หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด เริ่มหัวข้อโดย: แสงจันทร์5555 ที่ กรกฎาคม 06, 2018, 10:18:55 am (https://www.picz.in.th/images/2018/07/03/NhB6PV.jpg)[/b]
งาขาว[/size][/b] ชื่อสมุนไพร งาขาว ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะแปะ ซะเจี่ย (เมื่อน) ชื่อสามัญ Sesame seeds (white) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum orientale Linn. วงศ์ PEDALIACEAE บ้านเกิดเมืองนอน งาขาวมีถิ่นเกิดเช่นเดียวกันกับ งาดำหมายถึงงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแม้กระนั้นโบราณ มีบ่อเกิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ต่อมาก็ถูกนำเข้าไปยังประเทศอินเดีย จีน รวมทั้งแถบแอฟริกาเหนือและเอเชียใต้ ในราวราวๆ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลและในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็มีชื่อเสียงกันมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ได้ทั้งยังทางยา ของกิน และเครื่องแต่งหน้า ลักษณะทั่วไป งาขาว เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งชันจรดยอด สูงโดยประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งกิ้งก้าน แต่บางชนิดอาจมีการแตกกิ่งกิ่งก้านสาขา ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมครึ้ม ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้ ใบงาขาว ออกเป็นใบผู้เดียว เรียงตรงกันข้ามกันตามความสูงของลำต้น มีก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวประมาณ 5 ซม. ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราวๆ 3-5 ซม. ยาวราวๆ 8-15 ซม. โคนใบมน เป็นฐานกว้าง รวมทั้งค่อยเรียวลงกระทั่งปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นกิ่งก้านสาขาใบ ขอบใบเรียบหรือเป็นหยัก ดอกงาขาวเป็นดอกคนเดียวหรือเป็นกรุ๊ปบริเวณซอกใบ 1-3 ดอก ประกอบด้วยก้านดอกสั้น โดยประมาณ 3-5 มม. ต่อมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว ปริมาณ 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันห่อหุ้มฐานดอก ต่อมาเป็นกลีบที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ประมาณ 4-5 ซม. ปลายกลีบแขวนลงดิน รวมทั้งแยกออกเป็น 2 กลีบหมายถึงกลีบด้านล่างที่ยาวกว่า และก็กลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ต่อมาด้านในดอกจะมีสีกลีบดอกไม้ภายในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวไม่เท่ากันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ทั้งนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในช่วงเวลาเช้า และก็กลีบดอกจะร่วงลงดินในตอนเย็น ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกออกจะกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักครึ้ม มีสีเขียว แล้วก็มีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา และปริแตก ทำให้เม็ดร่วงลงดิน ภายในฝักมีเม็ดขนาดเล็กสีขาวเป็นจำนวนมาก เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เมล็ดมีรูปไข่ เปลือกเม็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอมหวน ใน 1 ฝัก จะมีเม็ดโดยประมาณ 70-100 เม็ด การขยายพันธุ์ งาขาว ที่ปลูกกันทั่วไปมี 6 จำพวก อาทิเช่น
งาเป็นพืชเขตร้อนถูกใจอาการร้อนและแดดจ้า อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเติบโต โดยประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส เกลียดอากาศหนาวเย็น ถ้าเกิดอุณหภูมิต่ำลงยิ่งกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ บางทีก็อาจจะหยุดการเติบโต แต่ถ้าเกิดอุณหภูมิสูงขึ้นยิ่งกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้การผสมเกสรติดยากการสร้างฝักเป็นได้ช้า ฤดูปลูก
องค์ประกอบทางเคมี เมล็ดงาขาวประกอบด้วยน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกันกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตโดยประมาณ 13.5% และก็ขี้เถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาโดยประมาณ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงคนเดียว 35% แล้วก็อีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ตอนที่ 45% ของกากงามีโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนองค์ประกอบทางเคมีที่มีในเม็ดงาขาวนั้นก็มีเหมือนกันกับงาดำ อย่างเช่น กรดไขมันอาทิเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกรุ๊ป lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆดังเช่น sitosterol ส่วนค่าทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้ (https://www.img.live/images/2018/07/03/815b789e8eaf832e.jpg)[/b] คุณประโยชน์ทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม) งาขาวดิบ น้ำ 3.9 กรัม พลังงาน 658 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 20.9 กรัม ไขมัน 57.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 15.0 กรัม ใยอาหาร 4.6 กรัม เถ้า 3.1 กรัม แคลเซียม 86 มก. เหล็ก 7.4 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 650 มก. เบต้า แคโรทีน 0 มิลลิกรัม ไทอะมีน 1.08 มก. ไรโบฟลาวิน 0.11 มิลลิกรัม ไนอะซีน 3.3 มิลลิกรัม คุณประโยชน์/คุณประโยชน์ งาขาวใช้เป็นส่วนผสมของขนมหวาน อาทิ กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือขนมต่างๆรวมไปถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆได้แก่ ใช้สำหรับเข้าครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินประเภททอดต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริม ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแต่งหน้า อาทิเช่น ครีมที่เอาไว้สำหรับดูแลผิว น้ำหอม สบู่ ฯลฯ ใช้ในอุตสาหกรรมยา และก็อาหาร ได้แก่ ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับเพื่อการผลิตช็อกโกแลต การสร้างเนยเทียม ฯลฯ ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ ใช้ทารักษาแผล ใช้ชโลมผม ช่วยให้ผมมันเงา ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผดผื่นคัน มีการทำการค้นคว้าในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองและใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงยิ่งกว่าถั่วเหลืองราว 3 เท่า รวมทั้งสูงขึ้นยิ่งกว่าไข่ ประมาณ 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงขึ้นมากยิ่งกว่าไข่ราว 5% แต่ว่าต่ำลงมากยิ่งกว่าถั่วเหลืองราว 2 เท่า นอกเหนือจากนั้นโปรตีนในงาขาวยังแตกต่างจากพืชตระกูลถั่วแล้วก็พืชให้น้ำมันอื่นๆเนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นจะต้องซึ่งพืชดังที่ได้กล่าวมาแล้วขาด