หัวข้อ: หอมเเดง มีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าทึ่งมากๆ เริ่มหัวข้อโดย: aokpl02539 ที่ กรกฎาคม 10, 2018, 08:31:42 am (https://www.img.live/images/2018/07/03/dd138f5d92ac697a.jpg)[/b]
หอมแดง[/size][/b] ชื่อสมุนไพร หอมแดง ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น หอมไทย,หอมเล็ก,หอมหัว หอมแดง(ภาคกึ่งกลาง), หอมปั่ว ,หมอแดง (ภาคเหนือ) , หัวหอมแดง (ภาคใต้) , ฝักบั่ว (ภาคอีสาน) , ปะเซ้ส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ปะเซอก่อ (กะเหรี่ยง-ตาก) , ซัง , ตังซัง (จีน) ชื่อสามัญ Shallot ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium ascalonicum Linn. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Allium carneum Willd., Allium fissile Gray, Allium hierochuntinum Boiss., Porrum ascalonicum (L.) Rchb. วงศ์ Amaryllidaceae บ้านเกิดเมืองนอน หอมแดง เป็นพืชขนาดเล็กที่ปลูกไว้เพื่อบริโภคส่วนของหัวหรือบัลบ์ นิยมใช้สำหรับในการประกอบอาหาร รวมทั้งเป็นสมุนไพร ทั้งนี้หอมแดง มีบ้านเกิดเมืองนอนดั้งเดิมในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่าอยู่ในแถบประเทศทาจิกิสถานที่ อัฟกานิสถาน และก็ประเทศอิหร่าน โดยเช้าใจกันว่าหอมแดงกลายพันธุ์ตามธรรมชาติมาจากหอมหัวใหญ่และมีการเลือกสรรประเภทเพื่อนำมาปลูกเป็นพืชอาหาร ในจีนแล้วก็อินเดียและก็มีการกระจายชนิดไปทั้งโลก ซึ่งได้มีการเขียนบันทึกไว้ ในช่วงคริสตวรรษที่ 12 ปัจจุบันการปลูกหอมแดงได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลก แต่ก็ยังมีการบริโภคน้อยกว่าหอมหัวใหญ่อยู่ หอมแดง จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์ โดยในประเทศไทยพบว่ามีการปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและก็ทางภาคเหนือ แต่หอมแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหอมแดงคุณภาพดีก็ได้แก่หอมแดงจากจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะทั่วไป ใบ ใบแทงออกจากลำต้นหรือหัว มีลักษณะเป็นหลอดกลม ด้านในกลวง มีสารสีนวลเป็นไขฉาบผิวใบ ใบมีลักษณะตั้งชันสูงราว 15-50 เซนติเมตร แตกออกเป็นชั้นถี่ 5-8 ใบ ใบอ่อนสดของหอมแดงใช้สำหรับการบริโภค ส่วนหัวหรือบัลบ์ หัวหรือบัลบ์เป็นส่วนของกาบใบที่เรียงซ้อนกันแน่นจากภายในของหัวออกมา เป็นแหล่งสะสมของกิน และน้ำ มีลักษณะเป็นกระเปาะ เรียกว่า Bulbs มีลำต้นด้านใน มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆสีขาว ซึ่งเป็นที่เกิดของหัวหอม หัวหอมจะแตกใหม่ออกมาจากหัวเดิม โดยเฉลี่ย 2 - 20 หัวต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวโดยประมาณ 1.5-3.5 ซม. ต้น ต้นที่เห็นเหนือดินเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากบัลบ์ จัดเป็นลำต้นเทียมที่เกิดขึ้นมาจากกาบใบเรียงอัดกันแน่น ต่อมาก็เลยเป็นส่วนของใบ ราก รากหอมแดงเป็นระบบรากฝอยจำนวนมาก แตกหน่อออกจากข้างล่างของต้น มีลักษณะเป็นกระจุกรวมกันที่ตูดหัว และก็แพร่ลงดินลึกในระดับตื้นประมาณ 10-15 เซนติเมตรและแผ่รอยต้นราว 5-10 เซนติเมตร การขยายพันธุ์ หอมแดงสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 แนวทาง คือ การใช้ส่วนหัวพันธุ์ (sets) และก็การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) การใช้หัวพันธุ์ (sets) เป็นแนวทางของเกษตรกรที่นิยมปฏิบัติกันมานาน หัวหอมแดงที่จะปลูกจำต้องผ่านการพักตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน จึงจะปลูกได้ การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) เป็นวิธีที่ลดเงินลงทุนสำหรับในการผลิตสำหรับในการซื้อหัวจำพวกที่แพงแพง