หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ กรกฎาคม 04, 2018, 08:14:15 am (https://www.picz.in.th/images/2018/07/03/NhB6PV.jpg)[/b]
งาขาว[/size][/b] ชื่อสมุนไพร งาขาว ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะแปะ ซะเจี่ย (เมื่อน) ชื่อสามัญ Sesame seeds (white) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum orientale Linn. วงศ์ PEDALIACEAE ถิ่นกำเนิด งาขาวมีถิ่นเกิดเช่นเดียวกันกับ งาดำเป็นงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแต่ว่าโบราณ มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ต่อมาก็ถูกนำเข้าไปยังอินเดีย จีน รวมทั้งแถบแอฟริกาเหนือและก็เอเชียใต้ ในราวโดยประมาณ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลแล้วก็ในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็เป็นที่รู้จักกันมาช้านาน ซึ่งนำมาใช้ผลดีได้ทั้งยังทางยา อาหาร และก็เครื่องแต่งตัว ลักษณะทั่วไป งาขาว เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งชันถึงยอด สูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งกิ่งก้านสาขา แม้กระนั้นบางประเภทอาจมีการแตกกิ่งกิ้งก้าน ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมดก ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้ ใบงาขาว ออกเป็นใบคนเดียว เรียงตรงกันข้ามกันตามความสูงของลำต้น ประกอบด้วยก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวราวๆ 5 เซนติเมตร ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราวๆ 3-5 เซนติเมตร ยาวราว 8-15 ซม. โคนใบมน เป็นฐานกว้าง และค่อยเรียวลงจนกระทั่งปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นกิ่งก้านสาขาใบ ขอบของใบเรียบหรือเป็นหยัก ดอกงาขาวเป็นดอกโดดเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มบริเวณซอกใบ 1-3 ดอก ประกอบด้วยก้านดอกสั้น ราวๆ 3-5 มม. ถัดมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว จำนวน 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันหุ้มฐานดอก ถัดมาเป็นกลีบดอกที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบดอกอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ประมาณ 4-5 เซนติเมตร ปลายกลีบห้อยลงดิน รวมทั้งแยกออกเป็น 2 กลีบ คือ กลีบล่างที่ยาวกว่า รวมทั้งกลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ถัดมาด้านในดอกจะมีสีกลีบดอกข้างในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวไม่เท่ากันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ดังนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในเวลาเช้า และก็กลีบดอกจะร่วงลงดินในช่วงเย็น ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกออกจะกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักหนา มีสีเขียว รวมทั้งมีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา รวมทั้งปริแตก ทำให้เม็ดร่วงลงดิน ภายในฝักมีเม็ดขนาดเล็กสีขาวจำนวนไม่น้อย เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เม็ดมีรูปไข่ เปลือกเม็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอมยวนใจ ใน 1 ฝัก จะมีเมล็ดราวๆ 70-100 เมล็ด การขยายพันธุ์ งาขาว ที่ปลูกกันทั่วไปมี 6 ชนิด ตัวอย่างเช่น
งาเป็นพืชเขตร้อนถูกใจอาการร้อนรวมทั้งแดดแรง อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต โดยประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส รังเกียจอากาศหนาวเย็น ถ้าอุณหภูมิน้อยกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ บางครั้งอาจจะหยุดชะงักการเจริญเติบโต แต่ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้การผสมเกสรติดยาเสพย์ติดกการสร้างฝักเป็นไปได้ช้า ฤดูปลูก
องค์ประกอบทางเคมี เมล็ดงาขาวมีน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตราวๆ 13.5% และก็ขี้เถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาประมาณ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงคนเดียว 35% รวมทั้งอีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ขณะที่ 45% ของกากงาประกอบด้วยโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนส่วนประกอบทางเคมีที่มีในเมล็ดงาขาวนั้นก็มีเช่นเดียวกับงาดำ ดังเช่นว่า กรดไขมันดังเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกลุ่ม lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆอาทิเช่น sitosterol ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้ (https://www.img.live/images/2018/07/03/815b789e8eaf832e.jpg)[/b] คุณประโยชน์ทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม) งาขาวดิบ น้ำ 3.9 กรัม พลังงาน 658 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 20.9 กรัม ไขมัน 57.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 15.0 กรัม ใยอาหาร 4.6 กรัม เถ้า 3.1 กรัม แคลเซียม 86 มิลลิกรัม เหล็ก 7.4 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 650 มิลลิกรัม เบต้า แคโรทีน 0 มิลลิกรัม ไทอะมีน 1.08 มก. ไรโบฟลาวิน 0.11 มก. ไนอะซีน 3.3 มิลลิกรัม ประโยชน์/สรรพคุณ งาขาวใช้เป็นส่วนประกอบของของหวาน อาทิเช่น กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือขนมต่างๆรวมถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆอาทิเช่น ใช้สำหรับเข้าครัว โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารจำพวกทอดต่างๆ ใช้เป็นองค์ประกอบของอาหารเสริม ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแต่งหน้า เป็นต้นว่า โลชั่นที่มีไว้ดูแลผิว น้ำหอม สบู่ ฯลฯ ใช้ในอุตสาหกรรมยา รวมทั้งอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตช็อกโกแลต การสร้างเนยเทียม ฯลฯ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ ใช้ทารักษาแผล ใช้ชโลมผม ช่วยทำให้ผมมันเงา ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผื่นผื่นคัน มีการศึกษาค้นคว้าในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองและใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงขึ้นมากยิ่งกว่าถั่วเหลืองโดยประมาณ 3 เท่า แล้วก็สูงขึ้นมากยิ่งกว่าไข่ ราว 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงขึ้นมากยิ่งกว่าไข่ประมาณ 5% แต่ว่าต่ำกว่าถั่วเหลืองโดยประมาณ 2 เท่า นอกนั้นโปรตีนในงาขาวยังไม่เหมือนกับพืชตระกูลถั่วรวมทั้งพืชให้น้ำมันอื่นๆด้วยเหตุว่ามีกรดอะมิโนที่ต้องซึ่งพืชดังกล่าวขาด ดังเช่นว่า