หัวข้อ: มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้ เริ่มหัวข้อโดย: watamon ที่ กรกฎาคม 14, 2018, 09:21:52 am (https://www.img.live/images/2018/07/03/1a3db5.jpg)[/b]
มะนาว[/size][/b] ชื่อสมุนไพร มะนาว ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่ละโมบลยาน (กะเหรี่ยง จังหวัดกาญจนบุรี) ชื่อสามัญ Common lime, Lime , Sour lime ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Limonia aurantifolia Christm. & Panzer. วงศ์ Rutaceae บ้านเกิด เชื่อกันว่ามะนาวเป็นพืชพื้นบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนื่องจากว่าผู้ที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้คุณประโยชน์จากมะนาวกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่อดีตแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเมืองไทย แต่ว่ามีการศึกษาค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่ามะนาวมีบ่อเกิดในอินเดียตอนเหนือ แล้วก็เขตเชื่อมต่อกับพม่า รวมถึงทางตอนเหนือของมาเลเซีย (แต่น่าประหลาดที่ไม่พบมะนาวในป่าของไทย) ตอนนี้มีการปลูกมะนาวทั่วไปในเขตร้อน และเขตอบอุ่นครึ่งร้อนทั่วโลกเพราะเหตุว่ามะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ และทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีกว่าส้ม ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลผสมเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของกิ่งไม่ค่อยเป็นระเบียบ บนลำต้นรวมทั้งกิ่งจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีทั้งยังหนามสั้นและก็หนามยาวมีสีเขียวเข้มแล้วก็สีเขียวอมเหลือง ส่วนบริเวณปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบคนเดียว เป็นมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างราวๆ 3-6 เซนติเมตร ยาวราวๆ 6-12 ซม.รูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบของใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นรวมทั้งมีปีกใบแคบหรือบางทีอาจไม่มีปีกใบก็ได้ ดังนี้ขึ้นกับพันธุ์มะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางแทบเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านบนละเอียดวาวส่วนผิวใบข้างล่างออกจะหยาบและก็มีสีจางกว่า เมื่อทำการขยี้ใบจะมีกลิ่นแรง ดอกมะนาวบางทีอาจเกิดเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อก็ได้ มีทั้งที่เป็นดอกสมบูรณ์และไม่บริบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบรวมทั้งปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบดอกไม้มีสีขาว รวมทั้งด้านท้องกลีบดอกอาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกไม้มีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีปริมาณ 4-5 อัน ปริมาณกลีบในแล้วก็กลีบนอกมีปริมาณเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้เยอะแยะถึง 20-40 อัน เชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม กรุ๊ปละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ประมาณ 9-12 อัน ผลมะนาวมีรูปร่างต่างๆนาๆตามจำพวกของประเภท มีรูปร่างยาวรี รูปไข่ รวมทั้งรูปร่างกลม ที่ก้นผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยปกติมีขนาดความยาว 3-12 เซนติเมตร เปลือกมักษณะขรุขระ รวมทั้งมีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม ใส่อยู่จำนวนไม่ใช่น้อย เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวและก็มีกลิ่นหอมหวนเมล็ด ขนาดเล็กเหมือนรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ข้างในเมล็ดมีเนื้อเยื่อสีขาว การขยายพันธุ์ มะนาวเป็นพืชที่สามารถปลูกก้าวหน้าในดินแทบทุกจำพวก ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินทราย แม้กระนั้นถ้าเกิดต้องการจะปลูกมะนาว ให้งอกงามดี มี ผลเยอะ รวมทั้งคุณภาพดี ก็น่าจะปลูกเอาไว้ในพื้นที่ที่เป็นดินร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีสารอินทรีย์ผสม อยู่มาก และก็ควรเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำได้หลายแนวทาง อาทิเช่น การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง และก็การตำหนิดตา แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับเพื่อการขยายพันธุ์มะนาวสูงที่สุดคือ การทำหมันกิ่ง โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้
ควรจะปลูกเอาไว้ในช่วงต้นฤดูฝน ควรขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างและลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดิน ปุ๋ยธรรมชาติ แล้วก็ปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่า ระดับดินปากหลุมเล็กน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงอีกทั้ง 2 ด้าน (ช้ายและขวา) ดึงถุงพลาสติกออก โดยระวังอย่าให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อคุ้มครองลมพัดโยก หาวัสดุหุ้มดินบริเวณโคนต้น ดังเช่นว่า ฟางข้าว หญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยซ่อนแดด การกระทำรักษา การให้น้ำ ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ในตอน ที่ปลูกใหม่ๆควรให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างต่ำ (กรณีฝนไม่ตก) ภายหลังปลูกประมาณ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง และควรหา วัสดุมาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น ควรจะเริ่มงดให้น้ำ ตั้งแต่ตอนมีนาคม เป็นต้นไป จนกระทั่งตอนออกดอก เพื่อให้มะนาวสะสม อาหารให้มากถึงระดับที่สามารถสร้างตาดอกได้ ธรรมดามะนาวจะมีดอก เมษายน-เดือนพฤษภาคม ภายหลังจากมะนาวออกดอก รวมทั้งกำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากน้ำมากมาย เพื่อใช้สำหรับการเติบโต ของผล (https://www.img.live/images/2018/07/03/2f58e1.md.jpg)[/b] ส่วนชนิดมะนาวที่มีการปลูกกันมากมายในไทย อาทิเช่น
