หัวข้อ: มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ เริ่มหัวข้อโดย: nainai1199o ที่ กรกฎาคม 06, 2018, 10:26:05 am (https://www.img.live/images/2018/07/03/1a3db5.jpg)[/b]
มะนาว[/size][/b] ชื่อสมุนไพร มะนาว ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มทุ่งนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่งกลยาน (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี) ชื่อสามัญ Common lime, Lime , Sour lime ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Limonia aurantifolia Christm. & Panzer. ตระกูล Rutaceae ถิ่นกำเนิด เช้าใจกันว่ามะนาวเป็นพืชพื้นบ้านในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์เนื่องจากว่าคนที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้ประโยชน์จากมะนาวกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่อดีตแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย แต่มีการศึกษาและทำการค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่ามะนาวมีต้นตอในอินเดียภาคเหนือ รวมทั้งเขตเชื่อมต่อกับประเทศพม่า รวมทั้งทางตอนเหนือของมาเลเซีย (แต่ว่าน่าแปลกที่ไม่เจอมะนาวในป่าของไทย) ปัจจุบันมีการปลูกมะนาวทั่วๆไปในเขตร้อน และเขตอบอุ่นกึ่งร้อนทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่ามะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ แล้วก็ทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีมากยิ่งกว่าส้ม ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลคละเคล้าเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของกิ่งไม้ไม่ค่อยเรียบร้อย บนลำต้นและกิ่งจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีทั้งหนามสั้นรวมทั้งหนามยาวมีสีเขียวเข้มและสีเขียวอมเหลือง ส่วนบริเวณปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เป็นมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างราวๆ 3-6 เซนติเมตร ยาวราวๆ 6-12 เซนติเมตรรูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นรวมทั้งมีปีกใบแคบหรืออาจไม่มีปีกใบก็ได้ ดังนี้ขึ้นอยู่กับจำพวกมะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางแทบเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านบนละเอียดเป็นเงาส่วนผิวใบข้างล่างค่อนข้างหยาบคายและก็มีสีจางกว่า เมื่อกระทำการขยี้ใบจะมีกลิ่นฉุน ดอกมะนาวอาจเกิดเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อก็ได้ มีทั้งๆที่เป็นดอกสมบูรณ์และไม่บริบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบแล้วก็ปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบมีสีขาว และด้านท้องกลีบอาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีปริมาณ 4-5 อัน ปริมาณกลีบในและก็กลีบนอกมีจำนวนเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้เยอะแยะถึง 20-40 อัน เชื่อมชิดกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ราว 9-12 อัน ผลมะนาวมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามประเภทของชนิด มีทั้งรูปร่างยาวรี รูปไข่ และรูปร่างกลม ที่ก้นผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยปกติมีขนาดความยาว 3-12 ซม. เปลือกมักษณะตะปุ่มตะป่ำ และก็มีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม บรรจุอยู่เยอะๆ เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวแล้วก็มีกลิ่นหอมเม็ด ขนาดเล็กคล้ายรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ภายในเม็ดมีเยื่อสีขาว การขยายพันธุ์ มะนาวเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ดีในดินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินปนทราย แต่หากต้องการจะปลูกมะนาว ให้งอกงามดี มี ผลดก รวมทั้งคุณภาพดี ก็ควรจะปลูกภายในพื้นที่ที่เป็นดินที่ร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีสารอินทรีย์ผสม อยู่มาก และก็ควรเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำเป็นหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง แล้วก็การติดตา แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับเพื่อการเพาะพันธุ์มะนาวสูงที่สุดเป็น การตอนกิ่ง โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้
ควรจะปลูกภายในช่วงต้นหน้าฝน ควรขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างแล้วก็ลึกโดยประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดิน ปุ๋ยคอก และก็ปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงราวๆ 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงขึ้นมากยิ่งกว่า ระดับดินปากหลุมน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุง 2 ด้าน (ช้ายแล้วก็ขวา) ดึงถุงก๊อบแก๊บออก โดยระวังไม่ให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อคุ้มครองปกป้องลมพัดโยก หาวัสดุปกคลุมดินบริเวณโคนต้น ได้แก่ ฟางข้าว หญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยอำพรางแสงอาทิตย์ การกระทำรักษา การให้น้ำ ควรจะมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้น ในตอน ที่ปลูกใหม่ๆควรจะให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างน้อย (กรณีฝนไม่ตก) หลังจากปลูกโดยประมาณ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง แล้วก็ควรหา สิ่งของมาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้น ควรจะเริ่มงดเว้นให้น้ำ ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เป็นต้นไป จนถึงตอนออกดอก เพื่อให้มะนาวสะสม ของกินให้สูงถึงระดับซึ่งสามารถสร้างตาดอกได้ ปกติมะนาวจะมีดอก เมษายน-พฤษภาคม หลังจากมะนาวออกดอก และก็กำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากได้น้ำมากมาย เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ของผล (https://www.img.live/images/2018/07/03/2f58e1.md.jpg)[/b] ส่วนจำพวกมะนาวที่มีการปลูกกันมากในไทย เป็นต้นว่า
