หัวข้อ: หอมเเดง มีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าทึ่งมากๆ เริ่มหัวข้อโดย: teareborn ที่ กรกฎาคม 09, 2018, 01:07:39 pm (https://www.img.live/images/2018/07/03/dd138f5d92ac697a.jpg)[/b]
หอมแดง[/size][/b] ชื่อสมุนไพร หอมแดง ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน หอมไทย,หอมเล็ก,หอมหัว หอมแดง(ภาคกึ่งกลาง), หอมปั่ว ,แพทย์แดง (ภาคเหนือ) , หัวหอมแดง (ภาคใต้) , ฝักบั่ว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) , ปะเซ้ส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ปะเซอก่อ (กะเหรี่ยง-ตาก) , ซัง , ตังซัง (จีน) ชื่อสามัญ Shallot ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium ascalonicum Linn. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Allium carneum Willd., Allium fissile Gray, Allium hierochuntinum Boiss., Porrum ascalonicum (L.) Rchb. ตระกูล Amaryllidaceae บ้านเกิดเมืองนอน หอมแดง เป็นพืชขนาดเล็กที่ปลูกไว้เพื่อบริโภคส่วนของหัวหรือบัลบ์ นิยมใช้เพื่อการเตรียมอาหาร รวมทั้งเป็นสมุนไพร ทั้งนี้หอมแดง มีบ้านเกิดเมืองนอนดั้งเดิมในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คาดคะเนว่าอยู่ในแถบประเทศทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน รวมทั้งประเทศอิหร่าน โดยเชื่อกันว่าหอมแดงกลายพันธุ์ตามธรรมชาติมาจากหอมหัวใหญ่แล้วก็มีการเลือกสรรจำพวกเพื่อนำมาปลูกเป็นพืชอาหาร ในจีนและประเทศอินเดียแล้วก็มีการกระจายพันธุ์ไปทั่วทั้งโลก ซึ่งได้มีการจดบันทึกไว้ ในตอนคริสตวรรษที่ 12 ปัจจุบันการปลูกหอมแดงได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลก แต่ว่าก็ยังมีการบริโภคน้อยกว่าหอมหัวใหญ่อยู่ หอมแดง จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์ โดยในประเทศไทยพบว่ามีการปลูกมากทางภาคอีสานและก็ทางภาคเหนือ แต่ว่าหอมแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหอมแดงคุณภาพดีก็ได้แก่หอมแดงจากจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะทั่วไป ใบ ใบแทงออกจากลำต้นหรือหัว มีลักษณะเป็นหลอดกลม ข้างในกลวง มีสารสีนวลเป็นไขเคลือบผิวใบ ใบมีลักษณะตั้งชันสูงประมาณ 15-50 ซม. แตกออกเป็นชั้นถี่ 5-8 ใบ ใบอ่อนสดของหอมแดงใช้ในการบริโภค ส่วนหัวหรือบัลบ์ หัวหรือบัลบ์เป็นส่วนของกาบใบที่เรียงซ้อนกันแน่นจากข้างในของหัวออกมา เป็นแหล่งสะสมของกิน รวมทั้งน้ำ มีลักษณะเป็นกระเปาะ เรียกว่า Bulbs มีลำต้นข้างใน มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆสีขาว ซึ่งเป็นที่เกิดของหัวหอม หัวหอมจะแตกใหม่ออกมาจากหัวเดิม โดยเฉลี่ย 2 - 20 หัวต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวราว 1.5-3.5 ซม. ต้น ต้นที่เห็นเหนือดินเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากบัลบ์ จัดเป็นลำต้นเทียมที่เกิดจากกาบใบเรียงอัดกันแน่น ถัดมาจึงเป็นส่วนของใบ ราก รากหอมแดงเป็นระบบรากฝอยเยอะมากๆ ผลิออกออกจากข้างล่างของต้น มีลักษณะเป็นกระจุกรวมกันที่ตูดหัว และแพร่ลงดินลึกในระดับตื้นโดยประมาณ 10-15 เซนติเมตรและก็แผ่รอยต้นราว 5-10 เซนติเมตร การขยายพันธุ์ หอมแดงสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 แนวทาง คือ การใช้ส่วนหัวชนิด (sets) และก็การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) การใช้หัวจำพวก (sets) เป็นแนวทางของเกษตรกรที่นิยมปฏิบัติกันมานาน หัวหอมแดงที่จะปลูกจำต้องผ่านการพักตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ก็เลยจะปลูกได้ การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) เป็นวิธีที่ลดทุนในการผลิตสำหรับการซื้อหัวจำพวกที่มีราคาแพง