สำหรับวิธีการปลูกหอมแดงนั้นมีดังนี้ การเตรียมแปลงปลูก หอมแดงเป็นพืชที่มีระบบระเบียบรากสั้น มีขอบเขตรากลึกประมาณ 10-15 ซม. ดังนั้น ในระดับความลึกนี้ หอมแดงก็เลยต้องการหน้าดินร่วนซุย รวมทั้งมีความชื้นสม่ำเสมอ มีการระบายน้ำ รวมทั้งอากาศดี ไม่ต้องการที่จะอยากดินแน่น โดยเฉพาะระยะที่มีการแตกหัวใหม่ การเตรียมดินให้ร่วนซุยจะช่วยทำให้หอมแดงเติบโตได้ดิบได้ดี ด้วยการไถพรวนดินทีแรก ลึก 20 ซม. พร้อมกำจัดวัชพืช ตากแดดทิ้งเอาไว้ 7-15 วัน หลังจากนั้น ไถลูกพรวนดินให้ร่วนด้วยผานที่เล็กลง ลึก 20-30 เซนติเมตร และตากดินก่อนปลูก 3-7 วัน ก่อนไถลูกพรวนครั้งที่ให้หว่านปุ๋ยคอก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ไร่ ในช่วงฤดูฝนแปลงปลูกหอมแดงจะต้องยกร่องกว้างโดยประมาณ 1-1.2 เมตร ความยาวขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกเพื่อน้ำฝนระบายออกได้ ระยะห่างระหว่างแปลงจะเว้นไว้ราวๆ 30-50 เซนติเมตร เพื่อเป็นฟุตบาทสำหรับการให้น้ำหรือกำจัดวัชพืช ก่อนปลูก 1-3 วัน ควรจะให้น้ำในแปลงให้เปียกก่อน กรรมวิธีปลูก นำหัวจำพวกที่พักตัวดีแล้วหรือหัวชนิดที่เก็บไว้นาน 2-4 เดือนภายหลังจากเก็บเกี่ยว มาตัดรากแห้งออก แยกหัวออกมาจากกันให้เป็นหัวเดี่ยวๆแล้วฝังหัวลงไปในดินให้ปลายของหัวอยู่เป็นประจำผิวดิน ระยะปลูกที่ 15 x 15 ซม. ปิดฟางดกราวๆ 1 ซม. เมื่อหอมแดงแตกออกได้ราว 15 วัน จึงหว่านปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21% อัตรา 10 กิโลกรัม/ไร่ แล้วให้น้ำยามเช้าเย็นหรือวันละครั้ง แล้วแต่ภาวะความชื้นของผิวดิน หอมแดงที่ปลูกจากหัวเก็บเกี่ยวเมื่ออายุราว 60 วัน หอมแดงที่สมควรสำหรับเพื่อการเก็บเกี่ยวจำต้องแก่จัด มีใบแห้งตามธรรมชาติ โดยห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นบังคับให้ใบแห้ง เนื่องจากว่าหัวหอมบางทีอาจเน่าเสียหายหรือแก่เก็บไว้บริโภคสั้น ก่อนการเก็บเกี่ยวราว 10-15 วัน ต้องงดให้น้ำ แล้วก็ให้น้ำอีทีก่อนเก็บเกี่ยว 1 วัน เพื่อให้หอมแดงถอนได้ง่าย การเก็บเกี่ยวจะใช้กรรมวิธีการมือถอนหรือใช้จอบหรือเสียมขุดร่วมด้วย หลังการเก็บเกี่ยว หอมแดงจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน ภายหลังเก็บเกี่ยวบนแปลง ถ้าหากเกิน 6 เดือน หัวหอมแดงจะฝ่อไม่อาจจะกินและไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้ ทั้งนี้หอมแดงสามารถผสมข้ามจำพวกได้ กับหอมหัวใหญ่ ลูกผสมที่เกิดขึ้นมีลักษณะรูปร่างจัดเข้าอยู่ในกรุ๊ปของหอมหัวใหญ่ (A.cepa) ส่วนประเภทหอมแดงที่นิยมปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 3 ชนิด ซึ่งลักษณะซึ่งคล้ายคลึงกันมาก จำพวกศรีสะเกษ เปลือกหัวนอกหนา มีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมป้อม มีกลิ่นฉุน ให้รสหวาน ใบเขียวเข้มมรกต มีนวลจับเล็กน้อย จำพวกบางช้าง มีลักษณะคล้ายกับพันธุ์ศรีสะเกษ แต่ว่าสีเปลือกนอกจางกว่า หัวมีลักษณะกลมป้อม ใบสีเขียวเข้ม มีนวลจับบางส่วน เป็นจำพวกที่ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นมากยิ่งกว่าทุกพันธุ์ จำพวกเชียงใหม่ มีเปลือกบาง สีส้มอ่อน หัวมีลักษณะกลมรี กลิ่นไม่ฉุนเหมือนประเภทอื่น ให้รสหวาน หัวจะแบ่งเป็นกลีบกระจ่าง ไม่มีเปลือก ใบสีเขียวมีนวลจับ ส่วนประกอบทางเคมี หัวหอมมีน้ำมันระเหยง่ายที่มีกำมะถัน diallyl disulphide เป็นส่วนประกอบร่วมกับสารอื่นๆอีกเช่น Ethanol, Acetonc, methyl Ethyl, Methyl Disulfide, Methyl, Methyl Trisulfide, Methyl I-propyl Trisulfide, I-propyl Trisulfide, Ketone, I-propanol, 2 – propanol, Methanol, I-butanol, Hydrogen Sulfidc, I-propanethiol, I-propyl Disulfide , Thioalkanal-S-oxide, di-n- propyl Disulfide, n- propyl-allyl Disulfide, Dithiocarbonate และ Thiuram Sulfidc ,Linoleic , flavonoid Glycoside , pectin , alliin ส่วนสารที่กระตุ้นให้เกิดกลิ่นในหัวหอมมีอยู่ 3 ชนิด คือ dipropyl trisulfide, methylpropyl disulfide , methylpropyl disulfide แล้วก็ methylpropyl trisulfide ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของหอมแดงนั้นมีดังนี้ (https://www.img.live/images/2018/07/03/3cd4fcd6e9ee4824.jpg) คุณค่าทางโภชนาการของหอมแดงดิบต่อ 100 กรัม
