หัวข้อ: รีวิวสายสัญญาณเสียง 6 วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพสาย audio cable คลิกเลย เริ่มหัวข้อโดย: SEO.No1 ที่ มิถุนายน 20, 2018, 09:31:13 pm 6 แนวทางตรวจตราคุณภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง คืออุปกรณ์สำหรับใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องเสียงเข้ากับเครื่องใช้ไม้สอยอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้ ปัจจุบันนี้ พวกเราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วๆไปตามร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีสินค้าหลายรุ่น หลายแบรนด์ให้พวกเราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่ๆว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันด้วย ถ้าหากพวกเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ก็ดีไป แต่ว่าถ้าเกิดเราเผลอไปซื้อสายสัญญาณเสียง ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพมาใช้งานเข้า ก็ต้องเผชิญกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ อีกทั้งเสียงไม่ออก ประสิทธิภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้แรงงานสั้น ใช้ไปได้เล็กน้อยก็เสียแล้ว ทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจประเมินคุณภาพด้วยราคาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ราคาไม่แพงหรือผลิตภัณฑ์ราคาสูง ต่างก็มีอีกทั้งคุณภาพดี คุณภาพต่ำ และก็ปัญหาในตนเองผสมปนเปกันไป ด้วยเหตุดังกล่าว พวกเราจึงจำต้องมีวิธีการเบื้องต้นสำหรับพิจารณาคุณภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ต่อไป . (https://static.mustlovemac.store/catalog/product/cache/image/700x560/e9c3970ab036de70892d86c6d221abfe/b/e/belkin_rca_studio_audio_cable.jpg) . การสำรวจคุณภาพ สายสัญญาณเสียง พวกเราสามารถทำเป็น 6 วิธีดังต่อไปนี้ 1. วิเคราะห์ความแข็งแรง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นอย่างแรกที่พวกเราสามารถสำรวจด้วยตัวเองได้ รวมทั้งควรเช็คเป็นสิ่งแรก เนื่องจากสายสัญญาณเสียงในขณะนี้มีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งแรงและก็ความอ่อนไม่เท่ากัน โดยทั่วไป สายสัญญาณเสียงที่แพงถูกชอบมีสายค่อนข้างจะแข็ง ในเวลาที่สายสัญญาณเสียงราคาสูงๆมักจะมีสายอ่อน ข้อเสนอคือ ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเกินไป เนื่องจากว่าจะไม่สามารถที่จะพับสายได้ ถ้าพับ ม้วนเก็บสายย่อมก่อปัญหา ในขณะเดียวกันก็ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเกินไป เพราะยิ่งอ่อนนิ่มมากมาย สายก็จะยิ่งบอบบาง เมื่อใช้ประโยชน์งานเสมอๆย่อมมีการเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้อย่างง่ายดายสายสัญญาณเสียงที่เยี่ยมที่สุด ควรจะเป็นสายที่อ่อนพอเพียงจะสามารถพับได้อย่างไม่เกิดการเสียหาย แต่ว่าในขณะเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่เกิดการฉีกจนขาด แม้เราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะแบบนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย 2. วิเคราะห์อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการทำหัวสายว่าคืออะไร สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาจำหน่ายในขณะนี้นั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 จำพวกใหญ่ๆสำหรับเพื่อการทำหัวสาย ดังเช่น ทองสัมฤทธิ์ และก็อลูมินัม ขอเสนอแนะว่าควรที่จะทำการเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองสัมฤทธิ์จะดีมากยิ่งกว่า เนื่องมาจากเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดีมากว่าอลูมิเนียม ไม่ค่อยเจอปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้ว่าจะแทงสายไม่แน่นก็ตาม ในเวลาที่อลูมินัม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก ถ้าเสียบไม่แน่นจะไม่สามารถที่จะนำสัญญาณเสียงได้ นอกจากนี้ ทองบรอนซ์ยังเป็นโลหะที่มีความคงทนถาวรสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ค่อยมีปัญหาประเด็นการหัก หรือการโค้งงอผิดรูปผิดร่าง ขณะที่สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมิเนียมนั้นจำเป็นต้องใช้งานอย่างระแวดระวัง แม้ไม่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันเร็ว 3. ตรวจตราการยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าคืออะไร มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีหรือเปล่า โดยธรรมดาสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับหงุดหงิดบได้อย่างสนิท ขณะที่สายสัญญาณเสียงคุณภาพไม่ดีมักยึดส่วนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำแค่เอาสายสอดเข้าไปในหัวแบบไม่ได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากอารมณ์เสียบ แล้วก็ถ้าหากสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่อาจจะซ่อมได้ จำเป็นต้องทิ้งสิ่งเดียว โดยเหตุนี้สำหรับการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง เราก็เลยจะต้องตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย 4. ตรวจตราความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวเพียงใด โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี ควรมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 เซนติเมตร ด้วยเหตุว่าเป็นความยาวที่เหมาะสมในการทิ่มกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆได้โดยไม่เกิดการโยกหรือหละหลวม ทั้งยังยังแทงได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา ถ้าหากเป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะหงุดหงิดบสั้นเกินไป จะไม่สามารถเสียบกับวัสดุอุปกรณ์ได้ เกิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นพักๆต้องคอยประคองไว้ ส่วนถ้าโลหะที่หัวเสียบมีความยาวมากจนเกินไป เมื่อแทงกับอุปกรณ์จะมีผลให้มีโลหะบางส่วนโผล่ขึ้นมา ถ้าเผลอไปชนเข้าอาจจะก่อให้สายเกิดการหักได้ 5. สำรวจความยาวของสายไฟว่ามีมากมายน้อยเท่าใด ข้อนี้ถึงแม้ว่าจะมิได้มีผลต่อคุณภาพการใช้งานโดยตรง แม้กระนั้นก็สำคัญ เนื่องจากการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวเพียงพอต่อการใช้แรงงาน จะช่วยทำให้สามารถต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเกินความจำเป็นจนถึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนเกินไปกระทั่งเกิดความรู้สึกขวาง ซึ่งความยาวที่สมควรของสายไฟขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราว่าเป็นยังไง ถ้าเกิดเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับเสียบอุปกรณ์เครื่องเสียงในรถ หรือลำโพงทั่วๆไป จะต้องมีความยาวอยู่ที่ 30-60 เซนติเมตร ส่วนถ้าเกิดเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ จะต้องลากสายยาวๆก็ควรจะมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป 6. ตรวจสอบยี่ห้อของสาย ส่วนยี่ห้อนี้ก็นับว่ามีความจำเป็นไม่แพ้กันสำหรับการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรที่จะเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่ทำขึ้นโดยยี่ห้ออันเป็นที่รู้จัก เลี่ยงผลิตภัณฑ์จากยี่ห้อแปลกๆหรือสินค้าโนเนม เนื่องจากว่ามักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มิได้ประสิทธิภาพ มีโอกาสพังเสียหายได้ง่าย การเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้คุณภาพนับว่าเป็นเรื่องที่พวกเราต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้การเชื่อมต่อเครื่องใช้ไม้สอยอิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้การเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ขอบคุณสำหรับ บทความสาย audio cable : https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html, dotlife รีวิวสายสัญญาณเสียง[/b]จาก Pantip: www.pantip.com Tags : สายสัญญาณเสียง,สายสัญญาณเสียง ราคา,สาย audio cable
|