สำหรับวิธีการปลูกหอมแดงนั้นมีดังนี้ การเตรียมแปลงปลูก หอมแดงเป็นพืชที่มีระบบระเบียบรากสั้น มีขอบเขตรากลึกราวๆ 10-15 ซม. ฉะนั้น ในระดับความลึกนี้ หอมแดงก็เลยอยากหน้าดินที่ร่วนซุย รวมทั้งมีความชื้นสม่ำเสมอ มีการระบายน้ำ และอากาศดี ไม่อยากดินแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะที่มีการแตกหัวใหม่ การเตรียมดินให้ร่วนซุยจะช่วยทำให้หอมแดงเจริญเติบโตได้ดิบได้ดี ด้วยการไถกระพรวนดินคราวแรก ลึก 20 ซม. พร้อมกำจัดวัชพืช ผึ่งแดดทิ้งเอาไว้ 7-15 วัน ต่อจากนั้น ไถลูกพรวนดินให้ร่วนด้วยผานที่เล็กลง ลึก 20-30 ซม. แล้วก็ตากดินก่อนปลูก 3-7 วัน ก่อนไถลูกพรวนครั้งที่ให้หว่านปุ๋ยหมัก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ไร่ ในช่วงฤดูฝนแปลงปลูกหอมแดงจะต้องยกร่องกว้างประมาณ 1-1.2 เมตร ความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกเพื่อให้น้ำฝนระบายออกได้ ระยะห่างระหว่างแปลงจะเว้นไว้ประมาณ 30-50 ซม. เพื่อเป็นฟุตบาทสำหรับการให้น้ำหรือกำจัดวัชพืช ก่อนปลูก 1-3 วัน ควรให้น้ำในแปลงให้ชุ่มก่อน กรรมวิธีปลูก นำหัวประเภทที่พักตัวการแล้วหรือหัวพันธุ์ที่เก็บไว้นาน 2-4 เดือนภายหลังเก็บเกี่ยว มาตัดรากแห้งออก แยกหัวออกมาจากกันให้เป็นหัวผู้เดียวๆแล้วฝังหัวลงไปในดินให้ปลายของหัวอยู่เป็นประจำผิวดิน ระยะปลูกที่ 15 x 15 เซนติเมตร ปิดฟางดกประมาณ 1 ซม. เมื่อหอมแดงผลิออกได้ราวๆ 15 วัน จึงหว่านปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21% อัตรา 10 กิโลกรัม/ไร่ แล้วให้น้ำเช้าเย็นหรือวันละครั้ง สุดแท้แต่ภาวะความชุ่มชื้นของผิวดิน หอมแดงที่ปลูกจากหัวเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 60 วัน หอมแดงที่สมควรสำหรับเพื่อการเก็บเกี่ยวจะต้องแก่จัด มีใบแห้งตามธรรมชาติ โดยห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นบังคับให้ใบแห้ง เนื่องจากว่าหัวหอมบางทีอาจบูดเน่าหายหรือแก่เก็บไว้บริโภคสั้น ก่อนที่จะมีการเก็บเกี่ยวประมาณ 10-15 วัน ต้องงดเว้นให้น้ำ และให้น้ำอีทีก่อนเก็บเกี่ยว 1 วัน เพื่อให้หอมแดงถอนได้ง่าย การเก็บเกี่ยวจะใช้กรรมวิธีมือถอนหรือใช้จอบหรือเสียมขุดร่วมด้วย ข้างหลังการเก็บเกี่ยว หอมแดงจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน ภายหลังเก็บเกี่ยวบนแปลง ถ้าหากเกิน 6 เดือน หัวหอมแดงจะฝ่อไม่อาจจะกินและไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้ ทั้งนี้หอมแดงสามารถผสมผ่านพันธุ์ได้ กับหอมหัวใหญ่ ลูกผสมที่เกิดขึ้นมีลักษณะรูปร่างจัดเข้าอยู่ในกลุ่มของหอมหัวใหญ่ (A.cepa) ส่วนจำพวกหอมแดงที่นิยมนำมาปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์ ซึ่งลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากมาย ประเภทจังหวัดศรีสะเกษ เปลือกหัวนอกดก มีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมป้อม มีกลิ่นฉุน ให้รสหวาน ใบเขียวเข้มมรกต มีนวลจับเล็กน้อย จำพวกบางช้าง มีลักษณะคล้ายกับประเภทจังหวัดศรีสะเกษ แต่สีเปลือกจางกว่า หัวมีลักษณะกลมป้อม ใบสีเขียวเข้ม มีนวลจับน้อย เป็นจำพวกที่ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นมากยิ่งกว่าทุกประเภท ชนิดเชียงใหม่ มีเปลือกบาง สีส้มอ่อน หัวมีลักษณะกลมรี กลิ่นไม่ฉุนราวกับจำพวกอื่น ให้รสหวาน หัวจะแบ่งเป็นกลีบชัดแจ้ง ไม่มีเปลือก ใบสีเขียวมีนวลจับ ส่วนประกอบทางเคมี หัวหอมมีน้ำมันระเหยง่ายที่มีกำมะถัน diallyl disulphide เป็นส่วนประกอบร่วมกับสารอื่นๆอีกดังเช่น Ethanol, Acetonc, methyl Ethyl, Methyl Disulfide, Methyl, Methyl Trisulfide, Methyl I-propyl Trisulfide, I-propyl Trisulfide, Ketone, I-propanol, 2 – propanol, Methanol, I-butanol, Hydrogen Sulfidc, I-propanethiol, I-propyl