดย: damonshoppu ที่ มิถุนายน 06, 2018, 01:00:45 am (https://i.imgur.com/fEytKlW.jpg)
ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของอเมริกันวิสกี้ ว่ากันว่าศาสตร์ของการกลั่นนั้นมีต้นกำเนิดมาไม่น้อยกว่าเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ในอารยธรรมเมโสโปเตเมียโบราณ กระทั่งเมื่อช่วงโดยประมาณ คริสต์ศักราช 1,000-1,200 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกลั่นก็เดินทางผ่านจากแผ่นดินหลักของยุโรปไปยังสกอตแลนด์และไอร์แลนด์ เมื่อความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการกลั่นเดินทางไปถึงแถบตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาพร้อมๆ กับผู้ตั้งรกรากผู้ดีอังกฤษ ไรย์ คือเมล็ดพืชที่พวกเขาใช้สำหรับการผลิตวิสกี้ และ ถัดมาก็ได้มีการหันมาใช้เมล็ดข้าวโพด เพราะเป็นพืชที่เหมาะสมกับภูมิอากาศมากกว่า การผลิตวิสกี้ที่ทำมาจากข้าวโพดนั้นมีฐานอยู่ที่มลรัฐเคนทักกี ซึ่งนับว่าเป็นบ้านของเบอร์เบินวิสกี้ (Bourbon Whisky) มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1700s ทำไมจะต้องเคนทักกี ? ผู้ผลิตวิสกี้ทุกคนต่างเข้าใจกันดีว่าคุณภาพของน้ำนั้นมีส่วนสำคัญสำหรับการกำหนดรสของวิสกี้ ยกตัวอย่างน้ำในบางพื้นที่ของสกอตแลนด์ก็จะมีรสชาติที่ไม่เหมือนกันออกไป ซึ่งส่งผลกับบุคลิกของวิสกี้ ยกตัวอย่างเช่น ในบางพื้นที่ที่ไหลผ่านการเผาหน้าดินก็มักจะมีกลิ่นพีท และก็บางพื้นที่อยู่ใกล้กับทะเลก็จะมีผลให้น้ำที่เอามาผลิตมีรสเค็ม และก็มีผลกับวิสกี้ด้วย ไม่เว้นแม้กระทั้งเบอร์เบิน ซึ่งน้ำจากแม่น้ำเคนทักกีที่ไหลผ่านหินแร่ไลม์สโตนที่อุดมอยู่ในมลรัฐดังที่กล่าวถึงแล้ว มีส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำจากที่นี่ส่งผลต่อรสชาติหวานนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของเบอร์เบิน รวมถึงพื้นที่ตั้งแต่ชายแดนของแคนาดา อยู่ตลอดไปจนกระทั่งมลรัฐอลาบามาด้วย ที่นับว่าเป็น Bourbon Zone ความหมาย ตามกฎหมายของเบอร์เบินวิสกี้
ครอบครัวที่กลั่นเบอร์เบินมานานกว่า 90 ปี เอ็ดดี้ รัสเซลล์ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกลั่นของ Wild Turkey เมื่อไม่นานมานี้ เอ็ดดี้ รัสเซลล์ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกลั่น (Master Distiller) ของ Wild Turkey เบอร์เบินมีชื่อเสียงจากเมืองเคนทักกีได้เดินทางมาเปิดมาสเตอร์คลาสในเมืองไทย นอกจากให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอเมริกันวิสกี้ให้พวกเราฟังแล้ว ยังเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบอร์เบินถึง 2 ชั่วอายุคน คือตัวเขากับคุณพ่อ ซึ่งรวมแล้วครอบครัวนี้มีประสบการณ์ในการกลั่นเบอร์เบินนานถึงกว่า 90 ปี เลยทีเดียว ถังไม้โอ๊กสำหรับบ่มควรจะเป็นถังโอ๊กใหม่เพียงแค่นั้น รวมทั้งของ Wild Turkey ต้องเป็น American White Oak เขาได้เล่าถึงความเด่นของวิสกี้แบรนด์ไก่งวงเถื่อนนี้ให้ฟังว่า โรงกลั่นของ Wild Turkey ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเคนทักกี ซึ่งมีชั้นหินปูนใต้น้ำ ที่เปรียบดังตัวกรองน้ำจากธรรมชาติ ทำให้โรงกลั่นได้น้ำที่ใสบริสุทธิ์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตวิสกี้คุณภาพสูง และ โดยปกติเมื่อนำไปใส่ถังไม้โอ๊กในวิธีการบ่ม ก็จะใช้เฉพาะถังไม้โอ๊กที่ดีที่สุดที่เป็นอเมริกัน ไวต์ โอ๊ก ซึ่งจะถูกนำไปเผาที่เบอร์ 4 หรือที่เรียกว่า "The Number 4 Alligator Char" ซึ่งเป็นการเผาเบอร์สูงที่สุดจนกระทั่งมีลวดลายเหมือนหนังจระเข้ (โดยทั่วไปเบอร์เบินวิสกี้ยี่ห้ออื่นมักใช้กันที่เบอร์ 2-3) ซึ่งเขาพูดว่าด้วยการที่ไม่มีการแต่งสีและก็กลิ่นของวิสกี้ การเผาถังไม้เบอร์รีจะช่วยให้วิสกี้มีสีและรสเยอะขึ้น อันเป็นกรรมวิธีเฉพาะของ Wild Turkey รวมถึงช่วงเวลาสำหรับเพื่อการบ่ม ซึ่งโดยธรรมดามักจะบ่มกันประมาณ 4 - 6 ปี แม้กระนั้นที่โรงกลั่นวิสกี้ไก่งวงเถื่อนเขาบ่มนานถึง 6, 8, 10, 12 ปี ตามลำดับ ที่สำคัญอีกข้อคือวัตถุดิบที่ใช้ควรจะเป็นเมล็ดข้าวโพดรวมทั้งเมล็ดพืช Non-GMO ที่มา - เหล้านอกราคาถูก
|