องค์ประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid, ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากผู้กระทำลั่นผิวผล ปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 มีสารต่างๆตัวอย่างเช่น d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%), alpha-pinene citric acid (1.69%), geraniol (0.31%), linalool, terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin) ใบมะนาวเมื่อเอามาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ camphene ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยจำนวนร้อยละ 0.27 ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆดังเช่น 6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสของกินไทยที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นส่วนประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ตำส้ม ยำทุกประเภท ลาบและก็อาหารไทยอีกอีกเพียบเลย ต่างชาติใช้มะนาวทั้งยังในของคาวหวาน ตัวอย่างเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำมะนาวเว้นแต่ใช้แต่งรสเปรี้ยวในอาหารหลาย ประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย รวมทั้งต่างแดนทั่วโลก นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บางจำพวกยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆทิ่มไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส โดยข้างในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงจำนวนร้อยละ 7 น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนประกอบน้ำยาทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาที่เอาไว้สำหรับล้างจาน นอกจากนั้นยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกได้แก่ หุงข้าวให้ขาวรวมทั้งอร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวโดยประมาณ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว ทอดไข่ให้ฟูและนุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้ มะนาวช่วยลดเหม็นกลิ่นคาวจากปลาเมื่อประกอบอาหารและทำให้ปลาอาจรูปไม่เหลว เมื่อใช้มีดผ่าปลี มีดจะมีสีม่วงคล่ำ ล้างออกลำบาก เอามาท้องนาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดเหมือนเดิม การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่าอร่อย เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งซีกลงไป จะช่วยให้กล้วยใส น่ากินมากเพิ่มขึ้น มะนาว 2-3 ลูกใส่เอาไว้ภายในถังข้าวสารช่วยคุ้มครองปกป้องมอดได้ ส่วนการแปรรูปมะนาว มะนาวดัดแปลงได้ อย่างเช่น น้ำมะนาวทำกับข้าว มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมนะทุ่งนาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกของมะนาวสามรส เปลือกของมะนาวเส้นปรุงรส เปลือกมะนาวเชื่อม เปลือกมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว ฯลฯ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้นระบุว่า หนังสือเรียนยาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” ประกอบด้วย ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มจังหวัดตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด และผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม นอกนั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมตาลาย แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเจาะจงถึงสรรพคุณของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) พบได้ทั่วไปบริเวณผิวเปลือกของมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นองค์ประกอบหลักเกินกว่าร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณลักษณะคุ้มครองป้องกันแล้วก็รักษาโรคมะเร็งหลายประเภท ชาวต่างประเทศทั่วไปมักกินน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชเชื้อสายส้ม เป็นต้นว่า ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับอาหารมื้อเช้า น้ำผลไม้กลุ่มนี้มีวิตามินซี และมีสารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (flavonoid) มีสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) และก็นาริงจิน (naringin) และก็ลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชเชื้อสายส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid) สารกลุ่มฟลาโอ้อวดนอย์ส้มนี้มีรายงานทางด้านการแพทย์ตะวันตกว่าใช้สำหรับในการรักษามาลาเรีย โรครูมาตำหนิสม์เรื้อรังและก็โรคเกาต์ ใช้สำหรับการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน คุ้มครองการตกเลือดข้างหลังคลอด รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากการตำหนิดเชื้อรวมถึงโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจากการได้รับวิตามินซีในอาหารน้อยเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นผลให้มีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นภายใน 8-12 อาทิตย์ ผู้ป่วยมักมีอาการเหมือนป่วยหนัก เมื่อยล้า ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้าม เจ็บกระดูก มีแผลฟกช้ำดำเขียวหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง กำเนิดโรคทางปริทันต์ เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์แปรปรวน หรือมีภาวะเศร้าหมอง สำหรับประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานค้นคว้าเมื่อก่อนที่ให้คนไข้โรคนี้กินส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าคนป่วยสามารถฟื้นได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็เร็ว