เมธไธโอนินรวมทั้งซีสตำหนิน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ โดยเหตุนี้บางทีอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกของกินถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นของกิน หรือใช้เสริมโปรตีนที่มาจากสัตว์ซึ่งแพงแพง ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้เสริมอาหารพวกเมล็ดพืช กล้วย และของกินแป้งอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้เมล็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม แล้วก็ฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากกว่าพืชทั่วไปประมาณ 20 เท่า ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น ตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบ น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผลได้ดี การหุงน้ำมันจำต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบแล้วก็เถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟต้มไปกระทั่งเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศแล้วก็ไทยสิ่งละนิดนึง หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วไว้ในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยรักษาแผลเจริญมากมาย ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น แบบเรียนยาไทยระบุว่า สารเซซาไม่นในเมล็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสเลือดของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดโรค Athersclerosis (ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต) ทุเลาอาการโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา ได้แก่ Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาลักษณะของโรคริดสีดวงทวารได้ ทั้งนี้มีการทำการวิจัยน้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ตัวอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินแล้วก็เส้นใย ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการต่อต้านโรคมะเร็ง รวมทั้งช่วยเหลือสุขภาพ แบบ/ขนาดวิธีการใช้ เหมือนกันกับงาดำ คือในการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ผลดีด้านอาหารและก็สินค้าเสริมความงามมากยิ่งกว่าด้านการดูแลและรักษาโรคแม้กระนั้นก็มีการใช้ประโยชน์ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง เช่น
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินทีละ 3.5 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ต่อเนื่องกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 ก.ต่ออาหาร 100 ก. ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol แล้วก็ Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol และเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งลดความเข้มข้นของผลผลิตจากการเกิดการเพอรอคอยกซิเดชั่นของไขมันที่มากขึ้นเนื่องมาจากพิษของนิโคติน ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA แล้วก็ปกป้องไม่ให้ DNA ในเนื้อเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถทุเลาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นแล้วก็ความเป็นพิษต่อสารพัดธุบาปภายในร่างกายได้ รวมทั้งการศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดระดับความดันเลือดสูง ผู้เจ็บป่วยชายและก็หญิงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับน้อยถึงปานกลาง คือมีค่าความดันโลหิตตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท แล้วก็ค่าความดันเลือดตัวด้านล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี ปริมาณ 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลและรักษาเป็นยาขับฉี่ hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีกลายเข้าร่วมการเรียนรู้ และก็ยังคงได้รับยานี้ตามปกติตลอดการศึกษาเล่าเรียนนี้ คนไข้จะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้สำหรับในการทำอาหารในครอบครัว 4 – 5 กิโลกรัม ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (ประมาณ 35 ก./วัน/คน) แล้วก็จำต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงชนิดเดียวตลอด 45 วัน แล้วต่อจากนั้นหยุดกินน้ำมันงา ให้แปลงมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน กระทำการตรวจร่างกาย ความดันเลือด น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ และก็เอนไซม์ในเลือด ก่อนการศึกษาเล่าเรียน หลังจากกินน้ำมันงา 45 วัน และภายหลังหยุดกินน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันจำพวกอื่นในการทำครัวในคนไข้ความดันเลือดสูง ทำให้ค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวล่างกลับลงสู่ระดับธรรมดา น้ำหนักร่างกาย แล้วก็ BMI ลดลง แต่ว่าหลังจากหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol แล้วก็ low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ต่างอะไรกันเมื่อประเมินผล 3 ตอนที่เล่าเรียน นอกจากระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลดน้อยลงเมื่อใช้น้ำมันงา แล้วก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งกลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ต่ำลงสู่ค่าปกติเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ลดลงเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งค่ายังคงเดิมหลังจากที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี catalase รวมทั้ง superoxide dismutase ในเลือดสูงขึ้น แล้วก็ glutathione peroxidase ในเลือดลดลง เมื่อใช้น้ำมันงาและก็ค่ายังคงเดิมภายหลังหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-ค้างโรทีน และ reduced glutathione สูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ลดน้อยลงหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการเรียนรู้มีความหมายว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดความดันเลือด ลดการเกิด lipid peroxidation แล้วก็เพิ่มฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ในคนเจ็บความดันเลือดสูงร่วมกับยาขับเยี่ยวได้ การศึกษาทางพิษวิทยา การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการศึกษาเล่าเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการศึกษาเล่าเรียนรวมกันทั้งงาขาว งาดำ) โดยเหตุนั้นผลการศึกษาทางพิษวิทยาของงาขาวจึงเหมือนกับงาดำ (มองการเล่าเรียนทางพิษวิทยาของ งาดำ) อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม
|