ผลดี/คุณประโยชน์ ในการใช้ประโยชน์จากหอมแดงนั้นโดยมากกว่า 80% มักจะนิยมนำไปปรุงอาหารอีกทั้งอาหารคาว และขนมหวาน รวมทั้งนำไปเป็นของเคียง ของอาหารต่างๆดังเช่น ข้าวซอกซอย สเต๊ ฯลฯ รวมถึง หัวหอม ใบรวมทั้งช่อดอกอ่อน รับประทานเป็นผักสดและก็ปรุงเป็นอาหาร หอมทั้งยังหัวและก็ใบ ดอกเปรี้ยวกินเป็นผักจิ้ม ส่วนสำหรับเพื่อการใช้หัวหอมในด้านคุณประโยชน์รักษาโรคนั้นมีดังนี้ ตามสรรพคุณโบราณของไทยพูดว่า ใบมีรสเค็มหวาน เป็นเมือก ใช้แก้หวัดและเลือดกำเดาออก หัวหอมรสเผ็ด แก้ไข้มีเสลด ใช้ในปริมาณน้อย บำรุงผมให้เจริญงอกงาม ทำให้ผิวหนังแจ่มใส แก้ไข้ เช็ดทาผิวหนังทำให้ร้อน ขับเสลด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ ใช้ข้างนอก การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์คุ้มครองตับและไต การเรียนรู้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันความเสื่อมโทรมของตับแล้วก็ไตจากการตำหนิดเชื้อไข้จับสั่น โดยเตรียมสารสกัดหอมแดงอย่างหยาบคายด้วยน้ำ ต่อจากนั้นนำไปทดลองฤทธิ์ในหนูถีบจักร สายพันธุ์ ICR ที่ติดโรคมาลาเรีย Plasmodium berghei ANKA จำนวน 6x106เซลล์ ต่อตัวทดลอง โดยให้หนูทดลองได้รับสารสกัดทางหลอดอาหารวันละครั้ง เป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน แล้วก็กระทำการตรวจวัดค่าบ่งชี้ความเสื่อมโทรม อย่างเช่น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ aspartate aminotransferase (AST), alanine aminotransferase (ALT) แล้วก็ตัวบ่งชี้การทำงานของไต ได้แก่ blood urea nitrogen (BUN) รวมทั้ง creatinine โดยใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป ผลของการทดลองพบว่าความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดหอมแดงที่ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเป็นพิษหมายถึง3,000 มิลลิกรัมต่อโล รวมทั้งในตอนที่มีการติดโรคไข้มาลาเรียนั้นจะเจอความย่ำแย่ของตับ และไตเกิดขึ้นในวันที่ 10 ภายหลังจากติดโรคโดยมองได้จากระดับของ AST, ALT, BUN แล้วก็ creatinine ที่สูงที่สุด แต่สารสกัดหอมแดงที่ขนาด 3,000 มิลลิกรัมต่อโล สามารถคุ้มครองปกป้องความเสียหายของตับรวมทั้งไต จากการต่อว่าดเชื้อไข้จับสั่นได้โดยมองจากตัวบ่งชี้ที่มีระดับธรรมดา จากผลการศึกษาเรียนรู้สามารถสรุปได้ว่าสารสกัดหอมแดงมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องความย่ำแย่ของตับแล้วก็ไตจากการต่อว่าดเชื้อไข้มาลาเรียในตัวทดลองได้ ฤทธิ์ต่อต้านอักเสบ ทดลองฤทธิ์ต้านการอักเสบของส่วนสกัดหัวหอมแดงในเอทานอลในหลอดทดสอบ กระทำทดลองความมีชีวิตรอดของเซลล์ด้วยวิธี 3-4,5-dimethylthiazol-2-yl-2,5-dyphenyl tetra-zolium bromide (MTT) ศึกษาผลของส่วนสกัดต่อการแสดงออกของยีนที่เป็นตัวกลางการอักเสบอาทิเช่น inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX)-2, COX-1, tumor necrosis factor (TNF)-α, interleukin (IL)-1β รวมทั้ง IL-6 ในเซลล์เพาะเลี้ยงมาวัวรฟาจ (RAW 264.7) ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร Lipopolysaccharide (LPS) โดยวัดจำนวนยีนที่แสดงออกด้วยแนวทาง reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) พินิจพิจารณาหาปริมาณฟีนอลรวม และฟลาโวนอยด์รวม ของส่วนสกัดโดยใช้ปฏิกิริยาการเกิดสีกับสาร Folin-Ciocalteu และก็สารอลูมินัมคลอไรด์ ตามลำดับ ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าที่ความเข้มข้น 62.5, 125 และ 250 ไมโครกรัม/มล. ส่วนสกัดหอมแดงในเอทานอลไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ และก็มีฤทธิ์ยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบดังเช่นว่า iNOS, TNF-α, IL-1β และ IL-6 เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้น ส่วนสกัดหอมแดงไม่เป็นผลต่อการแสดงออกของยีน COX-2 แต่ยั้งการแสดงออกของยีน COX-1 อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยมีปริมาณสารฟีนอลรวมคิดเป็น 15.964±0.122 สมมูลกับกรดแกลลิก/กรัม รวมทั้งมีจำนวนสารฟลาโวนอยด์รวม 11.742 ±0.012 มก. สมมูลกับสารเคอร์ซิทิน/กรัม การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การทดสอบสารสกัดบิวทานอลจากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มล./แผ่น หรือความเข้มข้นอื่นๆกับ Bacillus subtilis M-45 (Rec-) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ รวมทั้งเมื่อเปลี่ยนมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis H-17 (Rec+) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์เช่นเดียวกัน นอกนั้นการทดลองน้ำสกัดหรือน้ำต้มหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis M-45 (Rec-) รวมทั้งการทดลอง B. subtilis H-17 (Rec+) ด้วยน้ำสกัดหอมสด ก็พบว่าสารสกัดพวกนี้ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แม้กระนั้นถ้าใช้ส่วนสกัดจาก chromatography (undiluted) หรือการใช้ oleoresin จากหอม (undiluted) มาทดลองกับ Salmonella typhimurium TA100 ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์ แต่เมื่อเอามาทดลองกับ S. typhimurium TA98 กลับไม่มีฤทธิ์ ใช้สารสกัดเมทานอลทดลองกับ S. typhimurium TA98 พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แรง และเมื่อเรียนกลไกการเมตา-โบไลท์สารก่อกลายพันธุ์ของหอมในร่างกาย พบว่ากลูตาธัยโอน กลูคิวโรนายด์ ไดธัยโอธรีธอล สามารถลดฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมได้ แต่ว่าไวตามินซีไม่มีผลต่อฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมอะไร มีการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของเครื่องเทศที่ใช้จัดเตรียมน้ำพริกแกง ใน S. typhimurium พบว่าสารสกัดจากหอมมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ถึง 100% ซึ่งเป็นผลมาจากสารสำคัญที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในหอม เมื่อกระทำการแยกและก็วิเคราะห์สารสำคัญนั้นพบว่า เป็นสารประเภท ฟลาโวนอยด์ เคอร์ซิตำหนิน (quercetin) ขึ้นรถสำคัญที่แยกบริสุทธิ์ได้ 1 ตัว พบว่าหมายถึงquercetin-4-0-glycoside สารนี้เป็นสารก่อกลายพันธุ์ฤทธิ์อ่อน ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของมันจะสูงมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเอนไซม์ในร่างกาย เมื่อสลายสารนี้ด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี b-glucuronidase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่พบที่ลำไส้ใหญ่ พบว่าฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์จะรุนแรงเพิ่มขึ้น พิษต่อเซลล์ ทดสอบสารสกัดเมทานอลจากรากหอมสด ความเข้มข้น 200 มคก./มล. กับ macrophage cell line raw 264.7 พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ดังที่กล่าวถึงแล้ว คำแนะนำ/ข้อควรตรึกตรอง
|