หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ กรกฎาคม 11, 2018, 09:50:31 am (https://www.picz.in.th/images/2018/07/03/NhB6PV.jpg)[/b]
งาขาว[/size][/b] ชื่อสมุนไพร งาขาว ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะติด ซะเจี่ย (เมื่อน) ชื่อสามัญ Sesame seeds (white) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesamum orientale Linn. วงศ์ PEDALIACEAE บ้านเกิดเมืองนอน งาขาวมีบ้านเกิดเมืองนอนเช่นเดียวกันกับ งาดำเป็นงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแต่โบราณ มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถัดมาก็ถูกนำเข้าไปยังอินเดีย จีน รวมทั้งแถบแอฟริกาเหนือและเอเชียใต้ ในราวโดยประมาณ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลและในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็เป็นที่รู้จักกันมาช้านาน ซึ่งนำมาใช้ผลดีได้ทั้งยังทางยา ของกิน และก็เครื่องแต่งตัว ลักษณะทั่วไป งาขาว เป็นพืชล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรงจรดยอด สูงประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งกิ่งก้านสาขา แต่บางชนิดอาจมีการแตกกิ่งกิ้งก้าน ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมครึ้ม ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้ ใบงาขาว ออกเป็นใบผู้เดียว เรียงตรงข้ามกันตามความสูงของลำต้น ประกอบด้วยก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวโดยประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราว 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 8-15 ซม. โคนใบมน เป็นฐานกว้าง รวมทั้งค่อยเรียวลงจนกระทั่งปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นกิ้งก้านใบ ขอบใบเรียบหรือเป็นหยัก ดอกงาขาวเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกรุ๊ปบริเวณซอกใบ 1-3 ดอก ประกอบด้วยก้านดอกสั้น ราวๆ 3-5 มิลลิเมตร ถัดมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว จำนวน 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมชิดกันห่อฐานดอก ต่อมาเป็นกลีบดอกที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบดอกอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ราวๆ 4-5 เซนติเมตร ปลายกลีบแขวนลงดิน และก็แยกออกเป็น 2 กลีบเป็นกลีบล่างที่ยาวกว่า รวมทั้งกลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ต่อมาภายในดอกจะมีสีกลีบดอกไม้ภายในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวแตกต่างกันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ดังนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในเวลาเช้า รวมทั้งกลีบจะตกลงดินในตอนเวลาเย็น ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกออกจะกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวราว 2-3 ซม. เปลือกฝักดก มีสีเขียว รวมทั้งมีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา รวมทั้งปริแตก ทำให้เมล็ดตกลงดิน ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กสีขาวหลายชิ้น เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เม็ดมีรูปไข่ เปลือกเมล็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอม ใน 1 ฝัก จะมีเม็ดโดยประมาณ 70-100 เม็ด การขยายพันธุ์ งาขาว ที่ปลูกกันทั่วไปมี 6 พันธุ์ เป็นต้นว่า
งาเป็นพืชเขตร้อนชอบอาการร้อนและก็แดดจัด อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ราวๆ 27-30 องศาเซลเซียส ไม่ชอบอากาศหนาวเย็น ถ้าอุณหภูมิต่ำยิ่งกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ อาจจะชะงักการเติบโต แต่ถ้าเกิดอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้การผสมเกสรติดยาเสพย์ติดกการสร้างฝักเป็นไปได้ช้า ฤดูปลูก
องค์ประกอบทางเคมี เม็ดงาขาวประกอบด้วยน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตประมาณ 13.5% และก็เถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาราวๆ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงคนเดียว 35% และก็อีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ช่วงเวลาที่ 45% ของกากงาประกอบด้วยโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนส่วนประกอบทางเคมีที่มีในเม็ดงาขาวนั้นก็มีเหมือนกับงาดำ ดังเช่น กรดไขมันดังเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกรุ๊ป lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆเป็นต้นว่า sitosterol ส่วนค่าทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้ (https://www.img.live/images/2018/07/03/815b789e8eaf832e.jpg)[/b] คุณประโยชน์ทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม) งาขาวดิบ น้ำ 3.9 กรัม พลังงาน 658 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 20.9 กรัม ไขมัน 57.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 15.0 กรัม ใยอาหาร 4.6 กรัม เถ้า 3.1 กรัม แคลเซียม 86 มก. เหล็ก 7.4 มก. ฟอสฟอรัส 650 มก. เบต้า แคโรทีน 0 มิลลิกรัม ไทอะมีน 1.08 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.11 มก. ไนอะซีน 3.3 มก. คุณประโยชน์/คุณประโยชน์ งาขาวใช้เป็นส่วนประกอบของขนมหวาน เป็นต้นว่า กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือของหวานต่างๆรวมถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆดังเช่น ใช้สำหรับเตรียมอาหาร โดยเฉพาะของกินพวกทอดต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริม ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแต่งตัว ยกตัวอย่างเช่น โลชั่นสำหรับดูแลผิว น้ำหอม สบู่ เป็นต้น ใช้ในอุตสาหกรรมยา และก็อาหาร อย่างเช่น ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตช็อกโกแลต การสร้างเนยเทียม เป็นต้น ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ ใช้ทารักษาแผล ใช้ทาผม ช่วยให้ผมมันวับ ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผื่นผื่นคัน มีการทำการศึกษาในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองแล้วก็ใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงยิ่งกว่าถั่วเหลืองราว 3 เท่า แล้วก็สูงกว่าไข่ ราวๆ 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงขึ้นยิ่งกว่าไข่ราวๆ 5% แต่ว่าต่ำกว่าถั่วเหลืองราว 2 เท่า นอกเหนือจากนี้โปรตีนในงาขาวยังแตกต่างจากพืชเครือญาติถั่วและพืชให้น้ำมันอื่นๆเพราะมีกรดอะมิโนที่ต้องซึ่งพืชดังกล่าวข้างต้นขาดแคลน ได้แก่ เมธไธโอนินและก็ซีสติน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ ดังนั้นบางทีอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกของกินถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นอาหาร หรือใช้เสริมโปรตีนที่มาจากสัตว์ซึ่งแพงแพง ยิ่งกว่านั้นยังใช้เสริมของกินพวกธัญพืช กล้วย รวมทั้งของกินแป้งอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม นอกเหนือจากนั้นเม็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม และก็ฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากกว่าพืชทั่วๆไปราวๆ 20 เท่า ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของงาขาวนั้น ตำรายาไทยกล่าวว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบเสิบสาน น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่บาดแผลเจริญ การหุงน้ำมันจำเป็นต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบและก็เถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวไปจนเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศแล้วก็ไทยสิ่งละเล็กน้อย หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วเอาไว้ภายในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยสมานแผลเจริญมากมาย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของงาขาวนั้น แบบเรียนยาไทยระบุว่า สารเซซาไม่นในเมล็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสโลหิตของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นต้นเหตุที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรค Athersclerosis (ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต) บรรเทาอาการของโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา เช่น Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้ ดังนี้มีการศึกษาวิจัยน้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ได้แก่ กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินรวมทั้งเส้นใย ซึ่งมีความจำเป็นในการต้านทานโรคมะเร็ง รวมทั้งสนับสนุนสุขภาพ รูปแบบ/ขนาดการใช้ เหมือนกับงาดำ เป็นสำหรับในการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์โดยมากจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านของกินแล้วก็ผลิตภัณฑ์เสริมความงดงามมากยิ่งกว่าด้านการรักษาโรคแม้กระนั้นก็มีการใช้ประโยชน์ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง ดังเช่นว่า
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินทีละ 3.5 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ติดต่อกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 ก.ต่ออาหาร 100 ก. ผลวิจัยพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol รวมทั้ง Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol รวมทั้งเอนไซม์ต้านทานอนุมูลอิสระ รวมทั้งลดความเข้มข้นของผลิตผลจากการเกิดการเพอคอยกสิเดชั่นของไขมันที่มากขึ้นเนื่องจากพิษของนิโคติน นอกเหนือจากนี้ยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA รวมทั้งคุ้มครองป้องกันไม่ให้ DNA ในเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถบรรเทาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นรวมทั้งความเป็นพิษต่อสารพันธุกรรมในร่างกายได้ และการศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดระดับความดันโลหิตสูง คนเจ็บชายรวมทั้งหญิงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับน้อยถึงปานกลาง คือมีค่าความดันเลือดตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท และค่าความดันเลือดตัวด้านล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี จำนวน 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลรักษาเป็นยาขับฉี่ hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีก่อนร่วมการเล่าเรียน แล้วก็ยังคงได้รับยานี้ตามปกติตลอดการเล่าเรียนนี้ ผู้ป่วยจะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้สำหรับการทำครัวในครอบครัว 4 – 5 กก. ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (ราวๆ 35 ก./วัน/คน) รวมทั้งจะต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงชนิดเดียวตลอด 45 วัน แล้วหยุดเปลืองน้ำมันงา ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน ทำตรวจร่างกาย ความดันโลหิต น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเลือด ก่อนที่จะมีการเล่าเรียน หลังจากกินน้ำมันงา 45 วัน แล้วก็ภายหลังจากหยุดกินน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันชนิดอื่นสำหรับในการทำอาหารในผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูง ทำให้ค่าความดันเลือดตัวบนและตัวด้านล่างกลับลงสู่ระดับธรรมดา น้ำหนักร่างกาย แล้วก็ BMI ลดน้อยลง แต่ว่าภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol รวมทั้ง low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ต่างอะไรกันเมื่อประเมินผลทั้ง 3 ตอนที่ศึกษาเล่าเรียน ยกเว้นระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงา แล้วก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงาและก็กลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงมากขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาและก็ลดน้อยลงสู่ค่าธรรมดาเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ต่ำลงเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ค่ายังคงเดิมหลังจากที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี catalase รวมทั้ง superoxide dismutase ในเลือดสูงมากขึ้น แล้วก็ glutathione peroxidase ในเลือดลดลง เมื่อใช้น้ำมันงาและก็ค่ายังคงเดิมภายหลังหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-คาโรทีน รวมทั้ง reduced glutathione สูงมากขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งน้อยลงภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการศึกษาเล่าเรียนแปลว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดระดับความดันโลหิต ลดการเกิด lipid peroxidation รวมทั้งเพิ่มฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ในผู้เจ็บป่วยความดันเลือดสูงร่วมกับยาขับปัสสาวะได้ การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเล่าเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการศึกษาเล่าเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเล่าเรียนรวมกันทั้งยังงาขาว งาดำ) เพราะฉะนั้นผลการศึกษาเรียนรู้ทางพิษวิทยาของงาขาวจึงดังงาดำ (ดูการศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของ งาดำ) อเสนอแนะ/ข้อควรไตร่ตรอง
Tags : งาขาว
|