เมื่อเทียบกับคนป่วยอีกกลุ่มที่กินอาหารจำพวกอื่น ยิ่งไปกว่านี้ในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้ชุ่มคอ จึงช่วยทุเลาลักษณะของการเจ็บคอได้ ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้ อาการไอ ระคายคอจากเสมหะใช้น้ำจากผลที่โตสุดกำลัง เพิ่มเกลือเล็กน้อย จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเติมเกลือแล้วก็น้ำตาลเล็กน้อย อาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแม้กระนั้นน้ำขณะมีอาการ หรือหลังอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสมหะได้เช้าตรู่หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือนิดหน่อย) จะช่วยทุเลาท้องผูก และก็ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการกลาก โรคเกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วขัดถูให้แห้ง แล้วก็ใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความสวยงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ชั่วประเดี๋ยว ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาดแล้วซึมซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะดูสดใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับในการแก้ไข้ทับเมนส์ ด้วยการเอาใบมะนาวโดยประมาณ 100 ใบมาต้มรับประทานช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวถูที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา การเล่าเรียนสัตว์ทดสอบในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชเครือญาติส้มกับหนูไขมันสูง ส่งผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดจำนวนไขมันรวมแล้วก็ไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว รวมทั้งมีผลลดความดันเลือดแล้วก็ขับปัสสาวะในหนูความดันสูง การทดสอบในห้องปฏิบัติในแคนทุ่งนาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นของฟลาโวนอยด์ส้มมีต้นเหตุมาจากผลการกระตุ้นหลักการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับ ณ ตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอรอคอยล (sterol regulatory element, SRE) ในสหรัฐฯ การค้นคว้าวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม เป็นต้นว่ากรุ๊ปเฮสเพอริดิน และก็กลุ่มโพลีเมโททอกสิเลตฟลาโอ้อวดน (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดสอบ ซึ่งเกื้อหนุนผลที่เกิดจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา เมืองจีน การค้นคว้าวิจัยพบว่า ทุ่งนาริงจิน และก็เฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของกลูโคสแล้วก็ไขมันที่เกี่ยวโยงกับการสร้างพลัคตันของหลอดเลือดและแนวทางการอักเสบ ผลการศึกษาวิจัยบอกว่าฟลาโวนอยด์ส้มทั้ง 2 จำพวกแสดงผลลัพธ์ต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) รวมทั้งยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์ นอกจากนั้น สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน มีผลต่อการสร้างไนตริกออกไซด์ในเซลล์ผนังเส้นโลหิตผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์คุ้มครองการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ ส่งผลให้สนับสนุนการกินมะนาว แล้วก็ฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด คุ้มครองโรคเส้นเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยทอง การค้นคว้าหนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิต้านทาน รวมทั้งโปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง การเรียนรู้ในห้องแลปในรัฐเท็กซัสรวมทั้งแคลิฟอเนีย อเมริกาพบว่า สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต้านทานออกซิเดชั่นพอควร แต่น้อยกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชตระกูลขิง มีบทความทางการแพทย์บอกว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด โพรงปาก กระเพาะอาหาร และก็มะเร็งเต้านมจากการทดลองในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดสอบหลากหลายประเภท แม้กระนั้นยังไม่เจอผลการศึกษาวิจัยทางสถานพยาบาล ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังต่อไปนี้ ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีการทำการศึกษาเรียนรู้ผลของทั้งน้ำมันหอมระเหยแล้วก็สารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus แล้วก็ E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus แล้วก็ Bacillus cereus สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii และ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มก./มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis รวมทั้ง Streptococcus faecalis การเรียนรู้ทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/กก.น้ำหนักตัว (เท่ากันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่เจอความผิดปกติอะไรก็แล้วแต่เมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/โลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษอีกทั้งแบบรุนแรงแล้วก็กึ่งเรื้อรัง แต่ว่าพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/โลน้ำหนักตัว/วัน มีเอ็นไซม์ในตับมากขึ้นแต่ว่ายังอยู่ในตอนปกติ และไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติของอวัยวะภายใน ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวมีผลยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และก็การทดสอบฤทธิ์ระคายโดยแนวทางการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวให้ผล positive คำแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม
|