ส่วนประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid, ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากผู้กระทำลั่นผิวผล ปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 ประกอบด้วยสารต่างๆเป็นต้นว่า d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%), alpha-pinene citric acid (1.69%), geraniol (0.31%), linalool, terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin) ใบมะนาวเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ camphene ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยปริมาณร้อยละ 0.27 องค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆอย่างเช่น 6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับในการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสของกินไทยที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นส่วนประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ส้มตำ ยำทุกชนิด ลาบแล้วก็ของกินไทยอีกอีกเยอะมาก ต่างชาติใช้มะนาวทั้งในอาหารคาวหวาน อาทิเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา น้ำมะนาวนอกจากใช้แต่งรสเปรี้ยวในของกินหลาย จำพวกแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ รวมทั้งน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย และเมืองนอกทั่วโลก ยิ่งกว่านั้นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์บางชนิดยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆแทงไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส โดยด้านในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงจำนวนร้อยละ 7 น้ำมะนาวก็เลยมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาสำหรับทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาสำหรับล้างจาน นอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกดังเช่น หุงข้าวให้ขาวและอร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวประมาณ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว ทอดไข่ให้ฟูแล้วก็นุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้ มะนาวช่วยลดเหม็นคาวจากปลาเมื่อประกอบอาหารและก็ทำให้ปลาอาจรูปไม่เละ เมื่อใช้มีดผ่าปลีกล้วย มีดจะมีสีม่วงหมู่ ล้างออกตรากตรำ เอามาทุ่งนาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดเหมือนเดิม การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่ารับประทาน เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งด้านลงไป จะช่วยให้กล้วยใส น่ากินมากขึ้น มะนาว 2-3 ลูกใส่ไว้ภายในถังข้าวสารช่วยคุ้มครองมอดได้ ส่วนการแปรเปลี่ยนรูปมะนาว มะนาวดัดแปลงได้ อย่างเช่น น้ำมะนาวทำอาหาร มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมนะที่นาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกมะนาวสามรส เปลือกของมะนาวเส้นแต่งรส เปลือกมะนาวเชื่อม เปลือกของมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว เป็นต้น ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้นระบุว่า ตำรายาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด รวมทั้งผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสมหะโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม นอกจากนั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทวดาจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นเหียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเจาะจงถึงคุณประโยชน์ของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่ทำให้เกิดความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) พบได้ทั่วไปบริเวณผิวเปลือกของมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นส่วนประกอบหลักเกินกว่าจำนวนร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณสมบัติป้องกันและรักษาโรคมะเร็งหลายอย่าง ชาวต่างชาติทั่วๆไปมักดื่มน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชตระกูลส้ม อย่างเช่น ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับข้าวเช้า น้ำผลไม้กลุ่มนี้มีวิตามินซี และก็มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoid) มีสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) แล้วก็ท้องนาริงจิน (naringin) รวมทั้งลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชตระกูลส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid) สารกลุ่มฟลาโม้นอย์ส้มนี้มีรายงานทางการแพทย์ตะวันตกว่าใช้เพื่อการรักษาไข้จับสั่น โรครูมาติเตียนสม์เรื้อรังและก็โรคเกาต์ ใช้สำหรับการปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน ปกป้องการตกเลือดหลังคลอด แล้วก็ช่วยทุเลาอาการระคายคอจากการติดเชื้อรวมถึงโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคที่เกิดขึ้นจากการได้รับวิตามินซีในอาหารน้อยเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการของโรคเกิดขึ้นภายใน 8-12 สัปดาห์ คนไข้มักมีอาการคล้ายไม่สบาย หมดแรง ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บกระดูก มีแผลฟกช้ำหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง กำเนิดโรคทางปริฟัน เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์แปรปรวน หรือมีสภาวะเศร้าหมอง สำหรับประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยแต่ก่อนที่ให้คนเจ็บโรคนี้กินส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าคนเจ็บสามารถฟื้นได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว เมื่อเทียบกับผู้เจ็บป่วยอีกกรุ๊ปที่รับประทานอาหารจำพวกอื่น นอกจากนี้ในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะทำการกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้เปียกแฉะคอ ก็เลยช่วยบรรเทาลักษณะการเจ็บคอได้ แบบ/ขนาดวิธีการใช้ อาการไอ ระคายคอจากเสลดใช้น้ำจากผลที่โตสุดกำลัง เพิ่มเกลือน้อย จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเพิ่มเติมเกลือและก็น้ำตาลน้อย อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแม้กระนั้นน้ำขณะมีลักษณะอาการ หรือหลังรับประทานอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสลดได้ยามเช้าหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือนิดหน่อย) จะช่วยทุเลาท้องผูก รวมทั้งช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการกลาก โรคเกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วขัดให้แห้ง แล้วก็ใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้สักประเดี๋ยว ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาดแล้วซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะมองแจ่มใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับการแก้ไข้ทับรอบเดือน ด้วยการเอาใบมะนาวโดยประมาณ 100 ใบมาต้มกินช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง การเรียนทางเภสัชวิทยา การศึกษาสัตว์ทดสอบในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชเครือญาติส้มกับหนูไขมันสูง มีผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดปริมาณไขมันรวมรวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังกล่าวมาแล้วข้างต้น รวมทั้งส่งผลลดระดับความดันเลือดรวมทั้งขับเยี่ยวในหนูความดันสูง การทดลองในห้องปฏิบัติในแคนที่นาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วของฟลาโวนอยด์ส้มเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากผลของการกระตุ้นลักษณะการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับในตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอคอยล (sterol regulatory element, SRE) ในประเทศสหรัฐอเมริกา งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยในสัตว์ทดสอบพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม อย่างเช่นกลุ่มเฮสเพอริดิน และก็กรุ๊ปโพลีเมโททอกสิเลตฟลาโม้น (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดลอง ซึ่งสนับสนุนผลที่เกิดจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา สาธารณรัฐประชาชนจีน การวิจัยพบว่า นาริงจิน แล้วก็เฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นหลักการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของกลูโคสและไขมันที่เกี่ยวพันกับการสร้างพลัคอุดตันของหลอดเลือดแล้วก็กระบวนการอักเสบ ผลการศึกษาบอกว่าฟลาโวนอยด์ส้มทั้งยัง 2 ชนิดแสดงผลลัพธ์ต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) แล้วก็ยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์ นอกเหนือจากนี้ สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน ส่งผลต่อการผลิตไนตริกออกไซด์ในเซลล์ผนังหลอดเลือดผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจ เป็นเหตุให้เกื้อหนุนการกินมะนาว และฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเลือด คุ้มครองโรคเส้นโลหิตหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยทอง งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งโปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ของมะเร็ง การเรียนรู้ในห้องทดลองในรัฐเท็กซัสรวมทั้งแคลิฟอเนีย อเมริกาพบว่า สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต้านทานออกซิเดชั่นพอควร แม้กระนั้นต่ำกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชเชื้อสายขิง มีบทความทางด้านการแพทย์กล่าวว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ช่องปาก กระเพาะ รวมทั้งโรคมะเร็งเต้านมจากการทดลองในห้องทดลองแล้วก็ในสัตว์ทดลองหลายประเภท แม้กระนั้นยังไม่พบผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยทางสถานพยาบาล ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังต่อไปนี้ ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีการศึกษาค้นคว้าผลของทั้งยังน้ำมันหอมระเหยรวมทั้งสารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus แล้วก็ E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus และก็ Bacillus cereus สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii และก็ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มก./มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis และก็ Streptococcus faecalis การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว (เสมอกันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่พบความผิดแปลกอะไรก็แล้วแต่เมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/กิโลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษอีกทั้งแบบเฉียบพลันและก็กึ่งเรื้อรัง แม้กระนั้นพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/กก.น้ำหนักตัว/วัน มีเอ็นไซม์ในตับเพิ่มขึ้นแม้กระนั้นยังอยู่ในตอนธรรมดา และไม่พบความเปลี่ยนไปจากปกติของอวัยวะภายใน ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวมีผลยับยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ และก็การทดลองฤทธิ์ระคายเคืองโดยกรรมวิธีการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวได้ผล positive ข้อแนะนำ/ข้อควรพิจารณา
|