Disulfide , Thioalkanal-S-oxide, di-n- propyl Disulfide, n- propyl-allyl Disulfide, Dithiocarbonate และก็ Thiuram Sulfidc ,Linoleic , flavonoid Glycoside , pectin , alliin ส่วนสารที่ส่งผลให้เกิดกลิ่นในหัวหอมมีอยู่ 3 ประเภทหมายถึงdipropyl trisulfide, methylpropyl disulfide , methylpropyl disulfide และก็ methylpropyl trisulfide ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของหอมแดงนั้นมีดังนี้ (https://www.img.live/images/2018/07/03/3cd4fcd6e9ee4824.jpg) คุณประโยชน์ทางโภชนาการของหอมแดงดิบต่อ 100 กรัม
คุณประโยชน์/สรรพคุณ สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์จากหอมแดงนั้นส่วนมากกว่า 80% ชอบนิยมนำไปเตรียมอาหารทั้งยังของคาว และก็อาหารหวาน รวมทั้งนำไปเป็นของเคียง ของอาหารต่างๆดังเช่น ข้าวตรอก สเต๊ อื่นๆอีกมากมาย รวมถึง หัวหอม ใบและก็ช่อดอกอ่อน รับประทานเป็นผักสดรวมทั้งปรุงเป็นอาหาร หอมอีกทั้งหัวและก็ใบ ดอกเปรี้ยวกินเป็นผักจิ้ม ส่วนสำหรับเพื่อการใช้หัวหอมในด้านคุณประโยชน์รักษาโรคนั้นมีดังนี้ ตามสรรพคุณโบราณของไทยกล่าวว่า ใบมีรสเค็มหวาน เป็นมูก ใช้แก้หวัดและเลือดกำเดาออก หัวหอมรสเผ็ด แก้ไข้มีเสลด ใช้ในปริมาณน้อย บำรุงดูแลรักษาผมให้งอกงาม ทำให้ผิวหนังชื่นบาน แก้ไข้ ถูทาผิวหนังทำให้ร้อน ขับเสมหะ แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ ใช้ด้านนอก การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ป้องกันตับแล้วก็ไต การศึกษาเล่าเรียนความรู้ความเข้าใจสำหรับการปกป้องความเสื่อมโทรมของตับและก็ไตจากการตำหนิดเชื้อไข้มาลาเรีย โดยเตรียมสารสกัดหอมแดงอย่างหยาบด้วยน้ำ หลังจากนั้นนำไปทดสอบฤทธิ์ในหนูถีบจักร สายพันธุ์ ICR ที่ติดเชื้อโรคมาลาเรีย Plasmodium berghei ANKA จำนวน 6x106เซลล์ ต่อตัวทดลอง โดยให้ตัวทดลองได้รับสารสกัดทางหลอดของกินวันละครั้ง ตรงเวลา 4 วันติดต่อกัน รวมทั้งทำการวัดค่าชี้ความย่ำแย่ อย่างเช่น ระดับเอนไซม์ตับ aspartate aminotransferase (AST), alanine aminotransferase (ALT) และตัวบ่งชี้แนวทางการทำงานของไต เช่น blood urea nitrogen (BUN) และก็ creatinine โดยใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป ผลของการทดลองพบว่าความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดหอมแดงที่ไม่ทำให้เกิดความเป็นพิษเป็น3,000 มิลลิกรัมต่อกก. และขณะที่มีการติดโรคไข้จับสั่นนั้นจะเจอความเสื่อมโทรมของตับ แล้วก็ไตเกิดขึ้นในวันที่ 10 หลังจากติดเชื้อโดยมองได้จากระดับของ AST, ALT, BUN และ creatinine ที่สูงที่สุด แม้กระนั้นสารสกัดหอมแดงที่ขนาด 3,000 มก.ต่อกิโลกรัม สามารถคุ้มครองป้องกันความเสื่อมโทรมของตับและก็ไต จากการตำหนิดเชื้อไข้มาลาเรียได้โดยดูจากตัวบ่งชี้ที่หรูหราธรรมดา จากผลการศึกษาเรียนรู้สามารถสรุปได้ว่าสารสกัดหอมแดงมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องความย่ำแย่ของตับรวมทั้งไตจากการต่อว่าดเชื้อไข้มาลาเรียในหนูทดลองได้ ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ ทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบของส่วนสกัดหัวหอมแดงในเอทานอลในหลอดทดสอบ ทำทดลองความอยู่รอดของเซลล์ด้วยวิธี 3-4,5-dimethylthiazol-2-yl-2,5-dyphenyl tetra-zolium bromide (MTT) ศึกษาเล่าเรียนผลของส่วนสกัดต่อการแสดงออกของยีนที่เป็นตัวกลางการอักเสบได้แก่ inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX)-2, COX-1, tumor necrosis factor (TNF)-α, interleukin (IL)-1β แล้วก็ IL-6 ในเซลล์เพาะเลี้ยงมาวัวรฟาจ (RAW 264.7) ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร Lipopolysaccharide (LPS) โดยวัดปริมาณยีนที่แสดงออกด้วยแนวทาง reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) พินิจพิจารณาหาปริมาณฟีนอลรวม และก็ฟลาโวนอยด์รวม ของส่วนสกัดโดยใช้ปฏิกิริยาการเกิดสีกับสาร Folin-Ciocalteu และสารอลูมินัมคลอไรด์ ตามลำดับ ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าที่ความเข้มข้น 62.5, 125 และ 250 ไมโครกรัม/มล. ส่วนสกัดหอมแดงในเอทานอลไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ และก็มีฤทธิ์ยับยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวกับการอักเสบยกตัวอย่างเช่น iNOS, TNF-α, IL-1β และก็ IL-6 เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้น ส่วนสกัดหอมแดงไม่เป็นผลต่อการแสดงออกของยีน COX-2 แต่ยั้งการแสดงออกของยีน COX-1 อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยมีปริมาณสารฟีนอลรวมคิดเป็น 15.964±0.122 สมมูลกับกรดแกลลิก/กรัม และก็มีจำนวนสารฟลาโวนอยด์รวม 11.742 ±0.012 มก. สมมูลกับสารเคอร์ซิทิน/กรัม การเรียนทางพิษวิทยา ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การทดสอบสารสกัดบิวทานอลจากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มล./แผ่น หรือความเข้มข้นอื่นๆกับ Bacillus subtilis M-45 (Rec-) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ และก็เมื่อเปลี่ยนแปลงมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มล./แผ่น กับ B. subtilis H-17 (Rec+) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นการทดสอบน้ำสกัดหรือน้ำสุกหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis M-45 (Rec-) และก็การทดสอบ B. subtilis H-17 (Rec+) ด้วยน้ำสกัดหอมสด ก็พบว่าสารสกัดเหล่านี้ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แต่ว่าถ้าเกิดใช้ส่วนสกัดจาก chromatography (undiluted) หรือการใช้ oleoresin จากหอม (undiluted) มาทดลองกับ Salmonella typhimurium TA100 ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์ แต่เมื่อนำมาทดลองกับ S. typhimurium TA98 กลับไม่มีฤทธิ์ ใช้สารสกัดเมทานอลทดสอบกับ S. typhimurium TA98 พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แรง แล้วก็เมื่อศึกษากลไกการเมตา-โบไลท์สารก่อกลายพันธุ์ของหอมในร่างกาย พบว่ากลูตาธัยโอน กลูคิวโรนายด์ ไดธัยโอธรีธอล สามารถลดฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมได้ แต่ว่าไวตามินซีไม่เป็นผลต่อฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมแต่อย่างใด มีการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของเครื่องเทศที่ใช้จัดแจงน้ำพริกแกง ใน S. typhimurium พบว่าสารสกัดจากหอมมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ถึง 100% ซึ่งเกิดขึ้นจากสารสำคัญที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในหอม เมื่อกระทำแยกแล้วก็พินิจพิจารณาสารสำคัญนั้นพบว่า เป็นสารจำพวก ฟลาโวนอยด์ เคอร์สิติน (quercetin) โดยสารสำคัญที่แยกบริสุทธิ์ได้ 1 ตัว พบว่า คือ quercetin-4-0-glycoside สารนี้เป็นสารก่อกลายพันธุ์ฤทธิ์อ่อน ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของมันจะสูงขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเอนไซม์ในร่างกาย เมื่อสลายสารนี้ด้วยเอนไซม์ b-glucuronidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เจอที่ลำไส้ใหญ่ พบว่าฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์จะร้ายแรงมากขึ้น พิษต่อเซลล์ ทดลองสารสกัดเมทานอลจากรากหอมสด ความเข้มข้น 200 มคกรัม/มิลลิลิตร กับ macrophage cell line raw 264.7 พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ดังที่กล่าวมาแล้ว ข้อแนะนำ/ข้อควรไตร่ตรอง
|