ยกตัวอย่างเช่น การเซ่นสรวงไธโอนินและก็ซีสว่ากล่าวน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ ฉะนั้นบางทีอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกของกินถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นอาหาร หรือใช้เสริมโปรตีนจากเนื้อสัตว์ซึ่งราคาแพงแพง นอกจากนั้นยังคงใช้เสริมของกินพวกเมล็ดพืช กล้วย รวมทั้งอาหารแป้งอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม นอกเหนือจากนั้นเม็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม แล้วก็ธาตุฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากยิ่งกว่าพืชทั่วๆไปโดยประมาณ 20 เท่า ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของงาขาวนั้น หนังสือเรียนยาไทยระบุว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบเสิบสาน น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผลเจริญ การหุงน้ำมันจะต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบรวมทั้งเถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวไปจนถึงเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศและไทยสิ่งละหน่อยเดียว หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วเอาไว้ภายในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยรักษาแผลได้ดีมากมาย ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น ตำราเรียนยาไทยบอกว่า สารเซซาไม่นในเมล็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสโลหิตของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดโรค Athersclerosis (ไขมันอุดตันในเส้นเลือด) บรรเทาอาการของโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา ตัวอย่างเช่น Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาอาการโรคริดสีดวงทวารได้ ดังนี้มีการทำการศึกษาเรียนรู้น้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ดังเช่น กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินรวมทั้งเส้นใย ซึ่งมีความหมายในการต่อต้านมะเร็ง และก็เกื้อหนุนสุขภาพ แบบอย่าง/ขนาดการใช้ เหมือนกับงาดำ คือในการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ด้านของกินแล้วก็ผลิตภัณฑ์เสริมความงามมากกว่าด้านการดูแลและรักษาโรคแต่ว่าก็มีการเอาไปใช้ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง ดังเช่นว่า
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินครั้งละ 3.5 มก./กก.น้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ต่อเนื่องกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 ก.ต่อของกิน 100 กรัม ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol และก็ Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol แล้วก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงลดความเข้มข้นของผลผลิตจากการเกิดการเพอคอยกสิเดชั่นของไขมันที่เพิ่มขึ้นเพราะเหตุว่าพิษของนิโคติน นอกจากนั้นยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA และก็คุ้มครองไม่ให้ DNA ในเนื้อเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างมีนัยสำคัญ ชี้ให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถบรรเทาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นและความเป็นพิษต่อสารพันธุกรรมภายในร่างกายได้ แล้วก็การเรียนทางสถานพยาบาลเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยชายแล้วก็หญิงที่เป็นโรคความดันเลือดสูงระดับน้อยถึงปานกลาง คือมีค่าความดันเลือดตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท และค่าความดันโลหิตตัวด้านล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี ปริมาณ 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลและรักษาเป็นยาขับเยี่ยว hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีก่อนร่วมการเรียนรู้ และยังคงได้รับยานี้ตามเดิมตลอดการเรียนรู้นี้ คนเจ็บจะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้สำหรับการเตรียมอาหารในครอบครัว 4 – 5 กิโลกรัม ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (โดยประมาณ 35 กรัม/วัน/คน) และก็จะต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงแค่ชนิดเดียวตลอด 45 วัน จากนั้นหยุดเปลืองน้ำมันงา ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน ทำตรวจร่างกาย ความดันเลือด น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ และโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเลือด ก่อนการศึกษาเล่าเรียน ภายหลังจากเปลืองน้ำมันงา 45 วัน แล้วก็ภายหลังจากหยุดเปลืองน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันชนิดอื่นสำหรับในการทำกับข้าวในผู้ป่วยความดันเลือดสูง ทำให้ค่าความดันเลือดตัวบนและตัวล่างกลับลงสู่ระดับธรรมดา น้ำหนักร่างกาย และก็ BMI ต่ำลง แต่หลังจากหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังที่กล่าวมาข้างต้นกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol และก็ low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ได้ต่างอะไรกันเมื่อประเมินผลทั้ง 3 ช่วงเวลาที่ศึกษาเล่าเรียน นอกจากระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลดน้อยลงเมื่อใช้น้ำมันงา และก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดต่ำลงเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาและน้อยลงสู่ค่าปกติเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ลดลงเมื่อใช้น้ำมันงาและก็ค่ายังคงที่ภายหลังที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับเอนไซม์ catalase รวมทั้ง superoxide dismutase ในเลือดสูงมากขึ้น แล้วก็ glutathione peroxidase ในเลือดต่ำลง เมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ค่ายังคงที่ภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-คาโรทีน และ reduced glutathione สูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาและก็ลดลงหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการเรียนรู้มีความหมายว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดความดันเลือด ลดการเกิด lipid peroxidation และเพิ่มฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ ในผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูงร่วมกับยาขับฉี่ได้ การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเรียนรวมกันงาขาว งาดำ) ฉะนั้นผลการค้นคว้าทางพิษวิทยาของงาขาวก็เลยอย่างกับงาดำ (ดูการศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของ งาดำ) อแนะนำ/ข้อควรคำนึง
Tags : งาขาว
|