หัวข้อ: Fujifilm บริษัทใหญ่ที่ไม่มีวันล้ม เริ่มหัวข้อโดย: uchaiyawat ที่ มิถุนายน 26, 2018, 05:50:16 pm ในบรรดากล้องถ่ายภาพดิจิตอลและกล้องมิลเลอร์เลสที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบในบ้านเราและกระแสในทั่วโลกนั้น หากไม่กล่าวถึงยี่ห้อ ฟูจิ ก็คงคล้ายพร่องอะไรไปบางอย่าง ในยุคปัจจุบันกล้องฟูจิ ราคามากมายที่มีให้เลือกซื้อหานั้น ได้เข้านั่งอยู่ในใจของผู้ที่ชอบพอการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง จัดว่าเป็นยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จในสมัยนี้ มียอดขายในแต่ละปีสูงที่สุดในเมืองไทยพร้อมด้วยระดับต้นๆในทวีปเอเชียรวมถึงทั่วโลกในหมู่กล้องมิลเลอร์เลสนั้น กว่าจะผ่านมากระทั่งถึงจุดนี้ได้ เรียกได้ว่าฝ่าเกลียวคลื่นมรสุมทางเศรษฐกิจอีกทั้งกระแสเทคโนโลยีที่หน่วยงานเก่าอย่าง Fujifilm ต้องพยายามตะกุยตะกายพร้อมทั้งวิ่งให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ ซึ่งก็เหลือเชื่อว่า Fujifilm ก็ทำมันได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว
ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 ตามแนวนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นในระยะเวลานั้นที่พึงประสงค์จะมีบริษัทฟิล์มถ่ายภาพเป็นของตนเอง พร้อมด้วยมีการเจริญเติบโตมาอย่างต่อเนื่องตามลำดับ จนปี 1965 จึงได้เข้าทำสาขาย่อยที่สหรัฐอเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งในปี 1995 ฟูจิก็ตัดสินใจย่างก้าวเข้ามาลุยตลาดงัดข้อกับเจ้าตลาดในอเมริกากับทั้งในตลาดโลกอย่าง โกดัก ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 90% ฟูจิกลับใช้กลยุทธ์เปลี่ยนมาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากโกดักได้มากกว่า เป็นผลให้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นเป็น 33% ในปี 1995 กับทั้งทวีคูณอีกเป็น 60% ในปี 1996 ซึ่งในเวลานั้นทั้งกล้องฟูจิฟิล์ม และโกดักต่างต่อสู้กันที่จะเป็นเจ้าวงการฟิล์ม แต่หารู้ไม่ว่ามีระลอกคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเตรียมที่จะเข้ามาแทนอยู่เสมอ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงรุนแรงของธุรกิจการค้ากล้องฟิล์มคือห้วงปี 2000 ต้นๆ ในยุคสมัยที่บริษัท SONY กับ HP เปิดตัวกล้องถ่ายภาพดิจิตอลขึ้นมาเป็นครั้งแรกพร้อมกับสามารถร้องเรียกจุดสนใจจากคนรักการถ่ายรูปไปได้ใช่เล่นเลยทีเดียวในช่วงนั้น โดยเฉพาะการเข้ามาของ smart phone และ social media อีกทั้งการถ่ายรูปดิจิทัลนั้น ถูกกว่า ง่ายๆกว่า และรวดเร็วกว่ามาก จึงเป็นผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคสับเปลี่ยนไป บริษัทอีสต์แมนโกดักในเวลานั้นมัวแต่คิดว่าการใช้ฟิล์มจะอยู่ยงได้อีกระยะหนึ่ง นั่นคือไม่ตกลงฮวบฮาบอย่างแน่แท้ ต่อจากนั้นโกดักจึ่งยังคาดว่าจะเก็บความนิยมกล้องฟิล์มไปอีกสักพักนึง แต่ฟูจิมองว่าในที่สุดแล้ว ดิจิตอลต้องมากัดกินเนื้อธุรกิจฟิล์มอย่างแน่นอนอีกทั้งรวดเร็วด้วย CEO ของบริษัทก็ได้ตัดสินใจที่จะนำหน่วยงานเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล ที่จริงแล้วกล้องดิจิตอลที่ผลิตขึ้นมาได้บนโลกเครื่องแรกๆนั้นก็เป็นของบริษัทโกดักนั่นแหละ ที่อุตส่าห์สร้างเนรมิตขึ้นมาได้แต่ระดับผู้บริหารไม่ทำต่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง กลับเห็นเป็นเหมือนสิ่งที่จะมาบั่นทอนธุรกิจหลักคือฟิล์มถ่ายภาพ ฉีกแนวจากระดับผู้บริหารของ ฟิจิฟิล์ม ที่แม้จะไม่ได้บุกเบิก ทว่าก็ไม่เคยตกเทรนด์ ได้ปรับปรุงกล้องถ่ายภาพดิจิตอลออกวางจำหน่ายอย่างจริงจัง ผู้บริหารฟูจิมีวิสัยทัศน์ที่ต่างจากผู้บริหารโกดัก ที่เตรียมไปสู่ยุคใหม่อย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ทั้งยังเคยได้ใช้นวัตกรรมที่ตนเองมีและเคล็ดต่างๆ ที่ใช้ถนอมสภาพสีบนแผ่นฟิล์ม มาดัดแปลงกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรม collagen ที่ช่วยรักษาสภาพความชุ่มชื้น พร้อมกับความอ่อนเยาว์ของผิวได้ ออกแบรนด์เครื่องสำอางค์ภายใต้ชื่อ Astalift ในปี 2007 อีกทั้งวางขายในตลาดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศในยุโรป ซึ่งสมัยปัจจุบันทำกำไรให้บริษัทกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ไม่ใช่แค่นั้น Fujifilm ยังนำเทคโนโลยี Digital Camera Tech ประยุกต์ใช้กับเครื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับการเก็บภาพเพื่อวินิจฉัยโรค อีกทั้งพัฒนาการผลิตยารักษาโรคมะเร็ง พร้อมกับโรคความจำเสื่อม ลดงบการพัฒนาด้าน Film & Analog ลงให้มากที่สุด การรอดตายของ Fujifilm ในยุคปัจจุบันที่ยังคงมีกล้องฟูจิ ราคามากมายให้ได้เลือกสรรซื้อกันอยู่นั้น กุญแจสำคัญคือการมองการณ์ไกลและการรับรู้การเบนเข็มของกระแสลมเทคโนโลยีของประธาน Shigetaka Komori, CEO of Fujifim ซึ่งมีเซนส์ของความระมัดระวังภัยยิ่งกว่าบริษัทอื่นใด เหตุว่าเห็นเทรนด์ดิจิตอลพร้อมๆ กันกับแบรนด์อื่นแต่เชื่อว่าวงการฟิล์มจะสิ้นซากโดยเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะฟิล์มถ่ายรูปเป็นธุรกิจหลัก ถ้าไม่สามารถปรับตัวได้อย่างเร่งด่วนและสร้างกิจการใหม่ทันท่วงที โชคชะตาก็คงไม่พ้นจากการล้มละลาย และการปรับปรุงเหตุการณ์จากการเห็นภัยอันตรายจากเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดแล้วไม่หยุดนิ่งเปลี่ยนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์กรให้เข้ากับสถานการณ์สมัยปัจจุบันขณะนั้นๆให้มากที่สุด ส่อให้เราเห็นว่าเราไม่ควรที่จะหยุดนิ่งกับที่มิเช่นนั้นเราก็จะไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในหนหน้านั่นเอง Tags : กล้องฟูจิ,กล้องฟูจิ ราคา,Fujifilm
|